สัญญาณเตือนภัย???
ยังอลหม่านพูดกันไม่รู้จับเช่นเดียวกับสถานการณ์น้ำท่วมในบ้านเรา ในเรื่องราวของแมตช์ที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถล่มผีแดงจนราบคาบ หลายคนเริ่มสับสนถึงช่วงเวลาเปลี่ยนถ่ายความยิ่งใหญ่กันหรือเปล่า หรือว่ายังไม่ถึงเวลาเพียงแค่ออกหมัดเตือนเท่านั้นเอง
พูดกันตามความเป็นจริง เวลายังอีกยาวไกลเพียงแค่เป็นแมตช์ที่น่าอายสำหรับผีแดงที่โดนถล่มยับในนัดดาร์บี้แมตช์ ทีมของโรแบร์โต้ มันชินี่ ส่งสัญญาณเตือนอย่างเด่นชัดพร้อมจะแก่งแย่งและยึดครองบัลลังก์เอาไว้ให้ได้
ทว่าอย่างที่บอกไปมันไม่สามารถฟันธงฉับลงไปแบบเน้นๆ ว่าเรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนี้ไปครองอย่างแน่นอน
สถิติในหลายๆ ฤดูกาลที่ผ่านมามันฟ้องอย่างชัดเจน ทีมนำในตารางหลังจากจบเดือนตุลาคม ทว่าสุดท้ายแล้วหลังจากจบฤดูกาลเป็นได้แค่รองแชมป์หรือหลุดอันดับลงไปมากกว่านั้น
ฤดูกาลที่แล้วเชลซีออกสตาร์ตเริดหรูจนใครต่อใครคิดกันไปว่าน่าจะมอบแชมป์ให้ไปเลยตั้งแต่ออกสตาร์ตกันเพียงไม่กี่นัด โกยแต้มและถล่มคู่แข่งจนแหลกละเอียดเป็นว่าเล่น
โดยผ่านไป 9 นัดเชลซีนำผีแดงอยู่ 5 แต้มเช่นเดียวกับที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ขี่ผีแดงอยู่ในตอนนี้ วันเวลาผ่านไปรวดเร็วเหมือนโกหก หลังปีใหม่ทีมของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามเดินหน้าเต็มกำลังจนท้ายที่สุดเชลซีต้องแพ้พ่ายภัยตัวเองแผ่วลงไปปล่อยให้ผีแดงแซงคว้าแชมป์ไปซะงั้น
หรือถ้าจะย้อนลงไปอีกในฤดูกาล 2009-2010 หลังจากผ่านไป 9 นัดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นทีมนำโดยมีเชลซีตามหลังมาติดๆ ทว่าอันดับจ่าฝูงในเดือนตุลาคมไม่สามารถการันตีอะไรได้เลย
เชลซีตามขึ้นมาแซงเบียดเอาแชมป์ไปครองโดยมีแต้มเหนือผีแดงไปเพียงแต้มเดียว ทว่านั่นก็เพียงพอต่อการเป็นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ชัยชนะของเชลซีที่มีเหนือผีแดงในเดือนเมษายนเป็นปัจจัยสำคัญของการเป็นแชมป์ในฤดูกาลนั้น
หรืออาจจะมองกันให้มากไปกว่าเดิม ฤดูกาล 2008-2009 ลิเวอร์พูลดูจริงจังขึ้นมากับความหวังที่จะคว้าแชมป์กลับถิ่นแอนฟิลด์หลังจากรอกันมานาน ผ่านไป 9 นัดหงส์แดงเป็นจ่าฝูงโดยมีเชลซีตามมาอันดับ 2
ในนาทีนั้นลิเวอร์พูลมีแต้มนำผีแดงซึ่งอยู่ในอันดับ 5 ของตารางอยู่ 5 แต้ม แต่สุดท้ายก็บัวแล้งน้ำ ทีมจากถิ่นแอนฟิลด์ยังคงจมอยู่กับความหวังลมๆ แล้งๆ ต่อไปเพราะผีแดงแซงเอาแชมป์ไปครองจนได้
ชัดเจนเลยว่าจ่าฝูงในเดือนตุลาคมไม่สามารถการันตีว่าจะคว้าแชมป์ไปครองได้ แต่ถ้าจะเป็นสัญญาณเตือนนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
ผีแดงมีปัญหาอะไรนักหนาหรือเปล่า มันก็มีบ้างซึ่งเฟอร์กี้จะสะสางเรื่องราวต่างๆเอง แน่นอนในเรื่องของแนวรับโดยเฉพาะเซ็นเตอร์แบ็ก คู่ไหนคือเจ้าประจำ คู่ไหนคือความไว้ใจสูงสุดที่จะใช้งานอย่างต่อเนื่อง คงต้องเลือกให้ชัดเจน
ส่วนจะพักนัดไหนหรือใส่ใครลงมาให้เหมาะกับแท็กติกในนัดนั้นๆว่ากันอีกที ที่ผ่านมาเฟอร์กี้จะเปลี่ยนไปเรื่อย แน่นอนโรเตชั่นมันดีอยู่แล้วกับความสดของนักเตะ แต่คงไม่ใช่เปลี่ยนหน้ากันไปแทบทุกนัด
ขยับตำแหน่งขึ้นมาอีกหน่อย มิดฟิลด์ท็อปคลาสคือเรื่องจำเป็น นี่คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำใมเฟอร์กี้ถึงต้องการตัวลูก้า โมดริชหรือเวสลีย์ สไนเดอร์ มาร่วมทีมช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
มันไม่ใชช่แค่เพียงหานักเตะเข้ามาทดแทนตำแหน่งของพอล สโคลส์เพียงอย่างเดียว นักเตะคนนั้นต้องทำหน้าที่ได้สารพัดอีกด้วย ชัดเจนพอสมควรแล้วว่าทั้งอันแดร์สันและดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ ทำได้เพียงบางส่วนเท่านั้นเอง ยังไม่สามารถทำงานได้ครอบคลุมเหมือนที่ต้องการ
เรียกว่าต้องเล่นได้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด จากหน้าประตูตัวเองไปถึงหน้าประตูคู่แข่ง ทั้งตัดเกม ทั้งพาบอลเดินหน้า ทั้งสร้างสรรค์เกมรวมทั้งปิดสกอร์ได้ด้วย
ความคาดหวังและความต้องการจากนักเตะคนนี้มีค่อนข้างมาก ที่ผ่านมาผีแดงมีให้ใช้งานกันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ยุคของไบรอัน ร็อบสันมาถึงรอย คีน จนถึงมือของพอล สโคลส์
อันแดร์สันกับเฟล็ตเชอร์ธรรมดาเกินไป เฟอร์กี้ต้องการนัดเตะท็อปคลาสในตำแหน่งนี้ พวกพื้นๆไม่สามารถช่วยทีมได้ในความหลากหลายของการคาดหวัง
ไม่น่าแปลกใจที่สเปอร์สโก่งค่าตัวโมดริชเต็มที่ หรือสไนเดอร์เรียกค่าเหนื่อยจนท่วมหัว เพราะรู้ดีว่าผีแดงต้องการอย่างมากนั่นเอง เชลซีก็แสดงออกชัดเจนเหมือนกันถึงกับยอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อขอซื้อโมดริช แต่สุดท้ายยังคงปักหลักรับใช้สเปอร์สต่อไป
เดือนมกราคมเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันจะขยับตัวในตลาดซื้อขายหรือไม่ เจ้าของทีมจะมองเห็นเหตุการณ์และยอมควักเงินให้หรือเปล่า น่าสนใจอย่างยิ่ง
ขุมกำลังโดยรวมของผีแดงโอเคหรือเปล่า ก็ยังโอเคอยู่ แต่จะสู้ให้มีความหวังและมีความหมายมากกว่านี้ก็น่าคิดเหมือนกัน บางคนบอกว่าขุมกำลังของผีแดงยังเหนือกว่าทีมอื่น นั่นคงไม่ใช่ทั้งหมดอีกต่อไปแล้ว
เพราะแมนเชสเตอร์ ซิตี้มีขุมกำลังที่แข็งแกร่งขึ้นมามากมายชัดเจน แต่ดีที่สุดแล้วหรือยัง คำถามนี้คงต้องบอกว่ายัง สุดยอดของทีมยังคงต้องยกให้บาร์เซโลน่าเหมือนเดิม
อย่างไรก็ตามทีขุมกำลังบางส่วนของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดีกว่าผีแดงไปซะแล้ว นั่นเพราะเรือใบยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อหานักเตะท็อปคลาสเข้ามาทั้งเก่าทั้งใหม่อย่างอาเกโร่,บาโลเตลลี่,ซิลบาหรือว่านาสรี่ พวกนี้ล้วนแล้วแต่มากความสามารถซึ่งช่วยยกระดับของทีมได้เป็นอย่างดี
เพราะฉะนั้นสัญญาณเตือนมันชัดเจนโดยไม่ต้องอ้ำอึ้งจริงบ้างเท็จบ้างเหมือนกับรัฐบาลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำหรือแถลงการณ์ให้ประชาชนทราบ
เฉลี่ยพื้นที่ทั้งทีมเรือใบไม่ได้เป็นรองผีแดงอีกแล้ว เตือนกันซึ่งๆหน้ากันเลยทีเดียว หรือว่าอาจจะดีกว่าหรือเหลื่อมนิดๆด้วยซ้ำ
การแย่งแชมป์พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลนี้จึงเป็นสถานการณ์ที่น่าเหนื่อยใจแทนเฟอร์กี้เช่นกัน แต่ก็ต้องเผื่อใจเอาไว้บ้างสำหรับแฟนบอลเรือใบสีฟ้า เพราะสถิติเก่าๆนั่นแหละมันชวนให้สงสัยอยู่ตลอดเวลา
4-5 ฤดูกาลที่ผ่านมาทีมจ่าฝูงในเดือนตุลาคมพลาดแชมป์ในท้ายที่สุดไปทั้งหมด
เรื่องโดย "ดามัน"
คอลัมน์ ทดเจ็บ3นาที นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์