เรือใบสีฟ้าคู่ปรับใหม่ที่น่าหนักใจของท่านเซอร์

เรือใบสีฟ้าคู่ปรับใหม่ที่น่าหนักใจของท่านเซอร์

เรือใบสีฟ้าคู่ปรับใหม่ที่น่าหนักใจของท่านเซอร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำหรับวันนี้ไม่มีฟุตบอลคู่ใหญ่ลงเตะก็จะเปลี่ยนบรรยากาศเขียนเรื่องราวของฟุตบอล เหมือนเดิม ซึ่งยังอยู่กับฟุตบอลพรีเมียร์ลีกเหมือนเดิม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาถ้าใครชมฟุตบอลแมนเชสเตอร์ดาร์บี้แมตช์ก็คงไม่มีใครเชื่อว่าสกอร์จะออกมามโหฬารยิงกันไปถึงเจ็ดลูกในเกมเดียว

และทีมชนะก็เป็น แมนฯซิตี้ ทีมเยือนของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่ยัดเยียดความปราชัยนัดแรกของฤดูกาลให้กับแมนฯยูไนเต็ดของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
    
ถ้าจำกันได้ ช่วงต้นฤดูกาลทั้งสองทีมต้องเจอกันในฟุตบอลคอมมูนิตี้ ชิลด์แข่งที่สนามเป็นกลางอย่างเวมบลีย์ซึ่งแมนฯซิตี้ที่ออกนำแมนฯยูไนเต็ด ก่อนถึงสองลูก จะโดนแมนฯยูไนเต็ดกลับมายิงแซง

โดยเฉพาะประตูชัยของแมนฯยูฯ เกิดขึ้นในนาทีสุดท้ายจากความผิดพลาดของแนวรับแมนฯซิตี้นั่นเอง เกมนั้นถือว่าแมนฯซิตี้ได้อะไรกลับไปเยอะมากทั้งเรื่องของประสบการณ์ที่นักเตะของทีมได้รับแบบชนิดที่ว่าจดจำจนวันตายเลยทีเดียว
     
ดังนั้นเมื่อแมนเชสเตอร์ดาร์บี้แมตช์นัดแรกของฤดูกาลนี้มาถึง แมนฯซิตี้ก็พัฒนามากกว่าช่วงต้นฤดูกาล เพราะความผิดหวังจากเกมที่แล้วถือว่าเป็นวิชาอย่างดีเลยทีเดียว

รวมทั้ง โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือของทีมก็รู้ว่าต้องทำยังไงกับคู่แข่ง ส่งผลให้แมนฯซิตี้ ต้องเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี ขณะที่แมนฯยูฯ ก่อนแข่งฟอร์มดีเหลือเกิน ไม่แพ้ใครเลยก็อาจจะเกิดกับความประมาท

ด้วยเนื่องจากถือว่าตัวเองเคยเอาชนะคู่แข่งอย่างแมนฯซิตี้มาแล้วตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล แถมเล่นในโอลด์ แทรฟฟอร์ดบ้านตัวเองอีกต่างหาก
     
เมื่อเกมการแข่งขันจบลงด้วยชัยชนะแบบไม่น่าเชื่อของแมนฯซิตี้ก็ต้องยอมรับว่ามันชินี่ปรับปรุงคุณภาพของทีมมาดีเหลือเกิน ยิ่งการปรับให้นักเตะระดับโลกหลายคนภายในทีมเล่นให้เข้ากันที่ถือว่าเป็นงานยากทั้งมาริโอ บาโลเตลลี่ เซร์คิโอ อาเกโร่ หรือ ดาวิด ซิลบา ซึ่งเล่นได้ชนิดที่ว่าหล่อเหลือเกิน มีส่วนกับเกมอยู่ตลอด

ทำให้ผลการแข่งขัน 6-1 ถือว่ามาจากฝีมือจริงๆ ไม่ใช่ความโชคดี ขณะที่แมนฯยูฯ พลาดในจุดที่จอนนี่ อีแวนส์ โดนไล่ออกจากการทำฟาวล์ตั้งแต่ครึ่งแรก จนส่งผลให้ทีมเสียเปรียบมากๆ จากการที่ฟุตบอลระดับนี้เสียเปรียบนักเตะเพียงคนเดียว โอกาสที่ทีมจะแพ้มีมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์
    
อย่างไรก็ตามถือว่าโชคดีที่เป็นแค่ช่วงครึ่งแรกของฤดูกาลอยู่ และแมนฯซิตี้ก็นำเป็นจ่าฝูงแบบไม่ห่างเท่าไหร่ ทำให้แมนฯยูไนเต็ดมีโอกาสตามทัน

ซึ่งอาจจะส่งผลให้เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันกุนซือของทีมที่ถือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามากกว่าใครเพื่อนในโลกของฟุตบอลลีกกลับมามีไฟในการทำทีมอีกครั้งเหมือนสมัยหนุ่มๆ ที่มีความท้าทายตลอด

เริ่มจากสมัยที่เข้ามาคุมทีมใหม่ก็ต้องมาเจอกับคู่ปรับสำคัญอย่างเคนนี่ ดัลกลิชที่ตอนนั้นยังนั่งเป็นนายใหญ่อยู่ที่ถิ่นแอนฟิลด์แล้วต้องมาเจอกับ ลีดส์ ยูไนเต็ด และแบล็คเบิร์น โรเวอร์สที่ขึ้นมาฤดูกาลเดียว

ก่อนที่จะมาเจอกับคู่ปรับคนสำคัญที่ถือว่าตลอดกาลอย่างอาร์แซน เวนเกอร์ ที่มาคุมอาร์เซนอลโดยทั้งสองคนพาทีมผลัดกันเป็นแชมป์บ้างผิดหวังบ้าง

หลังจากนั้นค่อยมาเจอจอมอหังการอย่าง โจเซ่ มูรินโญ่ ที่รับบทมาคุมเชลซีและสามารถลูบคมท่านเซอร์ด้วยการเป็นแชมป์ลีกถึงสองสมัย ก็ไม่แปลกใจเลยว่าท่านเซอร์ถึงมีไฟ เพราะคู่แข่งที่เข้ามาแต่ละทีม ล้วนไม่ธรรมดาทั้งนั้น
    
พอจบยุคของมูรินโญ่ก็ดูเหมือนว่าแมนฯยูฯจะกลับมาครองความยิ่งใหญ่แต่คู่แข่งมากขึ้นทั้งอาร์เซนอลหรือเชลซีเอง รวมทั้งแมนฯซิตี้ก็กำลังสร้างทีมใหม่

ซึ่งตอนแรกอาจจะไม่ใช่คู่มือของแมนฯยูฯ ซักเท่าไหร่ แต่พอเรือใบมาได้โรแบร์โต้ มันชินี่ ที่มีประสบการณ์มากด้วยฝีมือกุมบังเหียน อนาคตของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เปลี่ยนไป

เพราะแมนฯซิตี้ถือว่าเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวชนิดที่ว่า ประมาทไม่ได้เป็นอันขาด ยิ่งปัจจัยเรื่องเงินก็ส่งผลให้แมนฯซิตี้เติบโตเร็ว แบบเร่งด่วน

สุดท้าย เมื่อทั้งสองทีมเจอกันในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ไม่แปลกใจที่เห็นแมนฯซิตี้ชนะเพราะเรื่องของฟุตบอลคงไม่มีใครที่เอาชนะได้ตลอดหรือเป็นผู้แพ้ได้ตลอด แต่ตกใจในสกอร์ที่ออกมา

จึงเรียกว่ายกระดับแมนฯซิตี้ตัวเองมีสภาพทีมที่ไม่ต่างจากแมนฯยูฯเองหรือเชลซีที่มาแบบเงียบๆ แล้วในชั่วโมงนี้แถมทีมอย่างแมนฯยูฯ ในยุคของท่านเซอร์ไม่เคยแพ้ใครหลุดลุ่ยแบบนี้มาก่อน

ดังนั้นผลที่ออกมาอาจจะทำให้แฟนบอลไม่มีความสุขเท่าไหร่นัก ในทางกลับกัน ผลลัพธ์นั้นได้ปลุกวิญญาณนักสู้ของผู้ชายที่ชื่อ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลับมากับคู่ปรับทีมใหม่ที่มาจากบ้านเดียวกันอย่าง แมนฯซิตี้ ครับ

เรื่องโดย "หมอเมา"

คอลัมน์ หมอเมาเล่า นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook