‘คาร์ลิ่งคัพ’กลับมาเกิด!
เป็นยังไงบ้างครับ....พี่น้องชาวไทยที่เคารพ!
“น้ำท่วม”พิบัติภัยอันรุนแรงที่สุดครั้งประวัติศาสตร์มาเคาะประตูหน้าบ้านคนนั้นคนนี้สลับหน้าไปทุกวันจนไม่มีเวลากินนอน
เช่นเดียวกันกับผมที่จะต้อง “เฝ้าระวัง”ทั้งที่ยังไม่ได้ถูกเตือน ก็เนื่องมาจาก “การเตือน” ที่ผ่านมานั้น ประสบกับตัวเองแล้วว่า มันมาในทางที่ไม่มีใครเตือน
อันนี้น่ากลัวสุด
บ้านพี่ชายที่คลอง 3 เรียบร้อยแทบจะมิดหลังคา ทำให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้านผมเป็นที่พักพิงย่อยๆ ทำให้สมาชิกในบ้านมากเกิน 10 คน
แต่มันก็ดี มีความสุขไปอีกแบบเพราะไม่ได้อยู่กันแบบนี้เกือบ 20 ปีแล้ว
สิ่งที่น่าสนใจตอนนี้ก็คือ น้ำจะท่วมเมื่อไหร่ ก็เท่านั้นเอง
ว่ากันว่า หากใครที่ดูโทรทัศน์ที่บางท่านออกมาพูดทำให้ชาวบ้านฟังแล้วงง ก็อธิบายกันง่ายๆ อีกทีว่า “น้ำจะท่วมเท่าไรให้เอาถนนเมนเป็นหลัก เราต่ำกว่าเท่าไรก็บวกไปเท่านั้น”
อาทิ ข้อมูลบอกเราท่วม 100 เซนติเมตร เราอยู่ต่ำ 10 เซนติเมตร เท่ากับเราจะท่วม 110 เซนติเมตร
เอาใจช่วยทุกคนครับให้พ้นพิบัติภัยไปได้ ซึ่งตอนนี้ผมก็รายงานเรื่องนี้ทั้งที่ทวิตเตอร์ @bee_lamsing และที่เฟซบุ๊ก ที่ชื่อว่า ไอ้หนุ่มวัยซิ่ง บี แหลมสิงห์ เกือบจะตลอด
ยังไงลอง Follow ดูนะครับ เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อท่านบ้างไม่น้อยก็มาก
ขณะที่เรื่องของฟุตบอล ผมดีใจอย่างมากที่ฟุตบอลรายการแรกที่ได้ดูถ่ายทอดสดในชีวิตนี้อย่าง “คาร์ลิ่งคัพ” ซึ่งสมัยนั้นเป็น “มิลค์คัพ” หรือที่เรียกกันติดปากว่า “ลีกคัพ”
ปีนี้คึกคักดีจริงๆ
เนื่องจากบรรดาขาเป้งให้ความใส่ใจอย่างเหลือเชื่อ จะเป็นเพราะกระหายความสำเร็จ หรือว่าผู้เล่นล้นทีมก็แล้วแต่
พอเห็นจัดตัวลงเล่นแล้วถือว่า “น่าดู”กว่าเมื่อหลายปีที่ผ่านมาเยอะทีเดียว
11 ตัวจริงของแมนฯ ยูไนเต็ด : เบน เอมอส , ฟิล โจนส์ , เนมานย่า วีดิช , เอเซเกล ฟรายเออร์ส, ฟาบิโอ ดา ซิลวา , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์, ปาร์ค จี ซอง , มาเม่ ดิยุฟ , ไมเคิล โอเว่น , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
11 ตัวจริงของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ : คอสเทล แพนติลิม่อน, ปาโบล ซาบาเลต้า, สเตฟาน ซาวิช, โคโล ตูเร่, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ, ซาเมียร์ นาสรี่, อับดุล ราซัค, ไนเจล เดอ ยอง, อดัม จอห์นสัน, ลูก้า สกาปุซซี่, เอดิน เชโก้
11 ตัวจริงของเชลซี : รอสส์ เทิร์นบุลล์, บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, ดาวิด หลุยซ์, อเล็กซ์, ไรอัน เบอร์ทรานด์, จอช แม็คอีแครน, โอริโอล โรเมอู, ฟลอร็องต์ มาลูด้า, ซาโลมง กาลู, นิโกล่าส์ อเนลก้า, โรเมลู ลูกากู
11 ตัวจริงของลิเวอร์พูล : โฆเซ่ เรน่า , มาร์ติน เคลลี่ , เจมี่ คาร์ราเกอร์ , เซบาสเตียน โกอาเตส , ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์ , จอร์แดน เฮนเดอร์สัน , ลูคัส เลว่า , เจย์ สเปียริ่ง , มักซี่ โรดริเกซ , หลุยส์ ซัวเรซ , แอนดี้ คาร์โรลล์
11 ตัวจริงของอาร์เซนอล: ลูคัสซ์ ฟาเบียนสกี้ - นิโก้ เยนนาริส, โธมัส แฟร์มาเล่น, เซบาสเตียน สกิลลาชี่, อิ๊กนาซี่ มิเกล - อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, เอ็มมานูแอล ฟริมปง, ฟร็องซิส โกเกแล็ง, ยอสซี่ เบนายูน - อังเดร อาร์ชาวิน – ปาร์ค ชู-ยอง
แนวโน้มแบบนี้ดีขึ้น อาร์เซนอล อาจจะมีเด็กเยอะแต่ไม่เน้นเด็กอย่างเดียว ส่วน ยูไนเต็ด ก็ใช้ตัวสำรองเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับ เชลซี กับ แมนฯซิตี้
ส่วน ลิเวอร์พูล แบบนี้คือหมุนทีมเนื่องจากไม่ต้องเล่นเกมยุโรป
ทำให้ท้ายที่สุดแล้วในรอบ 8 ทีมสุดท้าย กลายเป็น แบล็คเบิร์น, คาร์ดิฟฟ์ และคริสตัล พาเลซ ที่ประหลาดกว่าคนอื่น ที่เหลือนั้นบิ๊กเนมทั้งนั้น
เมื่อทีมใหญ่เริ่มที่จะเอาบ้างกับถ้วยใบนี้ ทำให้เกิดกำไรอย่างงดงามให้กับ 2 องค์กรสำคัญ นั่นก็คือ ผู้ให้การสนับสนุนอย่างคาร์ลิ่ง และอีกหนึ่งคือ แฟนฟุตบอลที่โชคดีได้ดูบอลดีกว่าเดิม
ถือว่าช่วยกันยามยากก็แล้วกัน!
เรื่องโดย "บี แหลมสิงห์"
คอลัมน์ may i come in please นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์