‘นี่คือโอกาสสุดท้ายของผม’

‘นี่คือโอกาสสุดท้ายของผม’

‘นี่คือโอกาสสุดท้ายของผม’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีมลิเวอร์พูลวัย 31 ปี รู้ดีว่าโอกาสที่เขาจะได้ลุ้นความสำเร็จกับทีมชาติอังกฤษคงเหลืออยู่อีกไม่มากนัก และยูโร 2012 ที่โปแลนด์และยูเครนคือเป้าหมายที่เขาวางไว้ว่าจะขอก้าวไปสู่เป้าหมายแห่งชัยชนะกับทีมสิงโตคำรามให้ได้

เจอร์ราร์ดป็นหนึ่งในนักเตะหลักของทีมชุดที่ถูกขนานนามว่าโกลเด้น เจเนอเรชั่น ซึ่งถูกฝากความหวังไว้เมื่อ 10 ปีก่อนว่าจะเป็นชุดที่นำอังกฤษกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง หลังมีเพียงแชมป์โลก 1966 เป็นความสำเร็จเพียงครั้งเดียวของทีม

จนถึงตอนนี้ขุนพลสิงโตคำรามก็ยังคงต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า นักเตะจากยุคทองก็เริ่มโรยราลงไปจนเข้าสู่ช่วงปลายอาชีพ หรือบางคนก็หลุดวงโคจรจากทีมชาติไปแล้ว หรือแม้แต่เลิกเล่นไป แต่ก็ยังเหลืออีกบางคนที่ยังอยู่เป็นแกหลักของทีมมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งรวมถึงมิดฟิลด์ของหงส์แดงด้วย

แต่หลังจากได้เห็นปัญหาการบาดเจ็บ, การอกหักในการยิงจุดโทษ และฝันร้ายในรอบคัดเลือก ส่งผลต่อทัวร์นาเมนต์ใหญ่ของทีมชาติในยุคของเขามาแล้ว เจอร์ราร์ดก็หวังว่าครั้งนี้อังกฤษภายใต้การคุมทีมของฟาบิโอ คาเปลโล่จะไปถึงเป้าหมายแห่งความสำเร็จได้

“ถ้ามองตามความเป็นจริง เราประสบความสำเร็จแค่ทัวร์นาเมนต์เดียวเท่านั้น และมันทำให้คุณตระหนักว่าเป็นเรื่องยากแค่ไหนที่จะประสบความสำเร็จได้ในการแข่งขันระดับนี้” เจอร์ราร์ดบออก

“แต่มันคงเยี่ยมไปเลย ถ้านี่ต้องเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของผม แล้วเราสามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศหรือรอบชิงชนะเลิศได้ แทนที่จะกลับบ้านอย่างผิดหวังเหมือนครั้งที่ผ่านๆ มา”

“ในฐานะนักเตะแล้ว ไม่ว่าจะลงแข่งรายการไหน คุณจะทำเหมือนกับว่ามันเป็นโอกาสสุดท้ายของตัวเองเสมอ เพราะคุณไม่มีทางรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอีกสองปีข้างหน้า”

“แต่ผมอายุ 31 แล้วและจะอายุ 32 ตอนที่ยูโร 2012 เริ่มแข่ง ดังนั้นไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ผมจะทำเหมือนกับว่านี่คือโอกาสสุดท้ายของผม”

และถ้าเขามีโอกาสที่จะได้สานฝันกับทีมชาติต่อในรายการนี้ เจอร์ราร์ดกล่าวว่าเขาไม่ลังเลเลยกับประเด็นที่ว่าควรให้เวย์น รูนี่ย์รวมทีมไปแข่งด้วยหรือไม่ แม้ว่าดาวยิงของแมนเชเตอร์ ยูไนเต็ดจะติดโทษแบนตลอดสามนัดในรอบแบ่งกลุ่ม

รูนี่ย์โดนใบแดงในเกมสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มกับมอนเตเนโกรเมื่อเดือนที่แล้ว แต่เจอร์ราร์ดเชื่อว่าเพื่อนนักเตะชาวสเกาเซอร์ของเขามีความสำคัญมากต่อทีม เพราะหัวหอกรายนี้คือกุญแจที่จะทำให้อังกฤษมีโอกาสเดินหน้าไปสู่เป้าหมายได้

“ผมได้ดูเกมกับมอนเตเนโกรอยู่ที่บ้าน มีเพื่อนอีกสองสามคนและน้องชายผมมาดูด้วยกัน”

“มันเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับเวย์น เราค่อนข้างสนิทกัน และผมรู้ว่าเขาเองก็เจ็บปวดมาก ไม่มีใครผิดหวังมากไปกว่าตัวเขาเองอีกแล้ว”

“ตอนนี้เราต้องใช้งานนักเตะที่เรามีอยู่ และหวังว่าเขาจะฟิต สด และพร้อมลงเล่นให้เราได้หลังจากนั้น เพราะเราหวังว่าจะผ่านเข้ารอบลึกๆ ได้”

“ถ้าการตัดสินใจขึ้นอยู่กับผม ผมจะเอาเขาไปด้วยแน่นอน แต่มันเป็นการตัดสินใจของผู้จัดการทีม และสัญญาณที่พอมองเห็นในช่วงแรกนี้ก็คือเขาจะถูกพาไปด้วย แต่มันเป็นแค่สิ่งที่ผมอ่านมาจากข่าวนะ”

“เขาเป็นนักเตะที่มีความสามารถเหลือเฟือ และคุณจะตัดเขาออกไปไม่ได้ เราต้องคิดไว้ว่าเราจะผ่านรอบแบ่งกลุ่มไปได้ หลังจากนั้นคุณต้องการนักเตะอย่างเวย์น รูนี่ย์อยู่ในทีม ถ้าหากคุณอยากประสบความสำเร็จในการแข่งขัน”

ขณะเดียวกันเจอร์ราร์ดเองก็กำลังเผชิญกับปัญหาการบาดเจ็บครั้งล่าสุดอยู่ เมื่อข้อเท้ามีอาการอักเสบขึ้นมา จนทำให้เขาพลาดเกมอุ่นเครื่องกับสเปนและสวีเดนที่กำลังจะมาถึง แต่เจ้าตัวก็ยังมั่นใจในสิ่งที่เขาได้เห็นจากอังกฤษ

“ผมผิดหวังที่ไม่ได้ร่วมเตะอุ่นเครื่องครั้งนี้ด้วย แต่ผมจะรอดูเกมและคอยเชียร์ทีมอยู่ ผมยังต้องเรียกความฟิตกลับมาให้ได้อีกครั้ง แต่ผมก็อยู่อีกไม่ไกลแล้ว และหวังว่าผมจะได้กลับไปมีส่วนร่วมกับทีมชาติอีกครั้ง”

“ผมมีความรู้สึกหลายอย่างปนเปกัน มันเยี่ยมที่ได้เห็นทีมทำผลงานได้ดี นั่นคือเราผ่านรอบคัดเลือกได้ แต่มันก็น่าหงุดหงิดที่ผมไม่ได้มีส่วนร่วมมากนัก ผมได้มีส่วนร่วมในข่วงแรกๆ ของรอบคัดเลือก แต่หลังจากนั้นนักเตะในทีมก็ช่วยกันพาทีมเข้ารอบได้อย่างมีสไตล์”

การขาดรูนี่ย์ไปในรอบแบ่งกลุ่มของยูโร 2012 ทำให้คาเปลโล่ต้องมองหาตัวเลือกอื่นๆ รวมถึงระบบที่จะนำมาใช้ด้วย ว่าใครควรจะได้เล่นในแนวรุกและใครควรจะได้เล่นในแผงมิดฟิลด์

เจอร์ราร์ดช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับทีมได้ และเขายออมรับว่าคงแฮปปี้ไม่ว่าจะถูกส่งลงเล่นในตำแหน่งไหนก็ตาม และโอกาสที่จะได้ขยับจากแผงกลางขึ้นไปยืนสูงขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจเขาเช่นกัน

“ตลอดชีวิตการเล่นของผม ผมเล่นมาแล้วไม่รู้กี่ตำแหน่ง และพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดทุกครั้ง และผมจะทำเหมือนเดิมอีกถ้าถูกขอให้ทำแบบนั้น”

“ผมชอบเล่นเกมรุก ชอบพาบอลเข้าไปในเขตโทษ ผมชอบยิงประตู และการเปิดบอลให้เพื่อนทำประตูก็เป็นส่วนสำคัญในเกมของผม”

เจอร์ราร์ดยอมรับว่าการแข่งขันในตำแหน่งมิดฟิลด์เป็นไปอย่างเข้มข้น เพราะไม่ใช่แค่เขาเท่านั้นที่กำลังพยายามเรียกความฟิตกลับมา แต่ยังมีแจ๊ค วิลเชียร์ กองกลางดาวรุ่งของอาร์เซนอล ที่ยังไม่ได้ลงสนามเลยในฤดูกาลนี้อีกคน

กัปตันทีมลิเวอร์พูลยังเชื่อว่าการก้าวขึ้นมาของสก็อตต์ ปาร์คเกอร์ในฐานะมิดฟิลด์เจ้าประจำของทีมชาติอังกฤษ ทำให้ตัวเลือกของคาเปลโล่มีเยอะขึ้นไปอีก และเขามั่นใจด้วยว่าวิลเชียร์จะกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งกว่าเดิม

“ผมไม่ได้มีส่วนร่วมกับทีมในช่วงหลังๆ แต่จากการพูดคุยกับนักเตะคนอื่นๆ ดูเหมือนบรรยากาศจะเป็นไปด้วยดี ทีมมีสปิริตที่ดี และเราก็ผ่านรอบคัดเลือกได้ ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่น่าตั้งตารอ”

“แต่ตอนนี้เราอยู่ในจุดที่คนกำลังปลื้มไปกับความสำเร็จ เราถูกคาดหวังไว้สูงมาก ทั้งที่สิ่งสำคัญคือการติดดินเข้าไว้ และมีสมาธิอยู่กับความท้าทายที่รออยู่”

“การแข่งขันมีสูงสำหรับตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษ มีเกมอุ่นเครื่องเหลืออีกสามสี่นัดก่อนถึงรอบสุดท้าย และหวังว่ามันจะช่วยให้เราเรียกฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้”

“แต่ผมคิดว่าสิ่งสำคัญอันดับแรกคือการเข้าไปอยู่ในทีมให้ได้ก่อน หลังจากนั้นเราต้องแสดงให้ผู้จัดการทีมเห็นว่าเราคู่ควรกับตำแหน่ง 11 ตัวจริง ผมคิดว่านั่นคือเป้าหมายของนักเตะทุกคนในตอนนี้”

“สก็อตต์ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมมาก ผมคิดว่าเขาใช้ความผิดหวังจากการไม่ได้ร่วมทีมในอดีตมาเป็นแรงผลักดันและพัฒนาการเล่นให้ดีขึ้น”

“ผมคิดว่าสิ่งนั้นแสดงออกมาในการเล่นของเขา เขาอาจจะเป็นหนึ่งในนักเตะที่คงเส้นคงวาที่สุดของอังกฤษในรอบคัดเลือกก็ว่าได้ และแน่นอนว่าเขาคู่ควรกับตำแหน่งในทีม”

“ทุกคนอยากเห็นแจ๊ค วิลเชียร์กลับมาเร็วที่สุด เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีพรสวรรค์ และผมแน่ใจว่าถ้าเขากลับมาเล่นได้แบบเดิมอย่างที่เคยทำได้ เขาก็คงจะได้ติดโผ 23 นักเตะชุดนี้แน่นอน”

“เขามีฝีเท้ายอดเยี่ยม ผมไม่รู้ว่าเขาต้องพักรักษาอาการบาดเจ็บอีกนานแค่ไหน แต่ทุกคนที่อยากเห็นอังกฤษทำผลงานได้ดีต่างก็อยากเห็นเขากลับมาลงเล่น”

“ผมอยากเห็นเขากลับมาเล่นได้ดีอีกครั้ง เพราะเขาเป็นนักเตะที่เล่นแล้วดูสนุกมาก พวกเราในฐานะนักเตะทีมชาติอังกฤษต่างก็อยากให้เขาได้เข้ามามีส่วนร่วมกับทีมอีกครั้ง และช่วยทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นไปอีก”

ผลงานของสตีเว่น เจอร์ราร์ดในทัวร์นาเมนต์ทีมชาติ

ยูโร 2000
มีชื่อร่วมแข่งขันในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นครั้งแรก และได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมที่ชนะเยอรมัน 1-0 ก่อนที่อังกฤษจะถูกเขี่ยตกรอบคัดเลือกในภายหลัง

ฟุตบอลโลก 2002
ถอนตัวจากโผนักเตะชุดแรกที่ประกาศออกมาเพราะอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ

ยูโร 2004
เป็นตัวจริงตัวหลักภายใต้การคุมทีมของสเวน โกรัน เอริคส์สัน และทำผลงานได้ดีตลอดทัวร์นาเมนต์ โดยยิงได้หนึ่งประตูในเกมกับสวิตเซอร์แลนด์ แต่อังกฤษก็ตกรอบไปเพราะแพ้ในการยิงจุดโทษตัดสินกับโปรตุเกส

ฟุตบอลโลก 2006

จบทัวร์นาเมนต์ในฐานะดาวซัลโวสูงสุดของอังกฤษ ด้วยประตูในเกมกับตรินิแดดและสวีเดน ทีมสิงโตคำรามผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่อกหักเพราะแพ้จุดโทษต่อโปรตุเกสอีกครั้ง

ยูโร 2008
อังกฤษต้องการแค่เสมอกับโครเอเชียในเกมสุดท้ายที่เวมบลีย์เพื่อการผ่านเข้ารอบ แต่กลับแพ้คาบ้าน 2-3 ตกรอบคัดเลือกไปอย่างพลิกล็อก

ฟุตบอลโลก 2010
ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีม ทำประตูได้ในเกมแรกที่เสมอกับสหรัฐอเมริกา แต่อังกฤษก็ตกรอบสองด้วยการแพ้ยับต่อเยอรมัน

เรื่องโดย "เบบี้ แบร์"

คอลัมน์ ฟุตบอลผู้ดี นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook