Premier League Preview by มาร์ค สุรเดช
เว้นช่วงให้กับเกมทีมชาติไปหนึ่งสัปดาห์เต็มๆ ถึงคราวที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ จะได้กลับมาเตะกันตามปกติอีกครั้ง โดยสัปดาห์นี้จะแบ่งเตะเป็นวันเสาร์ 8 คู่, อาทิตย์ 1 คู่ และจันทร์ 1 คู่
แน่นอนว่าเกมบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์จะเป็นที่ไหนไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ที่สนาม สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซึ่ง เชลซี จะเปิดบ้านพบกับ ลิเวอร์พูล โดยทั้งคู่ยังมีคิวจะได้เจอกันอีกครั้งในอีกประมาณ 1 สัปดาห์เศษๆจากนี้ด้วย
อันเนื่องมาจากผลการจับสลากประกบคู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของฟุตบอล คาร์ลิ่ง คัพ ประจำฤดูกาลนี้นั่นเอง
อันดับทั้งของ เชลซี และ ลิเวอร์พูล ในซีซั่นนี้ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก โดยทีมของ อังเดร วิลลาส โบอาส รั้งอยู่อันดับที่ 4 เตะไปแล้ว 11 นัดมีอยู่ 22 คะแนน ขณะที่ ลิเวอร์พูล นั้นเตะไป 11 นัดเท่ากัน แต่ทีมของ เคนนี่ ดัลกลิช มีอยู่ 19 คะแนน
โอกาสลุ้นแชมป์ของทั้งคู่ อาจจะถูกตัดสินในสัปดาห์นี้เลยก็ได้ เพราะว่าความห่างระหว่างพวกเขากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปัจจุบันถูกทิ้งอยู่พอสมควร และหากเกมนี้ตัดแต้มกันเอง โอกาสจะโดนฉีกหนี หรือ ทิ้งห่างออกไปอีก ก็เป็นไปได้มาก
เชลซี พอจะได้ข่าวดีเมื่ออาการบาดเจ็บหนักของ มิกาเอล เอสเซียง ดีขึ้นเป็นลำดับและบางทีมิดฟิลด์ชาวกาน่าอาจจะกลับมาคืนสนามได้อีกครั้งก่อนถึงสิ้นปีนี้มีความเป็นไปได้สูงทีเดียว ที่ผ่านมา เอสเซียง เคยได้รับบาดเจ็บหนักๆแบบนี้มาแล้วในฤดูกาล 2008/09 ซึ่งแทบจะทำให้เขาพลาดโอกาสลงสนามไปทั้งฤดูกาล นอกจากนี้ในฟุตบอลโลก 2010 เมื่อปีที่แล้วที่ประเทศ แอฟริกาใต้ นั้น เอสเซียง ก็โดนอาการบาดเจ็บตามเล่นงานจนหมดโอกาสได้โชว์ฝีเท้าไปโดยปริยาย
สภาพทีมในเกมนี้ของ เชลซี ไม่ได้รับผลกระทบจากการที่นักเตะของพวกเขากระจายกันไปรับใช้ชาติมากนัก ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะเห็นหน้าตาของ 11 คนแรกในเกมนี้เปลี่ยนแปลงไปจากเกมลีกนัดล่าสุดที่พวกเขาบุกไปเฉือน แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 1-0 ถึง อีวู้ด ปาร์ค ซึ่งในเกมดังกล่าวนับเป็นการหยุดความพ่ายแพ้ 2 เกมติดต่อกันในลีกของพวกเขาด้วย หลังจากพ่ายแพ้ต่อ คิวพีอาร์ และ อาร์เซน่อล มาก่อนหน้านี้
เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกทีมชาติสเปน มีโอกาสจะกลับคืนสู่ 11 ตัวจริงและอาจจะเบียด แดเนียล สเตอร์ริดจ์ ให้หลุดไปนั่งสำรองแทน โดยคาดว่า วิลลาส น่าจะปรับแผนการเล่นด้วยจากที่เล่นกลางถึง 5 คนในเกมที่แล้ว กลับมาเป็นระบบ 4-4-2 หรือ 4-3-3 เพื่อสู้กับแดนกลางของ ลิเวอร์พูล อย่างเต็มที่
เกมรับของ เชลซี ยังมีกัปตันทีมจอมแกร่ง จอห์น เทอร์รี่ นำทีมอยู่เช่นเดิม แม้ตัวเขาจะอยู่ในระหว่างกระบวนการสอบสวนจากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าไปพูดเหยียดผิว แอนทอน เฟอร์ดินานด์ ในเกมที่ เชลซี ไปเยือน คิวพีอาร์ เมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคม
ด้าน “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ประกาศหนุนหลัง หลุยส์ ซัวเรซ ดาวยิงคนสำคัญของพวกเขาอย่างเต็มที่ แม้ว่า เอฟเอ หรือ สมาคมฟุตบอลอังกฤษ จะตั้งข้อกล่าวหาว่า ซัวเรซ ไปพูดเหยียดผิวกองหลังคู่แข่ง ปาทริซ เอฟร่า ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ระหว่างเกมที่ทั้งสองทีมพบกันเมื่อ 15 ตุลาคมปีนี้
อย่างไรก็ดี ลิเวอร์พูล ยังมีสิทธิจะใช้บริการของดาวยิงทีมชาติอุรุกวัยได้ตามปกติ จนกว่าที่ทาง เอฟเอ จะประกาศโทษแบน หรือ มีผลของการตัดสินออกมาถึงที่สุดแล้วเสียก่อน
แต่ข่าวดีของ ลิเวอร์พูล ยังพอมีบ้างเมื่อ เจมี่ คาร์ราเกอร์ รองกัปตันทีมของพวกเขาสลัดอาการบาดเจ็บหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว แต่ต้องดูว่า เคนนี่ ดัลกลิช จะตัดสินใจให้ คาร์ราเกอร์ กลับมาเป็นตัวจริงทันทีเลยหรือไม่ โดยหากยังลงเล่นไม่ได้ คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟของ ลิเวอร์พูล ในเกมเยือน เดอะ บริดจ์ เกมนี้น่าจะเป็นการจับคู่กันระหว่าง มาร์ติน สเคอร์เทล กับ ดาเนี่ยล แอ็กเกอร์
ในรายของนักเตะเจ็บที่เป็นตัวหลักนั้นดูเหมือนจะมีแค่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที่ไม่พร้อมและหมดสิทธิลงเล่นในเกมนี้อย่างแน่นอน นอกนั้นพร้อมจะเป็นตัวเลือกให้ ดัลกลิช จับลงสนามได้ทั้งหมด
สถิติที่น่าสนใจของเกมนี้:
- การพบกันเมื่อฤดูกาลที่แล้วที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ จบลงด้วยชัยชนะของ “หงส์แดง” ด้วยสกอร์ 0-1
- ลิเวอร์พูล มีผลงานการเล่นเป็นทีมเยือนที่ดีในฤดูกาลนี้ เมื่อชนะในการออกนอกรัง แอนฟิลด์ มาแล้ว 4 เกมติดต่อกัน
ความน่าจะเป็นของเกม:
เป็นเกมสำคัญของทั้งสองทีมสำหรับการรักษาโอกาสในการลุ้นแชมป์ แม้ว่าในความเป็นจริง ตำแหน่งแชมป์ลีกอาจจะดูไกลไปสักนิดสำหรับพวกเขาเมื่อดูจากฟอร์มของทีมนำอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เชลซี คงเน้นเต็มที่ แต่การที่ ลิเวอร์พูล เล่นนอกบ้านดีในปีนี้ น่าจะทำให้เกมออกมาแบบผลัดกันบุก โดยที่ ลิเวอร์พูล คงเน้นเกมสวนกลับ และ ฝากความหวังไว้กับ หลุยส์ ซัวเรซ ในการพลิกเกม โดยเมื่อมองจากองค์ประกอบรอบด้านแล้วโอกาสเสมอน่าจะมีความเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับเกมนี้
ผลการแข่งขันที่คาด:
เชลซี เสมอ ลิเวอร์พูล 1-1
วิเคราะห์วิจารณ์เกมคู่อื่นๆที่น่าสนใจ:
นอริช ซิตี้ vs อาร์เซน่อล
นอริช เสียประตูทุกเกมในลีกปีนี้ ขณะที่ อาร์เซน่อล กลับคืนฟอร์มเก่งอีกครั้งหลังจากเก็บชัยชนะได้ถึง 9 จาก 11 เกมหลังสุดที่ลงเล่นในทุกรายการ ดูจากศักยภาพของ นอริช ในเกมรับแล้วไม่น่าจะต้านทานความร้อนแรงของ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และผองเพื่อนได้อยู่ตลอดทั้ง 90 นาทีแน่
ผลการแข่งขันที่คาด:
นอริช แพ้ อาร์เซน่อล 0-2
เอฟเวอร์ตัน vs วูล์ฟแฮมป์ตัน
“หมาป่า” วูล์ฟส์ มีสถิติในการมาเยือนที่ กูดิสัน ปาร์ค ไม่ดีนัก เมื่อไม่สามารถเก็บชัยชนะกลับออกไปได้ใน 7 เกมหลังสุดที่มาเยือน ณ สนามแห่งนี้
อย่างไรก็ดีฟอร์มล่าสุดของทีม “ทอฟฟี่” เองก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน เมื่อแพ้ไปถึง 5 จาก 6 เกมหลังสุดในพรีเมียร์ลีก แต่เมื่อดูจากความแข็งแกร่งของผู้มาเยือน เกมนี้ เดวิด มอยส์ น่าจะมีโอกาสนำลูกทีมกลับมาเก็บชัยชนะเพื่อเรียกความมั่นใจกลับมาอีกครั้ง
ผลการแข่งขันที่คาด:
เอฟเวอร์ตัน ชนะ วูล์ฟ 2-1
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด
นอกจากจะฟอร์มแรงด้วยการนำเป็นจ่าฝูงทิ้งห่างคู่แข่งร่วมเมืองถึง 5 แต้ม ฟอร์มในบ้านของ ซิตี้ ยังสุดอลังการเมื่อชนะเกมในบ้านมา 13 เกมติดต่อกันเข้าให้แล้ว การเจอกับ นิวคาสเซิล เกมนี้จึงคาดว่าจะสนุกแน่นอนเพราะทีมเยือนเองก็ยังสะกดคำว่าแพ้ในลีกไม่เป็นในฤดูกาลนี้ แต่หากเทียบทีเด็ดทีขาดกันแล้ว โอกาสที่ ซิตี้ จะชนะติดต่อกันเป็นเกมที่ 14 ในบ้านมีความเป็นไปได้มากที่สุด
ผลการแข่งขันที่คาด:
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะ นิวคาสเซิล 1-0
สโต๊ค ซิตี้ vs คิวพีอาร์
ถูกที่ถูกเวลาทีเดียวที่ทั้งสองทีมโคจรมาปะทะกันในเวลานี้ เพราะนอกจากจะแต้มเท่ากันแล้ว อันดับในลีกยังติดกันในตารางคะแนนอีกด้วย ทว่าเกมใน บริทานเนีย ของ สโต๊ค ยังพอเชื่อใจได้ว่ามีทีเด็ดเสมออยู่ที่จะเด็ดพอจะเด็ดชีพของ คิวพีอาร์ ได้หรือไม่เท่านั้น
ผลการแข่งขันที่คาด:
สโต๊ค ชนะ คิวพีอาร์ 1-0
ซันเดอร์แลนด์ vs ฟูแล่ม
เป็นอีกเกมที่สูสีดู๋ดี๋เหลือประมาณสำหรับผลงาน และ ฟอร์มการเล่น แต่หาก สตีฟ บรู๊ซ กระตุ้นลูกทีมให้ลืมความพ่ายแพ้ต่อ ยูไนเต็ด ได้ พวกเขาก็น่าจะมีโอกาสดีในการลุ้นเก็บชัยชนะเพื่อขยับอันดับให้พ้นจากโซนอันตราย ฟูแล่ม คงฝากความหวังไว้กับ บ็อบบี้ ซาโมร่า ดาวยิงทีมชาติอังกฤษ คู่นี้โอกาสแบ่งแต้มเปิดกว้าง
ผลการแข่งขันที่คาด:
ซันเดอร์แลนด์ ชนะ ฟูแล่ม 1-0
เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน vs โบลตัน
“เดอะ แบ็กกี้ส์” แพ้มา 2 เกมติดต่อแล้วในลีก แต่นั่นเป็นการพบกับทีมใหญ่อย่าง อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล ทำให้ต้านไม่อยู่ ผิดกับเกมนี้ที่ทีมมาเยือนอย่าง โบลตัน ที่มีสภาพไม่ค่อยดีนัก รอย ฮอดจ์สัน น่าจะกระตุ้นลูกทีมเต็มที่ในการเบียดเก็บชัยชนะให้ได้
ผลการแข่งขันที่คาด:
เวสต์บรอมวิช ชนะ โบลตัน 2-1
วีแกน แอธเลติก vs แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
2 ทีมท้ายตารางต้องมาปะทะแข้งกันเอง ใครแพ้ต้องอมบ๊วยเกมตุ่ยเป็นรางวัล เกมรุก วีแกน ไร้ความคม ทว่า แบล็คเบิร์น เองก็ออกนอกบ้านไม่ค่อยดี แถมยังต้องการเร่งทำผลงานเพื่อยุติข่าวลือไม่สู้ดีนักเกี่ยวกับการขายกิจการของกลุ่ม เวนกี้ จากอินเดีย เจ้าของทีมของพวกเขา
ผลการแข่งขันที่คาด:
วีแกน เสมอ แบล็คเบิร์น 1-1
สวอนซี vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
“หงส์ขาว” สวอนซี ทำได้ดีเกินคาดกับการบุกไปแบ่งแต้มจาก ลิเวอร์พูล ในเกมที่แล้ว แต่เกมนี้ต้องเจอศึกหนักต่อเนื่อง
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เน้นกับเกมนี้แน่เพราะไม่ต้องการให้ช่องห่างของ ยูไนเต็ด กับ ซิตี้ โดนยืดออกไป และแม้ สวอนซี จะต้านทานอย่างไรก็คงไม่แคล้วต้องยอมรับสภาพเมื่อจบเกมอยู่ดี
ผลการแข่งขันที่คาด:
สวอนซี แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 0-1
ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ vs แอสตัน วิลล่า
เกมมันเดย์ไนท์ ที่น่าจะสนุก เมื่อดูจากชื่อชั้นของทีม สเปอร์ส กำลังผลงานดีเกมรุกจัดจ้านมากๆ ตรงกันข้ามกับ วิลล่า ที่ออกนอกบ้านแล้วจะเน้นรัดกุม แล้วค่อยหาจังหวะสวนกลับตามสไตล์การทำทีมของ อเล็กซ์ แม็คลีช
เจอกันฤดูกาลที่แล้ว สเปอร์ส จิก วิลล่า หงิกทั้งไปทั้งกลับ แถมสกอร์ 2-1 เหมือนกันทั้ง 2 เกมด้วย เกมนี้เทียบความคมแล้ว สเปอร์ส น่าจะเป็นฝ่ายได้กระต๊ากๆหลังเกม
ผลการแข่งขันที่คาด:
สเปอร์ส ชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1