My Liverpool by มาร์ค สุรเดช:
ผลเสมอที่แอนฟิลด์กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดูไม่ใช่ประเด็นใหญ่ในความรู้สึกของบรรดาเดอะ ค็อป แม้ว่านั่นจะทำให้พวกเขาพลาดโอกาสในการทำแต้มไล่บีบจ่าฝูงอย่าง ซิตี้ จาก 12 แต้มให้ใกล้กว่าเดิมอย่างน่าเสียดาย ที่เป็นเช่นนั้นเพราะข่าวการเสียชีวิตของ แกรี่ สปีด นั่นเอง
สปีด ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งจากเพื่อนนักฟุตบอลด้วยกัน รวมไปถึงคนมีชื่อเสียงในวงการฟุตบอลในวงกว้างอันมาจากความทุ่มเท, อุปนิสัย และ ความสำเร็จตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา
การเสียชีวิตของ สปีด ส่งผลให้ เคนนี่ ดัลกลิช ตัดสินใจไม่ใส่ชื่อของ เคร็ก เบลลามี่ ลงสนาม เพราะเหตุผลที่ เบลลามี่ และ สปีด ถือเป็นทั้งเจ้านายลูกน้อง และยังเป็นเพื่อนสนิทกันนอกสนามด้วย
การเสียชีวิตของ สปีด เกิดขึ้นในวันเดียวกับเกมบิ๊กแมตช์ที่ แอนฟิลด์ อย่างไรก็ดีเข้าทำนองที่ว่า เดอะ โชว์ มัสต์ โก ออน เกมระหว่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จึงเป็นเกมที่ทุกคนจับตามองว่า ซิตี้ จะฉกฉวยโอกาสนี้ทิ้งห่างทีมตามหลังที่ใกล้พวกเขาที่สุดอย่าง ยูไนเต็ด คู่ปรับร่วมเมืองไปได้อีกแค่ไหน หลังจากลูกทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยอมให้ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด บุกมาแชร์แต้มถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเกมวันเสาร์
เกมนี้ ดัลกลิช เลือกใช้ เดิร์ค เคาท์ ลงมายืนเป็นกองหน้าคู่กันกับ หลุยส์ ซัวเรซ ขณะที่แนวรับนั้นยังไม่มีชื่อของ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ใน 11 ตัวจริง ด้าน ซิตี้ เน้นกองกลางถึง 5 คนแล้ววาง เอดิน เชโก้ ที่ได้พักเป็นแค่สำรองในเกมพ่าย นาโปลี กลับมาเป็นตัวจริงอีกครั้ง
นาทีที่ 31 สกอร์บอร์ดที่ แอนฟิลด์ ก็ขยับเป็นทีมเยือนขึ้นนำ 1-0 โดยเป็นลูกเตะมุมที่ ดาวิด ซิลบา เปิดมาหน้าประตูและเป็น แว็งซ็องต์ กอมปานี กองหลังกัปตันทีมของ ซิตี้ ที่เทคตัวขึ้นมาหมายจะโหม่งบอลแต่ทว่าไปโดนหัวไหล่ของเจ้าตัวกลายเป็นประตูขึ้นนำของ ซิตี้
ลิเวอร์พูล โชคดีที่กลับสู่เกมได้อย่างทันควัน เพราะเพียง 2 นาทีต่อมา พวกเขาก็มีโชคเข้าข้างเมื่อลูกยิงไกลของ ชาร์ลี อดัม ลอยไปโดน โจลีออน เลสค็อตต์ เข้าประตูไปโดยที่ โจ ฮาร์ท เสียหลักไปพุ่งคนละทาง และสกอร์ 1-1 คือสกอร์เมื่อจบครึ่งแรก
ครึ่งหลังกลับมาเตะกันใหม่ ทั้งสองทีมยังเปิดเกมเข้าใส่กัน และมีโอกาสจะได้ประตูเพิ่มด้วยกันทั้งคู่ แต่ ซิตี้ ก็ต้องเหลือผู้เล่นไม่ครบ 11 คนเมื่อจบเกมนี้จนได้ เมื่อ มาริโอ บาโลเตลลี่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแทน นาสรี่ ในนาทีที่ 65 มาโดนใบเหลืองที่สองก่อนจะหมดเวลาเพียง 7 นาที
หลังจากเขาไปฟาวล์ มาร์ติน สเคอร์เทล ปราการหลังของ ลิเวอร์พูล ด้วยการใช้ศอก แต่ ลิเวอร์พูล ก็ไม่สามารถจะเอาชนะความเหนียวหนึบในเกมนี้ของ โจ ฮาร์ท ไปได้อยู่ดี และนั่นก็ทำให้ทั้งสองทีมต้องจำใจยอมรับผลเสมอไปในที่สุด
และแม้ว่า ลิเวอร์พูล จะรักษาสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันไว้ได้เป็นเกมที่ 10 แล้ว แต่พวกเขาก็มีสถิติชนะเกมลีกที่ แอนฟิลด์ ในฤดูกาลนี้เพียงแค่ 2 จาก 7 เกมเท่านั้น
อ็อปต้า ได้จดบันทึกสถิติ และ ตัวเลขต่างๆที่น่าสนใจเอาไว้ด้วย โดยตลอดทั้งเกมนี้ ลิเวอร์พูล มีโอกาสยิงถึง 17 ครั้งแต่เข้ากรอบเพียง 6 ครั้ง ขณะที่ผู้มาเยือน ซิตี้ ได้ยิง 7 เข้ากรอบ 3 หนด้วยกัน
ลูคัส เลว่า ที่เล่นได้โดดเด่นในเกมกับ ซิตี้ มีสถิติสัมผัสบอลมากที่สุดของทางฝั่ง ลิเวอร์พูล และนอกจากนี้เปอร์เซ็นต์การแย่งบอลของเขายังเพอร์เฟกต์เอาชนะคู่แข่งได้แบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มอีกด้วย
หลังเกมจบ คิง เคนนี่ ได้กล่าวถึงผลการแข่งขัน รวมถึงข่าวเศร้าของ แกรี่ สปีด เอาไว้ว่า “ผมรู้จัก แกรี่ สปีด เป็นอย่างดี เขาเป็นนักฟุตบอลที่เก่งคนหนึ่ง แต่ที่มีความหมายมากกว่านั้นก็คือเขาเป็นคนที่ดีมากๆ”
“มีคนเป็นจำนวนมากที่รู้สึกโศกเศร้ากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญมากๆณ เวลานี้ก็คือภรรยา และ ลูกชายทั้ง 2 คนของเขา”
“ครอบครัวของเขาต้องการแรงสนับสนุนอย่างมหาศาล และผมเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับมันอย่างแน่นอน เพราะ สปีด เป็นคนที่ดี และเพื่อนของเขามีเยอะมาก ซึ่งทุกคนล้วนเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น”
“สำหรับเกมที่เพิ่งผ่านไป ผมคงไม่สามารถจะเรียกร้องอะไรไปได้มากกว่านั้น เมื่อดูจากทั้งในแง่ของความพยายาม และ ความมุ่งมั่น ลูกทีมของผมทุกคนทำได้ดีมากๆ”
ลิเวอร์พูล มีเวลาพักฟื้นกันสั้นๆเพราะมีโปรแกรมต้องไปเยือน เชลซี ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในถ้วยคาร์ลิ่ง คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย โดยล่าสุดที่ทั้งคู่เพิ่งจะเจอกันในพรีเมียร์ลีกนั้น เป็นทาง ลิเวอร์พูล ที่บุกมาเชือด เชลซี ได้ถึงรัง อย่างไรก็ดีฟอร์มล่าสุดของทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ดูจะกระเตื้องขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากเกมลีกล่าสุดของพวกเขา จัดการถลกหนัง “หมาป่า” วูล์ฟ ถึง 3-0
อดัม หวานหยอด ลิเวอร์พูล ทำให้ชีวิตสุดแฮปปี้
ชาร์ลี อดัม ยอดกองกลางขวัญใจคนใหม่ของ ลิเวอร์พูล ออกมาเผยความรู้สึกที่ทำให้เหล่า เดอะ ค็อป ยิ้มด้วยความภูมิใจเมื่อกล่าวว่าแค่ได้ยินคำว่า ลิเวอร์พูล ก็ทำให้เขายิ้มอย่างมีความสุขได้แล้ว
ย้อนกลับไปในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา อดัม กองกลางตัวกลั่นทีมชาติสกอตแลนด์ ตัดสินใจย้ายลงใต้จาก แบล็คพูล มาซบอกของ ลิเวอร์พูล ซึ่งเปรียบได้กับการย้ายทีมในฝันของเขา หลังจากความพยายามที่จะมาร่วมงานกับ ลิเวอร์พูล ก่อนหน้านั้นจะเคยพบกับความผิดหวังมาแล้วก็ตาม
และนับตั้งแต่ที่ย้ายมาอยู่กับ ลิเวอร์พูล แล้ว อดัม ก็โชว์ผลงานที่ดีออกมาอย่างต่อเนื่องและนั่นก็เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่าเขาปรับตัวเข้ากับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างรวดเร็วทั้งชีวิตใน และ นอกสนาม
“ผมมีรอยยิ้มบนหน้าในทุกๆวัน โดยนับตั้งแต่ย้ายมาอยู่ที่นี่ ผมเฝ้ารอจะไปฝึกซ้อมกับทีมตั้งแต่ทุกๆเช้า”
“ผมสนุกกับการขับรถมาฝึกซ้อมที่ เมลวู้ด ในแต่ละวัน และนั่นทำให้ผมมีความสุขมากๆ”
“เมื่อคุณได้มาร่วมทีมอย่าง ลิเวอร์พูล แน่นอนว่าคุณย่อมต้องการโอกาสที่จะได้ลงสนาม และผมก็ค่อนข้างโชคดีจริงๆที่ได้รับโอกาสลงสนามในเกมสำคัญๆหลายเกมของซีซั่นนี้”
“ลิเวอร์พูล เป็นสโมสรที่ยิ่งใหญ่มากๆ การที่คุณเล่นให้กับทีมเช่นนี้มันสำคัญสำหรับทุกเกมที่ลงเล่น”
“ผมใฝ่ฝันเสมอที่จะได้เล่นให้กับ ลิเวอร์พูล และมันก็เป็นจริง”
ลิเวอร์พูล, เชลซี สนใจคว้าตัว ลูคัส
2 ดูโอแห่งพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล และ เชลซี ตกเป็นข่าวสนใจคว้าตัว ลูคัส ดาวจรัสแสงดวงใหม่แห่งวงการฟุตบอลบราซิลมาร่วมทีม
ลูคัส โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ให้กับต้นสังกัดของเขา เซา เปาโล และยังได้รับการยกย่องจาก ฟีฟ่า ให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามองที่สุดคนหนึ่งในปี 2012 อีกด้วย
ด้วยผลงานอันโดดเด่นของเจ้าตัวทำให้ชื่อของเขาไปเตะตาของบรรดาบิ๊กทีมในยุโรปจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งทั้ง เชลซี และ ลิเวอร์พูล ต่างได้สอบถามไปยัง เซา เปาโล ถึงความเป็นไปได้ที่จะดึงตัวมิดฟิลด์ตัวรุกดาวรุ่งผู้นี้มาร่วมทีมว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด
มีรายงานข่าวว่าทั้ง ลิเวอร์พูล และ เชลซี ต่างพร้อมจะทุ่มเงินถึง 15 ล้านปอนด์ให้กับ เซา เปาโล เพื่อแลกกับการได้ตัวของ ลูคัส มาร่วมทีมในช่วงเดือนมกราคมที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ดีเอเยนต์ส่วนตัวของ ลูคัส เองก็ยังสงวนท่าทีในเรื่องนี้เมื่อกล่าวว่าแม้จะได้รับข้อเสนอที่น่าสนใจเพียงใดในช่วงนี้ แต่ทว่า เซา เปาโล ยังหวังที่จะเก็บตัว ลูคัส เอาไว้กับทีมนานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
เรื่องโดย "มาร์ค สุรเดช"
คอลัมน์ My Liverpool นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์