แหม่..มันโดนใจ โดย..เมฆา ฟ้าแวบแวบ
ฟุตบอล : เกม เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2012 นัดแรก ไทยเฉือนฟิลิปปินส์ 2-1 นี่ทำให้เราเห็นอะไรหลายๆอย่างเลยนะครับ
ฟิลิปปินส์หน้าตาและรูปร่างเหมือนฝรั่งมากขึ้น ประเด็นนี้ทางตากาล็อกคงคัดหน้าตามาเป็นพิเศษ ทีมฟุตบอลของเขาเลยออกแนวยุโรปเสียจริง
นอกจากผู้เล่นที่โอนสัญชาติมาแล้ว ระบบการเล่นของทีมก็ดูดีขึ้นมาก นักเตะวิ่งสู้ฟัดตลอด 90 นาที
ฟิลิปปินส์ไม่ใช่หมูอีกต่อไป ถึงจะเต็มไปด้วยแข้งลูกครึ่งก็เถอะ
ย้อนมาดูทีมชาติไทยของเรากันบ้าง แมน ออฟ เดอะแมตช์ ผมยกให้ อนุชา กิจพงษ์ศรี แห่งค่าย"ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี ที่โดดเด่น ทะลุทะลวงปั่นปวงแนวรับตากาล็อกได้เป็นอย่างดี ริมเส้นแบบนี้แหลที่ทีมชาติต้องการ
เกมบุกของไทยดูดีขึ้นมาก ทั้งซ้ายและขวา สลับกันขึ้นเกมและช่วยเกมรับได้เป็นอย่างดี จุดนี้ขอชื่นชม
แต่สิ่งที่น่าห่วงคือความแน่นอนของนักเตะและพละกำลัง เพราะครึ่งหลังเท่าที่ดูนั้น มีอีกสัก 10 นาที ไม่แน่เหมือนกันว่าเกมอาจออกมาเสมอกันก็ได้
ครึ่งแรกกับครึ่งหลังเหมือนหนังคนละม้วน ฝากแก้ตรงจุดนี้ด้วย
ว่าไปแล้วการพบกันในนัดที่สองของศึกฟุตบอลอาเซี่ยนคัพ ไทยพบเมียนมาร์หนนี้ มีคำถามจากสื่อพม่ายิงคำถามนี้อาจจะมีแรงสั่นไหวเล็กน้อยกับคนบางคน
คำถามนี้ถูกพ่นมาจากสื่อเมียนมาร์ โดยถามวินนี่โค้ชทีมชาติไทยได้ใจความว่า
"ไทยพลาดแชมป์รายการนี้มา 10 กว่าปีแล้ว อีกทั้งผลงานในซีเกมส์ยังตกรอบแรก 2 สมัยซ้อน ไม่รู้สึกกดดันบ้างเหรอ"
แหม่... คำถามนี้ได้ยินได้ฟังแล้วก็ขึ้นนิดๆ แต่วินนี่ก็ตอบกลับไปว่า "ทีมไทยไม่กดดันเพราะชุดนี้มีคำว่าสปิริตอยู่เต็มทีม"
ยังไงๆวันนี้ฝากทีมชาติไทยช่วยอัดเมียนมาร์ อุดปากพล่อยๆของเขาด้วยนะครับ
อาจจะจริงอยู่ที่ทีมชาติไทยห่างหายจากความสำเร็จระดับอาเซี่ยนไปนานแสนนาน จนแฟนบอลบางท่านออกอาการเอือมระอาไปแล้ว
จากวันนั้นถึงวันนี้ยังไงผมก็คิดว่าฟุตบอลอาชีพนั้นมีความแข็งแรงขึ้นมามาก แต่ละทีมมีแฟนบอลที่ค่อนข้างเหนียวแน่น และสิ่งเหล่านั้นจะออกดอกออกผลให้เห็นในทีมชาติไทย
ผมเชื่อมั่นว่าในเร็ววันนี้ทีมชาติไทยจะกลับไปเป็นเสือไม่ใช่ลูกแมวตัวน้อยในฟุตบอลอาเซี่ยนแน่นอน ของอย่างนี้ต้องใช้เวลาบวกกับการบริหารการจัดการที่ดีด้วย
พูดถึงสปิริตนี่ถูกปลูกฝังมาให้นักกีฬามีความมุ่งมั่น ตั้งใจ เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
แต่แปลกใจจริงฝังแต่นักกีฬา ทำไมไม่ไปปลูกฝังพวกผู้ใหญ่ที่ทำงานอื่นบ้างน้อ
เรื่องโดย "เมฆา ฟ้าแวบแวบ"
ภาพโดย almon ไทยลีกออนไลน์