จากใจเลยครับ! "5 จุดเด่น" กับ "5 จุดบอด" ของซิโก้ในใจผม "บ.ส้มซิ่ง"
ก่อนที่จะอ่านทุกข้อความด้านล่าง ใครเชียร์ฝ่ายใด จงตั้งมั่นด้วยใจเป็นกลาง และพยายามอ่านเพื่อแยกแยะให้ออกนะครับ ว่าผมไม่ได้มีจุดหมายที่จะทำให้เรื่องราวมันทวีคูณความขัดแย้ง
5 จุดเด่น ของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
1. ดึงทีมชาติไทยขึ้นมาจากหลุมนรก
ต้องยอมรับแบบตรงๆว่า ภายหลังการพาทีมผงาดคว้าเหรียญทองในเนปิดอร์เกมส์ ปี 2013 มันคือจุดการกลับชาติมาเกิดใหม่ของวงการฟุตบอลไทย อดีตกองหน้าจอมตีลังกาทีมชาติไทย เข้ามาทำทีมพร้อมนำพานักเตะรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี คว้าเหรียยญทองในซีเกมส์ ที่เมียนมา ก่อนจะตามมาด้วยผลงานกระฉูดใน เอเชียนเกมส์ ที่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อปี 2014 ด้วยการตบเท้าเข้าไปถึงรอบตัดเชือกก่อนจะพ่ายต่อเกาหลีใต้อย่างเจ็บปวด แต่แค่นั้นก็ถือว่าฟุตบอลไทยพีกสุดๆ จากนั้นไม่นาน ทีมชาติไทยได้แต่งตั้งให้เขาผู้นี้ นั่งกุมบังเหียนคุมทีมชุดใหญ่ โดยมีภารกิจทวงบัลลังก์แชมป์อาเซียนอย่าง เอเอเอฟ ซูซูกิคัพ ปี 2014 และแน่นอนเขาทำได้ เขาพาทีมชาติไทย ที่ยกทีมมาจากเอเชียนเกมส์ ก้าวขึ้นไปสอยแชมป์ที่รอคอยมาเกือบ 12 ปีได้สำเร็จ
2. ศรัทธาฟุตบอลทีมชาติไทย
สิ่งหนึ่งที่เราเห็นเด่นชัดในตัวของเขาคือ การนำพาแรงศรัทธา ที่ก่อนหน้านี้แฟนบอลไทย แทบจะเบือนหน้าหนีทีมชาติ ไม่มีกองเชียร์เต็มสนามมานานแสนนาน และเขาคนนี้ทำทีมวิ่งชนความสำเร็จ ด้วยฟอร์มที่ดีด้วยนักเตะพลังหนุ่มที่ใครก็อยากเข้าไปชม ไปเชียร์ในสนาม จนเป็นที่มาของปรากฏการณ์ตั๋วหายากเกิดขึ้น หากนึกให้ดีๆ หากนับย้อนไป เราแทบจะนับครั้งได้เลยว่ามันมีสักกี่ครั้งที่เกมในบ้านของทีมชาติไทย บัตรเข้าชมถูกจองหมดอย่างรวดเร็วด้วยเวลาแค่ไม่กี่นาที!
3. นักเตะต้องเป็นสุภาพบุรุษทั้งในและนอกสนาม
นี่อาจจะเป็นสิ่งที่เขาตั้งใจ และพูดออกสื่อมาตลอดว่า นักเตะทีมชาติไทยต้องเป็นที่รักของทุกคนทั้งในและนอกสนาม เราจะเห็นว่าในยุคของเขาคุมทัพ นักเตะทีมชาติไทยแทบจะไม่มีใครเล่นนอกเกมจนทำให้ทีมเสียหายเลย แถมหลังจบเกม ซิโก้ยังให้นักเตะและสตาร์ฟโค้ชทุกคนเดินรอบสนามเพื่อขอบคุณแฟนบอล ที่เข้ามาเชียร์ในทุกๆครั้ง นอกไปจากนี้ เขายังให้นักเตะ และตัวเขาเอง สร้างมิตรภาพต่อคู่แข่ง ทั้งการเดินไปยกมือไหว้ขอบคุณสตาร์ฟโค้ชของคู่แข่งในทุกๆครั้ง ที่ห้ำหั่นกันในสนามจบลง ซึ่งนี่แหล่ะ คือสิ่งที่ผมประทับใจเอามากๆ
4. แรงจูงใจดีๆในการอยากติดทีมชาติ
จุดหนึ่งที่ "ซิโก้" พยายามทำให้เห็นนั่นคือ "การสร้างภาพลักษณ์" การสร้างแรงจูงใจให้เด็กๆ การทำให้นักเตะทีมชาติกลายเป็นซุปตาร์นอกสนาม มีงานอีเวนท์ รับงานเป็นพรีเซ็นเตอร์ ทำให้ใครๆ ก็อยากก้าวเข้าไปติดทีมชาติในยุคทองแบบนี้ และนี่แหล่ะคือข้อที่ชัดเจนที่สุดที่ผมมองว่า เราได้ประโยชน์มากที่สุดนอกเหนือจากความสำเร็จในแง่ของโทรฟี่
5. ไม่ยึดติดกับสมาคมชุดเก่า
การมาของซิโก้ ในการรับงานคุมทัพทีมชาติไทย มันเป็นช่วงรอยต่อของขั้วอำนาจเก่าที่มี "บังยี วรวีย์ มะกูดี นั่งเป็นนายกสนามคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในสมัยโน้น ก่อนที่พลตำรวจเอก สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง จะชนะเลือกตั้งและเข้ามาบริหารงานต่อจาก "บิ๊กยี" และทันทีที่เปลี่ยนขั้ว ซิโก้ ก็ยังคงได้รับโอกาสต่อ แม้จะต้องยอมรับว่าเขามาจากใคร และใครมอบโอกาส แต่เขาก็สานงานต่อได้อย่างไร้ที่ติ แม้จะมีปัญหาอย่างที่เราๆ พอจะรู้ในเรื่องของสัญญาฉบับใหม่ที่เพิ่งต่อกันไปก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังพูดได้เต็มปากเลยว่าการวางตัวของเขาถือว่ายอดเยี่ยมตลอด 3-4 ปีหลัง
---------------------------------------------------------------------------
- 5 จุดบอด ของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง
1. ดื้อ
ครับคำเดียวสั้นๆเลยคือ "ดื้อ" คือเอาง่ายๆครับ การวางตัวผู้เล่นอย่างไร แน่นอนมันเป็นหน้าที่ของโค้ช ผมก็ไม่ได้อยากก้าวล่วงหรอก แต่ผมกลับเชื่อว่าคนที่ดูบอลเป็น ดูบอลอย่างสร้างสรรค์เปิดใจก็แล้ว ปิดใจก็แล้ว มองดูออกเลยว่าระยะหลัง ซิโก้ดูดื้อรั้น และเลือกที่จะใช้งานแต่นักเตะเดิม ทั้งที่ผลงานของนักเตะคนนั้นเป็นที่เอือมระอาเหลือเกิน!
2. คัดเลือกนักเตะจากในทีวี
ข้อนี้จริงๆแล้ว ผมว่าแกก็ไม่ได้ผิด หรือเสียหายมากเท่าไหร่นะ แต่อย่างที่รู้ๆกัน ว่าเหตุผลของการที่ซิโก้เลือกที่จะไม่เดินทางไปดูเกมในสนาม เพื่อดูฟอร์มนักเตะบางทีมันก็ย้อนแย้งต่อหลักของฟุตบอลเหลือเกิน ผมไม่ได้จบการเป็นโค้ชหรืออะไรทั้งสิ้นมาหรอก แต่เอาเป็นว่า เป็นผมเลือกที่จะเข้าไปดูไปชมไปดูนักเตะในสนามยังไงก็ดีกว่า เพราะ จะได้เห็นแบบเต็มๆ เห็นทุกสิ่งอย่าง ที่ในทีวีไม่เห็น เช่นการยืนตำแหน่งอะไรทำนองนี้ แล้วอีกหนึ่งข้อที่เขาบอกว่า ไปแล้วมีคนขอถ่ายรูปทำให้ไม่มีเวลาดูเกม ผมกลับมองว่า นี่ไม่ใช่ข้อแก้ตัวในเรื่องนี้จริงๆครับ
3. "นักเตะลูกรัก"
ถึงตรงนี้หลายคนอย่าเพิ่งบอกนะครับว่า ก็นักเตะที่ติดๆทีมอยู่นี้ คือนักเตะที่ดีที่สุดในลีก ผมนี่ขอเถียงสุดใจเลยว่า ไม่แฟร์สำหรับคนที่กำลังมีผลงานดีในไทยลีกจริงๆ บางคนเล่นดีแทบตาย ผลงานก็เห็นๆกันอยู่ว่าเต็มที่ก็เรียกมาซ้อม!!! เพราะบางคนใส่สนับก้นนั่งมองเพื่อนเล่นกับทีมของตัวเองในลีก ยังติดทีมชาติเลย!!
4. คนรอบข้าง
ปัญหานี้มองไปถึงสภาพจิตใจของเขาว่ายังไม่นิ่งพอ เพราะหากคิดการณ์ใหญ่ ใจมันต้องนิ่งกว่านี้ และแน่นอน "ต้องเอาอยู่" ทั้งคนรอบข้าง และไม่นำพาความยุ่งเหยิงมาทำลายสมาธิของตัวเองดั่งเช่นในระยะหลังที่ผ่านมาก่อนที่จะประกาศลาออกผ่านโซเชียล
5. ลงจากตำแหน่งแบบนี้ (มันจะสวยอยู่แล้วเชียว)
ผมนึกในใจตอนที่ได้ยินข่าวนี้ ผมดีใจแทนแกนะ ที่ได้ลงจากตำแหน่งในลักษณะนี้ ผมมองว่านี่คือการวางมือแบบสวยๆ และเชื่อว่าหลังจากนี้ตัวของซิโก้เอง จะกลับไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในด้านอื่น และเมื่อเวลาสุกงอม เขาจะต้องกลับมาคุมทีมชาติไทยอีกครั้ง
แต่หลังจากที่เขาไปออกรายการต่างๆ และเปิดใจในด้านต่างๆ ผมชักไม่แน่ใจแล้วซิ ว่าแกยังคู่ควรต่อการกลับมานั่งเป็นนายใหญ่ทีมชาติไทยในอนาคตเบิ้องหน้าอีกครั้งหรือไม่
เพราะสิ่งที่เขาพูดออกจากปาก (ลองไปหาคลิปดูเอาเอง) มันคือสิ่งที่บางเรื่องแกนิ่งซะจะดีกว่า เพราะว่าหากเปิดใจเป็นกลาง ก็พอจะรู้ว่า "ซิโก้ไม่ควรพูดแบบนี้เลย"!!!
เรื่องโดย : บ.ส้มซิ่ง