บาร์ซ่าสอนบอล
วินาทีที่ เชส ฟาเบรกาสพุ่งโหม่งให้บาร์เซโลน่านำเป็น 3-1 และเป็นสกอร์เดียวกับชัยชนะในเอล กลาซิโก้เหนือเรอัล มาดริด
กล้องตัดฉับไปที่สีหน้าแววตา ของผู้เล่นทีมราชันชุดขาวทันที ซึ่งส่วนใหญ่นึกในใจว่า "เอาอีกแล้วเหรอ"
ชัยชนะของบาร์เซโลน่าเหนือ เรอัล มาดริด นัดนี้ ตอกลิ่มให้เห็นได้เด่นชัดอีกครั้งว่าบอลระบบของบาร์ซ่ายังทำได้ดีกว่า เรอัล มาดริดที่ปีนี้ว่ากันว่า โจเซ่ มูรินโญ่ ปั้นทีมมาเป็นอย่างดีเแล้วเชียว
ก่อนเกมมีหลายประเด็นให้พูดถึงกันเพราะหลายคนคิดกันว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะไม่อาจป้องกันแชมป์ในฤดูกาลนี้ได้ จากผลงานที่ไม่สม่ำเสมอโดย เฉพาะเกมนอกบ้าน
ขณะที่ เรอัล มาดริด มาดีเหลือเกินนับตั้งแต่แพ้เลบานเต้ พวกเขาไม่แพ้ใครและชนะติดต่อกันถึ 15 เกม รวมถึงเกมในบ้านเบอร์นาบิวที่ 3 แต้ม 100% ทุกนัด
แต่บาร์เซโลน่าในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็พิสูจน์ตัวเองด้วยการไม่แพ้ที่ซานติอาโก้ เบอร์นาบิวเป็นนัดที่ 6 แล้ว
โจเซ่ มูรินโญ่เลือกที่จะไม่ให้สัมภาษณ์ก่อนเกมโดยปล่อยให้ไอตอร์ การันก้า มือขวาของเขาออกมาให้ข่าวแทนขณะที่กองหน้าซึ่งเป็นประเด็นเถียงกันว่าน้ามู จะเลือกใครซึ่งผลก็คือไปออกที่คาริม เบนเซม่าได้ออกสตาร์ตก่อน อิกวาอิน
เช่นเดียวกับแดนกลาง ลาสส์ ดิยาร์ร่า ได้โอกาสลงก่อน ซามี่ เคดิร่า เพื่อทำลายเกมรุกผู้เล่นบาร์ซ่า ส่วน เปเป้ ปีนี้ยืนกองหลังตามถนัดเหมือนเดิมหลังจากที่ฤดูกาลก่อนเขาถูกดันขึ้นเป็นกองกลางและไล่เตะ เมสซี่ มันเท้าทุกเกม
ทางฝั่งบาร์ซ่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ใช้สูตรหลัง 3 ตัวมาแล้วหลายเกม (เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทีมสะดุดบ่อย) ทำให้กลบคนคิดว่าเขาจะใช้แผนดังกล่าวในเกมนี้
แต่สุดท้ายก็ต้องเริ่มต้นด้วยระบบ 4-3-3 แต่ระหว่างทางการเล่น เป๊ปให้ อัลเวส ขยับขึ้นสูงและหุบ อบิดัล เข้ากลาง เช่นเดียวกับไม่ให้ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เติมมากนักเพื่อช่วยประคอง 3 แนวรับของทีม
เริ่มมาแต่ 23 วินาที บิคตอร์ บัลเดส ดันทะเล่อทะล่าเตะบอลไปเข้าทาง อังเคล ดิ มาเรีย ก่อนบอลไปถึง เมซุต โอซิล ที่วอลเลย์ไปแฉลบชาบี้ไปถึง คาริม เบนเซม่า ที่จัดการสำเร็จโทษทันที
ประตูดังกล่าวคือประที่ยิงได้เร็วที่สุดในกลาซิโก้ และทำให้แข้งบาร์ซ่าช็อตไปทันทีหลังจากเสียเม็ดนี้ไป
ทว่าหลังจากนั้น "เป๊ป ทีม" ก็ค่อยๆกลับมาสู่เกมและตามตีเสมอได้จากจังหวะตะลุยของเมสซี่ก่อนผ่านให้ อเล็กซิส ซานเชซ หวดผ่านมือของ อิเคร์ คาซิญาส เป็นประตูแรกในกลาซิโก้ของดาวยิงทีมชาติชิลีที่เป๊ปเลือกลงสนามก่อนดาวิด บีญ่าด้วย
จริงๆก่อนหน้านี้บาร์ซ่าเกือบตีเสมอได้จากจังหวะลื่นของ เซร์คิโอ รามอส ทำให้ เมสซี่ หลุดไปแต่ยิงติดเซฟของ คาซิญาส
แต่เมสซี่ก็ทำให้เกมนี้มีประเด็นเกิดขึ้นเมื่อเขาไปทำฟาวล์ตัดเกมใส่ ชาบี้ อลอนโซ่ กลางสนาม ก่อนหน้านี้เขาโดนใบเหลืองมาแล้วทำให้ผู้เล่นมาดริดกรูเข้ามากดดันผู้ตัดสินเพื่อไล่เมสซี่ออก ทว่าเฟร์นันเดซ บอร์บาลันยังใจดีและแค่คาดโทษเท่านั้นซึ่งตามกฎเมสซี่โดนไล่ออกได้สบาย
ครึ่งหลังบาร์ซ่ามีเฮงเมื่อได้ประตูนำ 2-1 จากการยิงแฉลบของชาบี้ เอร์นันเดซที่ไปโดนตัวมาร์เซโล่เปลี่ยนทางเข้าไปตุงตาข่าย
ซึ่งก่อนหน้านี้บรรดาแข้งบาร์ซ่าก็เหนือกว่าด้วยการเคาะบอลครองบอลได้ตลอด โดยเฉพาะแท็กติกที่เป๊ปวางไว้ตลอดคือไม่สาดบอลโฉ่งฉ่าง เห็นได้จากเวลาตั้งเตะจากหน้าประตูตัวเอง บัลเดสจะไม่เตะยาวจะเน้นผ่านบอลไปมาให้เพื่อนที่อยู่ใกล้ๆ เท่านั้น
ตรงนี้น่าจะเป็นแท็กติกเน้นครองบอลแต่ก็มีหลุดมีพลาดให้เห็นตลอด เพราะทั้ง ปีเก้,ปูโยล ,อบิดัล หรือแม้แต่ บัลเดส เองก็ตามไม่ได้มีเซนส์บอลเหมือนพวกแข้ง ในแดนกลาง ทำให้บางจังหวะนั้นยังเก้ๆ กังๆ หรือโดนตัดบอลไปกินได้หลายครั้ง
ส่วน คริสติอาโน่ โรนัลโด้ นั้นหายเงียบไปจากเกมของจริงเขามีโอกาสยิงไปติดเซฟของบัลเดสครั้งเดียวที่เหลือวืดวาดเหวี่ยงซ้ายออกขวาตลอด โดยเฉพาะลูก โหม่งจ่อๆ ก็ออกข้างไปอีก
เมื่อไม่ได้บาร์ซ่ามาหนีเป็น 3-1 จากจังหวะที่ดานี่ อัลเวสเปิดให้ เชส ฟาเบรกาส ทิ้งตัวโหม่งเข้าไป นับเป็นประตูที่ 2 ของเขาที่ยิงเรอัล มาดริดได้ และเป็น ประตูที่ 10 ในลา ลีกาแล้ว
พอประตูที่ 3 มาทุกอย่างก็จบ บาร์เซโลน่าขึ้นนำมี 37 แต้มเท่ากับมาดริด แต่แข่งมากกว่าเรอัล มาดริด 1 นัด จบจากเกมนี้บาร์ซ่าจะเดินทางไปญี่ปุ่น ส่วนเรอัล มาดริดจะขึ้นจ่าฝูงทันทีหากไม่แพ้ที่เซบีญ่า
เหมือนอย่างที่โจเซ่ มูรินโญ่ว่าไว้แหละครับว่าแพ้นัดนี้เป็นแค่เกมเกมหนึ่งเท่านั้น ขอแค่บุกไปชนะเซบีญ่าในเกมต่อไปทุกคนจะลืมความพ่ายแพ้ต่อบาร์ซ่าทันที
ถึงตรงนี้โอกาสที่จะคว้าแชมป์ของเรอัล มาดริดยังมีมากกว่าบาร์ซ่าเหมือนเดิม เพียงแต่เส้นทางที่ยังทอดยาวอีกไกล กวาร์ดิโอล่าและลูกทีมสามารถดึงผู้นำ และร่นระยะทางลงมาได้หนึ่งขั้นแล้ว
จากนี้เหลือเพียงตัวเองแล้วว่าจะทำได้ดีแค่ไหนกับโอกาสที่ได้มาและกับเกมการแข่งขันที่เหลือ
เรื่องโดย "เอล มาทาดอร์"
คอลัมน์ "ลา ลีกา เอ๊กซ์ คลูซีฟ" นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์
<< คลิปการแข่งขัน >>