‘8นัด’ดัดนิสัย
แถลงการณ์ประกาศชัดเจนว่า หลุยส์ ซัวเรซ หัวหอก “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ต้องถูกแบนเป็นเวลา 8 เกม จากการเหยียดผิว ปาทริซ เอฟร่า
คณะลูกขุนทางระเบียบวินัยของ เอฟเอ แถลงการณ์ว่า คณะกรรมการควบคุมซึ่งเป็นอิสระพบว่า ข้อกล่าวหาโทษฐานประพฤติตัวไม่เหมาะสมของ หลุยส์ ซัวเรซ ได้ถูกพิสูจน์แล้วว่า เขามีความผิดจริง และเราได้ออกคำสั่งให้รอลงโทษแบนผู้กระทำผิดเป็นจำนวน 8 นัด รวมถึงปรับเงินอีก 40,000 ปอนด์ จนกว่าจะมีการอุทธรณ์จากฝ่ายผู้กระทำผิด
ซึ่งคำตัดสินของฝ่ายระเบียบวินัยของสมาคมลูกหนังอังกฤษ ระบุว่า ซัวเรซ ใช้คำที่สบประมาท เอฟร่า ระหว่างเกมการแข่งขัน ซึ่งขัดกับกฎข้อ E 3 วรรค 1 ของ เอฟเอ อีกทั้งคำสบประมาทของมิสเตอร์ ซัวเรซ ยังรวมถึงการอ้างถึงสีผิวของ เอฟร่า ซึ่งมีความหมายใกล้เคียงกับกฎข้อ E 3 วรรค 2
"หลุยส์ ซัวเรซ จะถูกเตือนให้ระวังถึงการกระทำของเขาในอนาคต ด้วยการจะต้องรอคำสั่งแบนเป็นจำนวน 8 เกม ซึ่งครอบคลุมถึงการแข่งขันของทีมชุดใหญ่ทุกนัด และจะถูกปรับเป็นเงินรวม 40,000 ปอนด์ โดยบทลงโทษนี้จะรอไว้ก่อน จนกว่าการอุทธรณ์ใดๆ ก็ตามที่ มิสเตอร์ ซัวเรซ จะยื่นเพื่อคัดค้านการตัดสินนี้ จะมีบทสรุปที่แน่ชัดออกมา"
นั่นหมายความว่า มีเวลาอีกเล็กน้อยถึงปานกลางที่ ลิเวอร์พูล และซัวเรซ จะอุทธรณ์โทษในครั้งนี้
ถามว่า ซัวเรซ สมควรจะโดนโทษหนนี้หรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาคุยกันแล้ว เพราะเรื่องของการเหยียดผิวนั้นได้มีการรณรงค์กันมานาน
ใครไม่เจอไม่รู้หรอกครับ ว่ามันเจ็บปวดขนาดไหน
ขนาดแค่เป็นคน “ผิวเหลือง” หรือว่าออก “เนื้อดำแดง” ไปบางที่บนโลกตะวันตก ก็ถูกหยามเหยียดเหมือนกัน
แน่นอนว่า หลุยส์ ซัวเรซ รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก หลังจากถูกสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ลงโทษแบนหนักถึง 8 นัด พร้อมปรับเงินอีก 40,000 ปอนด์ หรือประมาณ 2 ล้านบาท
ซัวเรซ ครวญข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ ว่า เป็นวันที่ยากลำบากมากๆ และเจ็บปวดสุดๆ สำหรับทั้งผม และต่อครอบครัวของผม แต่ผมก็ขอขอบคุณทุกแรงสนับสนุน ผมจะยังคงตั้งตาทำงานต่อไป
หลายคนเห็นแตกต่างกันไปแน่ในกรณีนี้ แต่มันจะแก้อะไรได้มากแค่ไหน เพราะ ซัวเรซ ยังมีคดีติดอีก 1 ข้อ นั่นก็คือ การแจกสัญลักษณ์ลึกซึ้งถึงสัดส่วนชายใส่กองเชียร์ฟูแล่ม
ว่ากันตามเชิง ในเวทีลูกหนังเรื่องของฝีเท้า ถือว่า ซัวเรซ ได้รับการยอมรับอย่างมาก แต่สิ่งที่เขาจะต้องปรับปรุงอย่างหนักนั่นคือ อารมณ์ในสนาม
ซัวเรซ กลายเป็นประเภทนักเตะล้มง่าย คล้าย ๆ กับสมัยที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยังเล่นอยู่ในอังกฤษ และอีกจุดหนึ่งก็คือ เขานั้น “มากเกินไป” เมื่ออยู่ในสนาม
ทั้งการเรียกบอลจากเพื่อนมากเกินไป และการเล่นบอลกับตัวเองมากเกินไป
จนบางครั้งจังหวะของเกมนั้นเสียไป
ความมุ่งมั่นและการทุ่มเทในการเล่นฟุตบอลถือเป็นสิ่งที่ดี หากแต่ว่าความมุ่งมั่นดังกล่าวมันอาจส่งผลต่อทีมอันนี้มันน่าคิด
ดังนั้นการติดแบนของ ซัวเรซ อีกแง่นึงน่าจะดีเหมือนกันที่ เคนนี่ ดัลกลิช จะมีโอกาสทำทีมในสไตล์ที่เขาอยากได้มากกว่านี้
ท่านที่เคยเห็นและทันการคุมทัพของ คิง เคนนี่ สมัยแรกคงคิดเหมือนกันว่า ดัลกลิช เองก็คืออยากจะ “อะไรบางอย่าง” กับ ซัวเรซ เหมือนกัน
ที่สำคัญการเล่นบอลแบบ “มิติเดียว”แบบนี้ มันไม่ใช่สไตล์ของ คิง เคนนี่
บนข่าวร้ายการดัดนิสัยนี้ อาจมีผลดีก็ได้!
เรื่องโดย "บี แหลมสิงห์"
คอลัมน์ may i come in please นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์
ติดตามข่าวกีฬารอบโลกได้ที่นี่ http://sport.sanook.com/