"จิ้งจอก" ทำดีที่สุดแล้ว
ปาฏิหาริย์ไม่บังเกิดครับ...หลังสร้างตำนานที่โลกแทบไม่มีวันลืม แล้ว เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ปิด "เทพนิยาย" อันลือลั่นอย่างเป็นทางการ
ก่อนเกมนัดนี้ผมเพิ่งเกริ่นไปว่าหากออกนำเร็ว "จิ้งจอกสยาม" น่าจะมีความหวัง แต่มีข้อแม้อย่างเดียวครับว่าพวกเขาต้องมีผลีผลามและรอจังหวะที่เหมาะเจาะในการเข้าทำ
น่าเสียดายที่สถานการณ์และความกระสันที่อยากจะแก้มือบีบบังคับให้ทีมดังจากเกาะอังกฤษต้อง "เดินเครื่องเข้าใส่" ตั้งแต่ต้นเกมกระทั่งนำมาซึ่ง "หายนะ" ในเวลาต่อมา หลัง พยายามหาโอกาสเข้าทำใส่ แอต.มาดริด แล้วขณะที่ยังไม่ทันตั้งตัว
ทัพนักเตะ เลสเตอร์ ก็โดนลงโทษเมื่อ ฟิลิเป้ ลุยซ์ บรรจงครอสบอลให้กับ ซาอูล ที่รออยู่เสาสองโหม่งย้อนศรเน้นๆส่งบอลผ่านมือ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เข้าไป ดอกนี้เท่ากับทำให้ เลสเตอร์ นั้น "ตายทั้งเป็น" และต้องยิงถึง 3 ตุงจึงจะพลิกโชคชะตา
ถึง ปีนี้ทีม "ตราหมี" จะมีแผ่วไปบ้าง แต่อย่าลืมว่านี่คือทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ที่ขึ้นชื่อลือชาด้านเกมรับ ดังนั้นการที่จะกดเข้าใส่ทีมดังจากเมืองหลวงถึงสามดอกรวด จึงแทบเป็นเรื่องที่ "เป็นไปไม่ได้เลย" หลังจากนั้นแชมป์เก่าพรีเมียร์ลีกก็มีเป๋ไปพักใหญ่ก่อนจะโดน แอต.มาดริด ขึงอยู่นานกระทั่งสิ้นเสียงนกหวีดครึ่งเวลาแรก
จากเกมที่กำลังมาและเปี่ยมไปด้วยความหวังทว่าสุดท้ายเส้นทางของพวกเขากำลังจะมีอันต้องสิ้นสุดลง แต่แล้วในครึ่งเวลาหลัง...ราวกับหนังคนละม้วน ก็ไม่รู้ครับว่าเช็คสเปียร์ใช้คาถาอะไรปลุกใจแต่ที่แน่ๆมันทำให้ทัพ "เดอะ ฟ็อกซ์" กลับมาลงเล่นราวกับคนละทีม
ครึ่งหลังนี่แหละครับที่นี่คือ เลสเตอร์ แบบที่เราเคยรู้จักเมื่อซีซั่นก่อนและเคยเป็น เช็คสเปียร์ เริ่มด้วยการเปลี่ยนสองคนรวด และ การส่ง เบน ชิลเวลล์ ลงไปเล่นประจำการแบ็กก็ทำให้กราบซ้ายแลดูมีชีวิตชีวามากขึ้น ทีม "สุนัขจิ้งจอก" กลับมาใช้บอลโยนทางกราบสองข้างอีกครั้งซึ่งนั่นก็ได้ผล...
เข้าสู่นาทีที่ 61 แล้ว อัลไบร์จตัน ก็ครอสให้ เบน ชิลเวลล์ ได้ยิงก่อนจะไปเข้าทาง เจมี่ วาร์ดี้ ที่แปจ่อๆเข้าไป ดอกนี้ทำให้แฟนบอล "จิ้งจอกสยาม" กลับมามีความหวังอีกครั้ง และนั่นไม่ต่างกับยาชูกำลังชั้นดีที่เปลี่ยนโมเมนตัมให้ เลสเตอร์ กลับมาดีดขึ้นอีกครา ให้หลังจากนั้นโอกาสกว่า 20 ครั้งถูกสาดส่องเข้าใส่เกมรับ ของ "ตราหมี" และ แยน โอบลัค
สำคัญคือลูกทีมของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ไม่สามารถซัดตรงกรอบได้เลยในอีก 45 นาทีหลังและทำได้แต่ตั้งรับไปวันๆ มีสถิติหลังเกมเผยออกมาว่า ดิเอโก้ โกดิน ต้องคอยสกัดบอลทิ้งไม่ต่ำกว่า 17 ครั้ง ส่วน เลสเตอร์ เหมือนเจอวิธีปราบตราหมีราวกับคนคลั่งที่สติหลุดพวกเขาเอาแต่บอมบ์แล้วก็บอมบ์
น่าเสียดายที่ลูกยิงของ อูญัว และ เจมี่ วาร์ดี้ ที่ได้ซัดโล่งๆในช่วงเวลาห่างกันไม่ถึง 5 นาทีกลับติดบล็อกทั้งสองดอกจาก สเตฟาน ซาวิช และนั่นทำให้สุดท้ายเจ้าถิ่นมีอันต้องถอดใจ และ โมเมนตัมก็หันกลับไปเข้าทาง แอต.มาดริด ทันที
ท้ายเกมแม้จะยังคงเดินเกมรุกอยู่ต่อตามประสาทีมที่โดนขึ้นนำแต่แดน กลางของ เลสเตอร์ ก็ดูจะเริ่มถอดใจ ประสบการณ์ของ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ยังคงทำให้ทีม "ตราหมี" เขี้ยวลากดินเสมอ พวกเขาไม่ผลีผลามที่จะลำเลียงบอลขึ้นไปสู้เก็บบอลไว้กับตัว ถ่วงเวลานานๆดีกว่าสาดเทเสียไปเข้าทางปืนเจ้าบ้านอย่างแน่นอน
จบเกมนี้ผลการแข่งอาจเป็นไปตามคาด กระนั้นรูปเกมโดยรวมถือว่าน่าพอใจ ไม่มีอะไรเลยครับที่ เลสเตอร์ นั้นจะต้องเสียใจ และ เสียดายกับผลการแข่งที่ออกมา...
"เทพนิยาย" ของพวกเขาอาจสิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้แต่กับหัวจิตหัวใจที่แสดงออกมามันช่างชนะใจคนดู และ คว้าหัวใจกระทั่งแฟนบอลทั่วไปที่ไม่ได้มีใจรักใน "จิ้งจอก" ไปเต็มๆ สงสารอย่างเดียวก็คงแต่เจ้าคุณธงชัย... อุตส่าห์ฟันธงฉับๆแต่ป่านนี้คงโดนกระแสแซวล้นหลามแน่นอน ฮา