เรื่องของคน‘อินดี้’

เรื่องของคน‘อินดี้’

เรื่องของคน‘อินดี้’
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เพิ่งปั่นต้นฉบับหลังจบเกมเอฟเอ คัพ เมืองไทย...มูลนิธิไทยคม เอฟเอ คัพ            

การโคจรมาเจอกันของสองทีมระดับชั้นนำของประเทศ ระหว่าง “กิเลนผยอง” เมืองทอง ยูไนเต็ด ขั้วอำนาจเก่า กับขั้วอำนาจใหม่อย่าง บุรีรัมย์ พีอีเอ            

ลงท้ายแล้วก็อย่างที่เห็น บุรีรัมย์ พีอีเอ ที่กำลังจะแปลงร่างเป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ในซีซั่นหน้า คว้าดับเบิลแชมป์ในฤดูกาลนี้ไปแล้ว เหลือภารกิจหนึ่งเดียวนับจากนี้นั่นก็คือ โตโยต้า ลีกคัพ ที่ว่ากันตามเชิงดูกันตามทรง            

เรียบร้อยแน่นอน 

จะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม บุรีรัมย์ ก็จะครองยุทธจักรวงการฟุตบอลไทยไปอีกพักใหญ่แน่ หากยังไม่มีนักการเมืองคนไหนคิดกล้าขึ้นมาทำทีมแข่งรัศมี คุณเนวิน ชิดชอบ            

หรือจะรอให้ คุณเนวิน เบื่อไปเอง ก็เท่านั้น            

ทุกอย่างตอนนี้ “ถึงไปหมด” โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของ “ตังค์ถึง” เรื่องนี้ถือว่าดีที่สุดแล้ว และเมื่อเรื่องสำคัญที่สุดนั้น “ถึง” ความสำเร็จก็ย่อมจะ “มาถึง” เช่นเดียวกัน            

ขณะที่ประเด็นที่เขียนวันนี้ก็คือ เรื่องของตังค์ถึงเช่นเดียวกัน นั่นก็คือ ลิเวอร์พูล แต่เป็นปริศนาว่า เมื่อ “ตังค์ถึง” แล้ว ดันมีอาการ “ตาถั่ว” ด้วยหรือเปล่า ที่ไปคว้า แอนดี้ คาร์โรลล์ หัวหอกอินดี้จากนิวคาสเซิล มาร่วมทีมเมื่อปิดตลาดนักเตะเมื่อปีที่แล้วด้วยราคาถึง 35 ล้านปอนด์


ว่ากันว่า หาก เคนนี่ ดัลกลิช ไม่ซื้อใครเข้ามาแทน เฟร์นานโด ตอร์เรส รับรองก็ต้องถูกด่าแน่นอน เพราะการซื้อ หลุยส์ ซัวเรซ มานั้นก็เพื่อต้องการให้มาเล่นในแดนหน้าคู่

คาร์โรลล์ ตอนที่ย้ายมานั้น ก็ไม่สามารถลงเล่นได้นานเป็นเดือน เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ และตั้งแต่เขากลับลงสนามมาได้ ฟอร์มที่เคยสดใส ร่มโพธิ์ทอง หายวับไปกับตา 

จึงไม่แปลกที่วันนี้ สื่อมวลชนเมืองผู้ดีพร้อมใจกันตีข่าวว่า “สาลิกาดง” นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เตรียมคว้าตัวอดีตเด็กเก่าของตัวเองอย่าง คาร์โรลล์ กลับมาค้าแข้งในถิ่นไทน์ไซด์อีกครั้ง

ด้วยผลงานอันน่าผิดหวัง คาร์โรลล์ ไม่สามารถปรับตัวได้ในถิ่นแอนฟิลด์ ด้วยผลงานที่น่าผิดหวัง 31 นัด ยิงได้แค่ 6 ประตูเท่านั้น

เพียงแต่ข้อเสนอนั้นมันจุ๋มจิ๋มไปหน่อยตรงที่ “เดอะ ซัน” บอกว่ายื่นเงินข้อเสนอให้เพียงแค่ 10 ล้านปอนด์เท่านั้น ขณะที่ “เดลี่เมล์” ตีข่าวว่าจะซื้อในราคา 15 ล้านปอนด์ ทั้งที่ ลิเวอร์พูล ซื้อมาในราคามหาศาล 35 ล้านปอนด์          

มีข่าววงในออกมาอีกว่า หากได้สัก 25 ล้านปอนด์ ค่อยน่าคิดหน่อย แต่ตอนนี้ 200 ยังครุ่นคิดเลยล่ะครับ            

แต่นั่นก็เป็นข่าวตามสไตล์ของสื่อเมืองผู้ดี เนื่องจากตลอดการเปิดตลาด 10 วันที่ผ่านมา ไม่มีอะไรตื่นเต้นแม้แต่นิดเดียว ก่อนหน้านี้เพิ่งมีข่าวรักรีเทิร์นของ เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ ลิเวอร์พูล แต่ตอนนี้ก็หายไปแล้ว            

อันที่จริงมันก็น่าแปลกตรงที่ว่า ทำไมเมื่อ ดัลกลิช ซื้อ ซัวเรซ มาเพื่อเล่นกับ ตอร์เรส แต่เมื่อ ตอร์เรส เลือกที่จะไป ทำให้ไปคว้า คาร์โรลล์ มาเล่นแทน            

แล้วทำไมถึงไม่ค่อยให้เล่นด้วยกัน           

การเป็นกองหน้าคู่กันนั้นต้องเล่นต่อเนื่องกันบ่อยๆ คนหนึ่งชง คนหนึ่งยิงสลับกันแบบนี้ แต่กลับมีโอกาสเล่นด้วยกันน้อยมาก

ความยุติธรรมหายากอยู่แล้วในโลกใบนี้ คาร์โรลล์ ก็เลยถูกไม่แคร์จากสังคม พร้อมกับสถาปนาให้เป็นสากกะเบือแช่ครก และเป็นแค่กองหน้าที่ “บังแดด” ซึ่งแพงที่สุดใน 3 โลก ด้วยวัย 23 ปี กับผลงานก่อนหน้านี้ 33 ประตูจาก 90 เกม กับนิวคาสเซิล

ทำให้ คาร์โรลล์ ยังมีเวลาที่จะพิสูจน์ตัวเอง เพียงแต่ว่า เขาจะทำได้เหมือนกับ คริส ซัตตัน, แอนดี้ โคล, สแตน คอลลีมอร์ หรือ เอมิล เฮสกีย์ เคยตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันหรือเปล่า

4 คนที่นึกออกแล้วยกตัวอย่างมานั้นคือประเภท “แพงเกินเหตุ” ทั้งนั้น

ฝีเท้าไม่ถึงแต่สถานการณ์มันบีบให้ต้องราคานี้ ความซวยจึงบังเกิดอย่างช่วยไม่ได้จริงๆ

เรื่องนี้คนที่ทำเรื่องขึ้นมาก็ต้องช่วยรับผิดชอบให้ เคนนี่ ดัลกลิช คือคนที่กล่าวถึง ไม่ใช่ว่าช่วงเวลาที่ หลุยส์ ซัวเรซ ติดโทษแบน และให้ คาร์โรลล์ มีโอกาสมากขึ้น แต่จะต้องให้ทั้งคู่ลงเล่นด้วยกัน เพราะทั้งสองคนนั้นชัดเจนมาแต่ไหนแต่ไรแล้วว่า ประสิทธิภาพสูงสุดจะเกิดขึ้น

ยามที่เล่นในระบบ “กองหน้าคู่” เท่านั้น

ไม่ใช่ “หน้าตัวเดียว” แบบนี้!

เรื่องโดย " บี แหลมสิงห์"

คอลัมน์ may i come in please นสพ.กีฬารายวันฮอตสกอร์

ติดตามข่าวกีฬารอบโลกได้ที่นี่ http://sport.sanook.com/

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook