เรื่องวุ่นๆบอลลีกไทยหลังจบฤดูกาล
ในที่สุดฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกก็รูดม่านปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งมีทั้งแฟนบอลที่สมหวังกับผลงานของทีมที่ตัวเองตามเชียร์และผิดหวังคละเคล้ากันไป
แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่จบไปแม้ว่าบอลลีกจะจบไปแล้วก็คือ เรื่องราววุ่นวายกับปัญหาต่างๆ ระหว่างบริษัทไทยพรีเมียร์ลีกกับสโมสรต่างๆ รวมทั้งบางสโมสรอย่าง ชลบุรี เอฟซี ก็ต้องเตรียมไปเล่นเพลย์ออฟฟุตบอลสโมสรในระดับเอเชียว่าจะไปเล่น เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก หรือ เอเอฟซี คัพ กับ โปฮัง สตีลเลอร์
ก่อนอื่นก็ต้องขอแสดงความยินดีกับสามสโมสรน้องใหม่ที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาและจะมาร่วมสร้างสีสันในฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลที่จะมาถึงอย่าง ชัยนาท เอฟซี, บีบีซียู และอีกทีมที่เป็นปัญหาขณะนี้ตอนนี้ก็ต้องขอเรียกว่า บุรีรัมย์ เอฟซี ไปก่อน เพราะอิงตามชื่อทางการที่ออกมา แต่อาจจะคิดในใจหรือกระซิบเบาๆ ไว้ว่า สงขลา เอฟซี ก็ได้
ดังนั้น ก็ขอเขียนเรื่องวุ่นวายตอนนี้ที่เป็นไฮไลต์เลยคือ เรื่องสิทธิของ สงขลา เอฟซี กับฟุตบอลไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลหน้า ประเด็นนี้เกิดขึ้นจากการที่สโมสร บุรีรัมย์ พีอีเอ กับ บุรีรัมย์ เอฟซี ได้ประกาศยุบทีมและรวมตัวขึ้นใหม่เป็น บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ซึ่งทั้งสองทีมที่กล่าวไปก็เล่นในไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกทั้งคู่
ทำให้เหลือสิทธิของ บุรีรัมย์ เอฟซี ที่ทางคุณเนวิน ชิดชอบ ได้ขายหุ้นของทีมให้กับคุณนิพนธ์ บุญญามณี ประธานของ สงขลา เอฟซีเพื่อที่จะให้ทีมวัวชนแดนใต้ทีมนี้ได้เป็นทีมแรกจากภาคใต้ที่เล่นในลีกสูงสุดของเมืองไทย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เกิดขึ้นกับ สงขลา เอฟซี แม้ว่าจะใช้วิธีการเดียวกันกับทางบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่ซื้อสิทธิของทางพีอีเอในการทำทีมฟุตบอล แต่บริษัทไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกนำโดย ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ด้วยเหตุผลของหลักภูมิศาสตร์ว่าทาง สงขลา เอฟซี ไม่สามารถทำได้ หรือไม่ก็ต้องเอาทีมมาเล่นที่จังหวัดบุรีรัมย์เท่านั้น
เมื่อทั้งสองฝ่ายมีความเห็นความต้องการไปคนละทางก็ไม่แปลกที่จะเกิดความขัดแย้งขึ้นมา ซึ่งผมก็คงไม่สามารถไปตัดสินฟันธงว่าฝั่งไหนถูกหรือผิดจากเหตุการณ์นี้ แต่ต้องขอฝากไว้กับทางผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับแต่ละฝ่ายว่าบางทีจุดยืนเป็นเรื่องสำคัญ แต่ตอนนี้ผมมองว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือวงการฟุตบอลไทย
เพราะภาพที่ปรากฏออกมาก็ต้องยอมรับว่าดูไม่ดีเลยในบางมุม จึงขอให้แต่ละฝ่ายคิดทบทวนตัวเองใหม่ และขอให้สิ่งที่กำลังจะเกิดไม่ว่าจากฝ่ายไหนขอให้ทำเพื่อวงการฟุตบอลเมืองไทยจริงๆ ด้วยความจริงใจจากคำพูดที่บอกว่า กีฬากับการเมืองไม่ใช่เรื่องเดียวกัน
ส่วนอีกเรื่องก็ขอแสดงความยินดีกับสโมสรการท่าเรือไทย เอฟซี ที่เมื่อวันก่อนมีข่าวดี เพราะคุณวรพงษ์ ตันติเวชชยานนท์ รองประธานสโมสร นำเงินมาเพื่อเคลียร์ปัญหาบางส่วนเรื่องการใช้หนี้นักเตะและสตาฟฟ์โค้ชภายในทีม ถือว่าเป็นนิมิตหมายอันดีของทีมเลย
ยิ่งตอนนี้ต้องการขวัญกำลังใจกับงานระดับบิ๊กที่รออยู่อย่างฟุตบอล โตโยต้า ลีกคัพ ที่เข้าชิงชนะเลิศกับ บุรีรัมย์ พีอีเอ ในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ ซึ่งก็น่าจะส่งผลต่อบรรยากาศภายในทีมให้กลับมาดีขึ้นอย่างแน่นอน รวมทั้งกุนซือของทีมอย่างโค้ชธง คุณธงชัย สุขโกกี ก็ต้องเตรียมทีมไว้เป็นอย่างดีแน่
ขณะที่เรื่องที่ต้องชมบริษัทไทยแลนด์พรีเมียร์ลีกคือ เรื่องของเงินสนับสนุนแต่ละทีมในฤดูกาลใหม่ที่ไม่มีปัญหาพร้อมจ่ายให้แต่ละสโมสรจากสปอนเซอร์ที่ต้องยอมรับว่าให้ความสนใจในกระแสตื่นตัวของฟุตบอลเมืองไทย ซึ่งก็หวังว่าเรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องที่ไม่เกิดปัญหาอีกแล้ว
เพราะที่ผ่านมาเกิดมาเกือบทุกเรื่อง ไล่ตั้งแต่เรื่องของกรรมการไปจนถึงเจ้าของทีมฟุตบอล เพราะปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็รู้กันอยู่ว่าเป็นเพราะอะไร แม้คนอื่นไม่รู้แต่คนที่เป็นต้นเหตุหรือสาเหตุต้องรู้ถึงปัญหาที่ตัวเองก่อไว้แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม
สุดท้ายนี้ก็ขอจบเรื่องราววุ่นๆ ของฟุตบอลไทยลีกหลังจบฤดูกาลไว้เพียงเท่านี้ แม้ว่าจะมีอีกหลายปัญหาที่ไม่ได้กล่าวถึง ซึ่งถ้ามีเวลาจะนำมาเขียนฝากกันคราวหน้าแต่ก็ต้องบอกว่าช่วงนี้เอาใจช่วยทุกฝ่ายในวงการฟุตบอลให้ผ่านปัญหาต่างๆ ไปให้ได้ เพราะยังไงผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุดก็ขอยกให้กับ
วงการฟุตบอลไทยครับ