สัญญาณเตือนจากแอนฟิลด์
จบกันไปแล้วสำหรับตลาดนักเตะช่วงหน้าหนาว ซึ่งปีนี้ตลาดซื้อขายนักเตะไม่มีการย้ายของพวกบิ๊กเนม หรือนักเตะทีมใหญ่ที่ทุ่มซื้อด้วยค่าตัวมโหฬารส่งผลให้ทีมต่างๆ ในพรีเมียร์ลีกจับจ่ายใช้สอยเป็นเงินหมุนเวียนเพียงแค่ประมาณ 60 ล้านปอนด์เท่านั้น
ถ้าเทียบกับช่วงเดียวกันของฤดูกาลที่แล้วต่างกันหลายเท่าเลยทีเดียวที่ใช้เงินหมุนเวียนถึง 225 ล้านปอนด์แบบไม่ต้องคิดมาก แต่ก็เชื่อว่าแต่ละทีมก็น่าจะคิดดีแล้ว ซึ่งหลังจากนี้ก็ต้องสู้กันด้วยนักเตะที่มีอยู่จนถึงจบฤดูกาลเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามวันนี้ขอเขียนถึงเรื่องราวของอีกหนึ่งทีมที่เคยยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอังกฤษที่แฟนบอลพรีเมียร์ หรือแฟนฟุตบอลทั่วไปต้องรู้จักกันดีแน่คือ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ที่ช่วงนี้กลับมาสู่ฟอร์มที่ร้อนแรงอีกครั้งหลังจากเอาชนะวูล์ฟแฮมป์ตันได้ในเกมที่แล้ว
และก็ทำให้ เคนนี่ ดัลกลิช พร้อมลูกทีมรวมถึงแฟนบอลมีเป้าหมายใหญ่ในการลุ้นพื้นที่โควตาไปเล่นฟุตบอลยุโรปใบใหญ่คือ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ถ้าช่วงต้นฤดูกาลจำกันได้ฟอร์มของลิเวอร์พูลถือว่าไม่ค่อยดีหลุดเสมอ หรือแพ้เป็นประจำโดยฤดูกาลนี้ทีมเสมอคู่แข่งไปถึงแปดนัด ซึ่งถือว่าเป็นทีมจอมเสมอมากเป็นอันดับต้นๆ ของลีกเลยทีเดียวที่เวลาเจอกับทีมใหญ่กว่า
หรือพวกลุ้นแชมป์มักเล่นได้ดีเอาชนะได้แบบสร้างความประทับใจแต่พอเจอทีมระดับกลางหรือทีมเล็กไม่ออกเสมอก็พร้อมที่จะแพ้ให้กับทุกทีมเลยทีเดียว
เรื่องนี้จนเป็นกระแสจนถึงสัปดาห์ที่แล้วที่มีแฟนบอลของทีมบางกลุ่มเริ่มไม่พอใจกับการทำงานของ เคนนี่ ดัลกลิช ที่ผลงานดูไม่ค่อยเข้าเป้าซักเท่าไหร่
แต่ก็ต้องยอมรับว่าฤดูกาลนี้โชคดีที่ทีมใหญ่ต่างพร้อมใจกันมีผลงานที่ไม่ดีทำคะแนนหล่นหายไปมากไม่แพ้กันต่างจากสองสามฤดูกาลที่ผ่านมาที่ทีมใหญ่ลุ้นแชมป์ต้องแน่นอนคงเส้นคงวา
ขณะที่ลิเวอร์พูลที่ไม่สม่ำเสมอก็ฟอร์มตกลงจนฤดูกาลนี้ไม่ได้สร้างสีสันวาดลวดลายในฟุตบอลยุโรปทั้งสองรายการคือ แชมเปี้ยนส์ ลีก และยูโรป้า ลีก
เมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้วน่าจะถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของ เคนนี่ ดัลกลิช เลยทีเดียวเพราะสามารถยันเสมอกับ แมนฯ ซิตี้ ในรอบรองชนะเลิศของฟุตบอลรายการเล็กที่เป็นความหวังอย่าง คาร์ลิ่ง คัพ ทำให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ
และก็มีโอกาสสูงมากเลยทีเดียวที่จะเป็นแชมป์ เพราะคู่แข่งในรอบชิงชนะเลิศคือ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ที่มาจากลีกที่ต่ำกว่าอย่างแชมเปี้ยนชิพ
หลังจากนั้นสุดสัปดาห์ที่แล้วในฟุตบอลเอฟเอคัพต้องเจอกับคู่แข่งจากเมืองแมนเชสเตอร์เหมือนเดิมแต่เป็นเกมแดงเดือดที่ต้องทำศึกกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งถ้าแพ้ก็หมายถึงตกรอบทันที
โดยผลงานของนักเตะเดอะค็อปก็ไม่สร้างความผิดหวังให้กับ เคนนี่ ดัลกลิช และแฟนบอลด้วยการเอาชนะคู่ปรับแดงเดือดได้แบบงดงามเข้าสู่รอบต่อไป
ส่วนนัดที่แล้วในฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกลางสัปดาห์ก็เอาชนะ วูล์ฟส์ ไปได้ ทำให้ชั่วโมงนี้มองถึงเรื่องความมั่นใจของนักเตะลิเวอร์พูลดูแล้วกลับมาเต็มร้อยอีกครั้งแถมนักเตะที่ถูกโจมตีมาโดยตลอดอย่าง แอนดี้ คาร์โรลล์ ก็กลับมาเล่นด้วยฟอร์มที่ดีขึ้นและก็ยิงประตูให้กับทีมได้อีกด้วยในเกมที่แล้ว
ถึงตอนนี้อันดับในตารางของ ลิเวอร์พูล ก็ไล่ทีมอันดับสี่อย่าง เชลซี ที่เป็นอันดับสุดท้ายในการไปเล่นฟุตบอล แชมเปี้ยนส์ ลีก แค่สี่คะแนนเท่านั้นถือว่ากลับมามีความหวังแบบเต็มตัวแถมฟอร์มของ เชลซี ล่าสุดก็ทำได้แค่เสมอกับคู่แข่งและเหมือนกำลังเสียความมั่นใจ
สุดท้ายตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เชลซี กับ อาร์เซนอล สองทีมที่ดูเหมือนต้องแย่งโควตา แชมเปี้ยนส์ ลีก คงต้องร้อนๆ หนาวกันอีกครั้งกลับหงส์แดงที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเพื่อกลับมาร่วมวงแย่งชิงโควตานี้ด้วย
ดูแล้วสัญญาณจากแอนฟิลด์ครั้งนี้เป็นสัญญาณที่อันตรายจริงๆ แต่ก็สร้างสีสันให้กับฟุตบอลพรีเมียร์จากนี้เป็นต้นไป
นอกจากการดูสามทีมลุ้นแชมป์หรือพวกหนีตกชั้นครับ
เรื่องโดย "หมอเมา"