อีกครั้งที่สงสาร‘วินฟรีด เชเฟอร์'

อีกครั้งที่สงสาร‘วินฟรีด เชเฟอร์'

อีกครั้งที่สงสาร‘วินฟรีด เชเฟอร์'
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กลางสัปดาห์ที่ผ่านมานอกจากฟุตบอลยุโรปที่มีแข่งกันทั้งรายการยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ก็ยังมีเรื่องความพร้อมของทีมชาติไทยก่อนไปเล่นฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก รอบแบ่งกลุ่มนัดสุดท้ายที่เป็นนัดชี้ชะตาว่าทีมชาติไทยของพวกเราทุกคนจะเข้าไปเล่นในรอบคัดเลือกสิบทีมของโซนเอเชียได้หรือเปล่า

เมื่อวันจันทร์ของสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นวันที่ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยเรียกนักเตะให้มารายงานตัวที่สนามบินสุวรรณภูมิเพื่อบินไปเชียงใหม่ในการเตรียมความพร้อมก่อนไปโอมาน

แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้นสร้างความรู้สึกเป็นลบกับทั้งตัว วินฟรีด เชเฟอร์ เองหรือแฟนฟุตบอลชาวไทยที่ติดตามผลงานของทีมชาติที่ตัวเองรักด้วยการมีนักเตะมารายการตัวเพียงห้าคนเท่านั้น

ขณะที่นักเตะที่เหลือที่ไม่มาล้วนมีต้นสังกัดคือ สโมสรยักษ์ใหญ่ทั้งสามของเมืองไทยทั้งสิ้นไล่ไปตั้งแต่ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด, ชลบุรี เอฟซี และ เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งต่างมีเหตุผลของตัวเองว่าทำไมถึงไม่มา

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านั้นทาง วินฟรีด เชเฟอร์ ก็อนุญาตให้นักเตะที่ต้องติดภารกิจกับสโมสรมาซ้อมกับทีมชาติก่อนเพื่อเตรียมความพร้อม และพอถึงเวลาต้นสังกัดของตัวเองต้องลงแข่งจะปล่อยตัวให้กลับไปเล่นรับใช้สโมสรของตัวเอง

ดังนั้นเรื่องนี้คงทำให้ วินฟรีด เชเฟอร์ พูดไม่ออกเหมือนกันรวมทั้งแฟนบอลก็คงรู้สึกสะอึกกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในวงการฟุตบอลไทย เรื่องนี้คงไม่ตัดสินว่าฝั่งไหนผิด หรือถูกร้อยเปอร์เซ็นต์ไม่ได้ซะทีเดียว เพราะต่างฝ่ายต่างก็มีเหตุผลของตัวเองว่าทำไม

แต่ที่แน่ๆ ฝ่ายที่เสียหายที่สุดต้องยอมรับว่าเป็นทีมชาติไทยเองนั่นแหละที่เสียโอกาสในการฝึกซ้อม หรือได้อะไรที่มากขึ้นจากการเก็บตัวร่วมกัน

หลังจากนั้นทาง วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือใหญ่ของทีมชาติไทยพร้อมนักเตะจำนวนทั้งหมดที่มารายงานตัวก็เดินทางไปเชียงใหม่ และฝึกซ้อมตามแผนที่วางไว้ จุดนี้อยากขอชม วินฟรีด เชเฟอร์ จริงๆ ว่าเป็นมืออาชีพมากแม้ว่าจะเพิ่งเจอกับเรื่องที่ไม่สบอารมณ์กับตัวเองเท่าไหร่นัก

และถ้าเป็นกุนซือ หรือโค้ชฟุตบอลบางคนอาจจะหมดกำลังใจไม่ทำอะไรเลยพร้อมปล่อยตัวนักเตะที่มาเพียงน้อยนิดกลับไปพักผ่อนต่อ

อย่างไรก็ตามทีมชาติไทยก็ต้องเดินต่อไปด้วยการนัดหมายใหม่ให้นักเตะมารายงานตัวก่อนวันที่ 20 กุมภาพันธ์ เพื่อเข้าแคมป์ฝึกซ้อมร่วมกันแม้จะมีเวลาไม่มากก่อนจะเล่นฟุตบอลนัดตัดสินว่าฟุตบอลไทยจะมีโอกาสได้ไปบอลโลกปี 2014 ได้หรือเปล่า หรือจะเป็นความฝันต่อไป

พอฟังเหตุผลที่กุนซือใหญ่ทีมชาติไทยต้องการให้เก็บตัวร่วมกันเพื่อประสานความเข้าใจกันในการแข่งขัน และหากใช้เวลาฝึกซ้อมร่วมกันน้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อฟอร์มการเล่นของทีมก็ต้องยอมรับว่าเป็นเหตุผลที่ถูกต้องเลยทีเดียวจากประสบการณ์ของผมที่เคยเป็นโค้ชฟุตบอลมาก่อน

เพราะฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมไม่ใช่กีฬาชายเดี่ยวที่จะแยกซ้อมเหมือนพวกเทนนิสหรือแข่งรถ

ตอนนี้ต้องตั้งคำถามกับทีมชาติไทยว่าการไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายยังคงเป็นอีกเป้าหมายที่หวังไว้หรือไม่ ถ้าไม่ก็จะได้ไม่คาดหวังกับเกมที่ทีมชาติไทยเจอกับทีมชาติโอมานในวันที่ 29 กุมภาพันธ์

และเปลี่ยนไปตั้งความหวังกับฟุตบอลในระดับภูมิภาคของไทยไว้ก่อนอย่าง อาเซียน คัพ ที่ช่วงหลังไม่ประสบความสำเร็จ หรือฟุตบอลซีเกมส์ที่เราตกรอบแรกในสองครั้งล่าสุด

ถึงตอนนี้ไม่อยากคิดมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่ เพราะเชื่อว่าทุกคนต้องรู้และคิดว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น แต่อยากให้กำลังใจกุนซือทีมชาติไทยคนปัจจุบันที่ชื่อ วินฟรีด เชเฟอร์ ให้สู้ต่อไปกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น

เพราะถ้าฟันฝ่าไปได้เชื่อว่าจะเข้มแข็งขึ้นอีกเยอะสำหรับการทำฟุตบอลในเมืองไทย ซึ่งอุปสรรคที่ผ่านมาเป็นอีกครั้งที่ผมอยากบอกว่า

สงสาร วินฟรีด เชเฟอร์ เหลือเกิน

เรื่องโดย "หมอเมา"

เครดิตภาพ : http://www.facebook.com/pages/Winfried-Schäfer

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook