เชลซี...ไร้กลเม็ดแต่ได้อย่างใจ ???
เฉือนชนะบาร์เซโลน่าได้นั่นมีความหมายอย่างยิ่งของเชลซี และที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันแม้จะเฉือนกันหวุดหวิดทว่าเชลซีไม่เสียอะเวย์โกล์ติดตัวไปในนัดเยือนคัมป์ นู ดูดีทีเดียวครับสำหรับผลงานของโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ และลูกทีม
เลก 2 จะยากกว่านี้หลายเท่า แต่มันก็ไม่มีอะไรดีไปกว่าการตุนสกอร์เอาไว้ก่อน เป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว ในขณะที่เกมเลก 2 ยังไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
ย้อนยุคแต่ก็โอเค...
ตั้งแต่ก่อนเกม จนกระทั่งได้เห็นเกมของจริงก็สามารถเข้าใจได้เลยว่าการเล่นของทั้ง 2 ทีมเป็นอย่างไร บาร์ซ่าเปิดเกมรุกเข้าใส่ ครองบอลทั้งเกมตามสไตล์ ในขณะที่เชลซี รู้อยู่แล้วว่าเรื่องของการครองบอลทำเกมเป็นรองแน่นอน ถอยลงไปรับกันเต็มพรืดไปหมด คอยสาดยาวโต้กันไปตามจังหวะ ประหนึ่งว่าสโต๊คมาเองยังไงยังงั้น
ถ้าปิดทางทำมาหากินของบาร์ซ่าได้ โอกาสของตัวเองจะตามมาทันที และเมื่อโอกาสเปิดต้องทำให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุดด้วยการไม่ปล่อยให้เสียเปล่า
ความขยันขันแข็งถูกงัดออกมาใช้มากกว่ากลเม็ดเด็ดพราย ทุกคนตั้งรับอย่างมีวินัย ไล่ทุกคนที่อยู่ใกล้บอล รามิเรส ไปช่วยดักทางดานี่ อัลเวส ในขณะที่ราอูล เมเรเลส พยายามก่อกวนให้บุสเก็ตส์ทำงานยากขึ้น แลมพาร์ด สอดส่ายหาทางหยุดไม่ว่าใครเข้ามาใกล้
เรียกว่าไม่ต้องเน้นอะไรนอกจากขยันไล่เข้าไว้ด้วยสไตล์ย้อนยุคหน่อย แต่ผลตอบแทนที่ได้ถือว่าคุ้มค่าอย่างยิ่ง บางครั้งการครองบอลตลอดเกมก็ใช่ว่าจะเป็นผู้ชนะได้เสมอไป และบาร์ซ่าก็สามารถแพ้ได้เช่นกัน
การดันขึ้นสูงของนักเตะบาร์ซ่า นั่นเป็นธรรมชาติ เปิดเกมรุกทุกสัดส่วนของทีมต้องหนุนเนื่องกัน ทว่านั่นก็เป็นช่องที่ทีมคู่แข่งมองเอาไว้ เมื่อแนวรับลอยขึ้นสูง การโต้กลับที่ใช้ไม่กี่จังหวะก็สามารถเจาะเข้าช่องว่างได้
ประตูชัยของเชลซีก็มาจากลักษณะนี้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตัดบอลจากเท้าลิโอเนล เมสซี่ เปิดยาวให้รามิเรสผ่านมาหน้าประตู ดิดิเยร์ ดร็อกบา แปเข้าไป
แอ๊กชั่นเพียบมีสกอร์ก็ดูดี...
ดิดิเยร์ ดร็อกบา ถูกใช้งานในนัดนี้ด้วยสถานการณ์ที่เหมือนกับเอานักแสดงมาเล่นบอล เวลาส่วนใหญ่ของดิดิเยร์ ดร็อกบา หมดไปกับการแอ๊กชั่นสารพัด การล้มการโอดโอย การย่ำใส่คู่แข่งแบบก้ำกึ่ง ซึ่งถ้าผู้ตัดสินไม่ว่าอะไรมันก็สามารถทำกันได้อยู่แล้ว
และนั่นสร้างความหงุดหงิดให้กับนักเตะบาร์ซ่า เกมต้องหยุดชะงักไปเรื่อยเมื่อดร็อกบาร่วงลงพื้น มีบิดมีใส่เกลียว มีสีหน้าเจ็บปวด เดินทอดน่องจนล้ำหน้า ดูเพื่อนร่วมทีมไล่บอล และที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ลืมเรื่องราวต่างๆ ไปได้นั่นคือ มีสกอร์ให้กับทีม
จะเอาอะไรอีกถ้าทำได้แบบนี้ เมื่อทุกอย่างโอเคนั่นก็จะเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องของโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ที่เลือกใช้งาน ดิดิเยร์ ดร็อกบา แทนที่จะเป็น เฟร์นานโด ตอร์เรส
โชคเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้...
แม้ว่าเชลซีจะได้เปรียบในเรื่องของสกอร์จากเกมเลกแรก แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีโชคเข้ามาเกี่ยวข้องแบบเต็มๆ อย่างน้อยๆ การยิงชนเสาชนคานของบาร์ซ่าก็น่าจะตอบเรื่องราวนี้ได้
ก่อนหน้านี้เราเห็นกันมาเชลซีได้สกอร์จากการล้ำหน้า ได้สกอร์จากบอลที่ยังไม่ข้ามเส้น และล่าสุดเรามีโอกาสได้เห็นบอลชนคาน ชนเสา และ แอชลีย์ โคล ช่วยเคลียร์บอลก่อนจะข้ามเส้นประตู
ถือได้ว่า ดิ มัตเตโอ และลูกทีมอยู่ในช่วงที่โชคลาภมาหาอย่างต่อเนื่อง เรื่องแบบนี้ต้องมีประดับบารมีเอาไว้ เพราะในช่วงคับขันมันจะแสดงผลออกมาชัดเจนอย่างยิ่ง
นอกจากมีโชคแล้วยังได้การเซฟของ ปีเตอร์ เช็ก ช่วยเอาไว้อีกเยอะทั้งจังหวะเซฟจากากรยิงของ เชส ฟาเบรกาส, อาเดรียโน่, ลิโอเนล เมสซี่, อเล็กซิส ซานเชซ, อันเดรส อินิเอสต้า และ คาร์เลส ปูโยล
เมสซี่ยังคงต้องรอต่อไป...
สถิติที่น่ากลัวของ ลิโอเนล เมสซี่ 63 ประตู ในทุกรายการกับบาร์ซ่าฤดูกาลนี้มีใครที่ไหนทำได้บ้าง คงต้องมีข้อยกเว้นกันหน่อย เพราะ 7 นัดที่ผ่านมาบาร์ซ่าบู๊กับเชลซีในรอบหลายปี ลิโอเนล เมสซี่ ต้องรอต่อไปกับการเปิดสกอร์ให้กับตัวเองและทีมจาการดวลกับสิงห์ตัวนี้
การปั้นแต่งเกม การสร้างสรรค์โอกาส ยังคงต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้อย่างใจทุกอย่างเหมือนที่เคยเป็น เชลซีลงไปรับแน่นมากจนหาทางเจาะลำบาก เจาะได้ก็ติดเซฟของ ปีเตอร์ เช็ก ซะอีก
เลก 2 ในสนามคัมป์ นู ต้องตามดูกันแบบเกาะติด เมสซี่จะทำอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันและได้สกอร์ที่สำคัญต่อทีมหรือเปล่า เชลซีต้องระวังกันแน่นอน ถึงตอนนั้นอาจจะเป็นอีกเรื่องเหมือนหนังคนละม้วนก็เป็นไปได้สูงทีเดียว
แอชลีย์ โคล ชื่อนี้เชลซีต้องมีไว้...
มีปัญหาอยู่บ้างกับการดูแล อเล็กซิส ซานเชซ ในช่วงออกสตาร์ต ทว่า แอชลีย์ โคล ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ การปิดทางทำมาหากินของ ดานี่ อัลเวส ในเกมริมเส้นทางขวาของบาร์ซ่าถือว่ามีผลต่อเกมของเชลซีเยอะมาก
บาร์ซ่าเล่นลำบากมากขึ้น มีออพชั่นที่น้อยลงไป ต้องเข้ามาวุ่นวายอยู่ตรงกลางแทน ซึ่งนักเตะเชลซีวางขุมกำลังกันหนาแน่นรออยู่แล้ว
โคลเล่นด้วยความมั่นใจทั้งรุกและรับเสมอ โดยเฉพาะเกมกับบาร์ซ่าแม้ว่าแทบไม่มีโอกาสได้เปิดเกมรุกเลย แต่การปิดเกมทางด้านริมเส้นที่รับผิดชอบอยู่ดูมั่นคงและเชื่อใจได้
แถมยังช่วยเคลียร์บอลออกจากเส้นประตู แม้ดูเหมือนบอลจะไหลออกนอกกรอบก็ตามที คงต้องดูและสภาพร่างกายตัวเองเอาไว้ให้ดี มีความสำคัญต่อทีมมากขนาดนี้อย่าพลาดนัดสำคัญๆก็แล้วกันไม่อย่างนั้นวุ่นแน่นอน
สกอร์นำเอาไว้ก่อนย่อมได้เปรียบ จะมากหรือน้อยมันก็คือความได้เปรียบอยู่ดี ทว่าเลกที่ 2 เป็นเรื่องคาดเดายากว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง การบ้านของโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ยังคงเพียบเหมือนเดิม อาจจะมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ
งานนี้มีลุ้นครับแม้ว่าจะทำให้แฟนบอลหายใจไม่ทั่วท้อง และต้องถอนหายใจกันเฮือกใหญ่เป็นช่วงๆไปตลอดทั้งเกมก็ตาม
ดามัน