ไม่มีอะไรจะต้องเสีย
ภายหลังจากจบเกมสุดแสนจาก “ดราม่า” ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด มีคำถามมากมายผ่านทางเฟซบุ๊กของผม “ไอ้หนุ่มวัยซิ่ง บี แหลมสิงห์” และทางทวิตเตอร์ “บี แหลมสิงห์”
ทำไม “ปิศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถึงได้เป็นแบบนี้
การได้เล่นก่อน ถือว่าได้เปรียบ ไม่ได้อย่างนั้นคำว่า “ต่อยก่อนได้เปรียบ” คงไม่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้แน่นอน แต่มันใช้ไม่ได้กับแมทช์นี้
เกมออกสตาร์ตนัดนี้ ยูไนเต็ด ค่อนข้างเครื่องร้อนช้า ทำให้โดน เอฟเวอร์ตัน ที่ไม่เคยชนะที่ถิ่นผีเลย 18 ปี ไล่ต้อนอยู่ข้างเดียว
แฟนฟุตบอลทอฟฟี่หลายคนคิดในใจว่า อาจจะมีเซอร์ไพรส์ก็ได้ หลังจากพิชิตชัยได้หนสุดท้ายที่นี่ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ ปีเตอร์ เบียร์ดสลี่ย์ ยังอยู่ในสนาม!!!!
อย่างไรก็ตาม เกมทำท่าจะกลับไปอยู่ฝั่งผีแดง แต่กลายเป็น เอฟเวอร์ตัน ที่เลือกลงเล่นรับลึกตั้งแต่ช่วง 20 นาทีแรก กลับได้ประตูออกนำไปก่อน แต่ก็ไม่นาน ยูไนเต็ด กลับมาอยู่ในเกมด้วยประตูเสมอ
กระทั่งมาถึงในช่วงสำคัญคือหนึ่งชั่วโมงแรก ทุกอย่างต้องจบ หากว่า ยูไนเต็ด ไม่มีปัญหาอย่างที่ตัวเองเป็นมาทั้งซีซั่น จากประตูสุดสวยของ แดนนี่ เวลเบ็ค และ นานี่
สกอร์ 3-1 ต้องปิดกล่อง แม้ว่า มารูยาน เฟลไลนี่ ฮาล์ฟวอลเลย์เสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสุดงาม ไล่มาแต่มันก็เหมือนกับจะไม่เป็นปัญหา เพราะ แดเนี่ยล เวลเบ็ค จ่ายให้ เวย์น รูนี่ย์ พังประตูฉีกกระดาษ 4-2
ทุกอย่างมันต้องจบ
โดยเฉพาะการประสานงานกันครั้งแรกระหว่าง เวลเบ็ค กับ รูนี่ย์ ในการจบสกอร์ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเล่นกันมาตั้งนานไม่เคยแอสซิสต์ให้กันเลย!
คำถามทั้งหมดที่ถามมา ตอบแบบกำปั้นทุบดิน จากช่วงท้ายปลายเกม เอฟเวอร์ตัน กลับมายิงได้ยังไงอีก 2 ลูก สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 4-4 และจบเกมด้วยการแบ่งแต้ม
นี่คือคำตอบทุกคนแล้ว นั่นคือ ไม่มีอะไรจะต้องเสีย
ฤดูกาลที่ดีของ เอฟเวอร์ตัน เหมือนกับหมดไป จากเกมที่แล้วเมื่อพ่ายให้กับ ลิเวอร์พูล ในรอบตัดเชือกเอฟเอ คัพ
สิ่งที่ต้องทำก็คือ เล่นให้ดีที่สุดและพวกเขาก็ทำได้สำเร็จ
ผิดกับ ยูไนเต็ด ที่ไม่สมควรเสีย และไม่มีสิทธิเสีย กลับปล่อยให้โอกาสของตัวเองนั้นยากไปเองแบบไม่สมควรอย่างยิ่ง
จากที่จะได้กดดันเป็น 8 แต้ม กลับกลายมาเป็น 6 แต้ม และสุดท้ายก็เหลือแค่ 3 คะแนนเท่านั้น อันนี้มันมาจากเหตุผลเดียวกับ เอฟเวอร์ตัน
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่มีอะไรจะเสียเช่นกันครับเจ้านาย!
บี แหลมสิงห์