เสียดายโอกาส
คงไม่ "ช้า" เกินไปนะครับ ที่ผมมาเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการเปิดแถลงชี้แจงของสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย เมื่อช่วงบ่ายวันศุกร์ (11 พ.ค.) ที่ผ่านมา ไม่ใช่เป็นเพราะว่าผมมัวไปรวบรวม "หาข้อมูลเพิ่มเติม" อะไรหรอกครับ
แต่เป็นเพราะช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมานั้น ฟุตบอลมีฟาดแข้งกันเยอะมาก เนื้อที่ประจำในคอลัมน์ "ซอยสามัคคี" จึงถูกยื้อแย่งสัมปทานไป เพื่อเอาไปใช้ทำประโยชน์ทางด้านการวิเคราะห์วิจารณ์ลูกหนังนั่นเอง
ชี้แจงแถลงไขไปเรียบร้อยแล้ว ก็ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน กับเรื่องราวที่สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ได้เชิญตัวแทนสโมสรทั้ง 18 สโมสร ในไทยพรีเมียร์ลีก มารับฟังคำชี้แจงของทางสมาคม ในหลายๆ เรื่องราวที่สโมสรสมาชิกอยากจะรู้ รวมทั้งเรื่องที่ทางสมาคม อยากจะบอกเล่าเก้าสิบให้มวลหมู่สมาชิกได้รับทราบ
แน่นอนว่า เรื่อง "ใหญ่" ที่สุด ที่ทุกคนๆ ฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายสโมสรสมาชิก, แฟนลูกหนังส่วนมาก และสื่อมวลชน อยากจะรู้มากที่สุด ก็คือเรื่องที่เกี่ยวกับสัญญาการดูแลสิทธิประโยชน์ของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ที่ทางสมาคมฟุตบอลฯทำเอาไว้กับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งให้เข้ามาดูแลสิทธิประโยชน์ ที่ คุณเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ได้มีการสอบถามไปยังท่านนายกสมาคมลูกหนัง คุณวรวีร์ มะกูดี ในการประชุมเมื่อครั้งก่อนว่า สามารถเปิดเผยได้หรือไม่
ซึ่งเชื่อว่าทุกคนคงพอจำคำตอบของท่านนายกลูกหนังว่า
"สามารถดูได้ เพียงแต่ให้ทำหนังสือแจ้งมาเป็นลายลักษณ์อักษร เท่านั้นเอง ไม่ใช่ขอด้วยคำพูดลอยๆ"
เพราะฉะนั้น เมื่อทางสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ จัดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงในข้อสงสัย และให้สโมสรสมาชิก ได้มีโอกาสซักถามเพื่อความเข้าใจอีกครั้ง จึงกลายเป็นเรื่องที่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง
ทว่า! เมื่อได้ติดตามการแถลงชี้แจงในวันดังกล่าวแล้ว ผมเชื่อว่า คงจะมีผู้ที่สนใจจำนวนไม่น้อยเลย ที่มีความรู้สึกว่า "ผิดหวัง" กับคำชี้แจงจากทางสมาคมลูกหนัง ซึ่งท่านนายกวรวีร์ ลงทุนออกมาชี้แจงอีกครั้ง
เนื่องเพราะทุกฝ่ายคาดว่า การออกมาตั้งโต๊ะชี้แจงและตอบข้อซักถามของทางสมาคมลูกหนังในครั้งนี้ น่าจะทำให้สโมสรสมาชิก และบรรดาผู้ที่อยากทราบทั้งหลาย จะได้ "กระจ่าง" และ "หายข้องใจ" กับหลายๆ ประเด็นที่ทำให้เกิดปัญหาใหญ่โตในวงการบอลบ้านเราขณะนี้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับเรื่อง สัญญาการดูแลสิทธิประโยชน์ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก นั่นแหละ
แต่! สิ่งที่ปรากฏก็คือ เรื่องดังกล่าวก็ยังคงไม่ "เคลียร์" อยู่ดี เนื่องเพราะท่านนายกวรวีร์ ได้ชี้แจงต่อที่ประชุมว่า สัญญาฉบับดังกล่าวขอดูได้ แต่ต้องไปดูด้วยตัวเองที่สมาคมลูกหนัง หรือไม่ก็ไปดูด้วยตัวเองที่บริษัทที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลสิทธิประโยชน์ คู่สัญญาของสมาคมนั่นเอง
ผมเป็นคนไม่มีความรู้ในเรื่องราวของข้อกฎหมายเลยสักกระผีก แต่เอาเป็นว่า ผมรับฟังในสิ่งที่ท่านนายกวรวีร์ ชี้แจงถึงในข้อกฎหมายบางข้อ ที่ทำให้ไม่สามารถ "เปิด" สัญญาฉบับดังกล่าวต่อสาธารณะได้
แต่! ที่ผมขึ้นหัวคอลัมน์เอาไว้ว่า "เสียดายโอกาส" เนื่องเพราะว่า การที่ท่านนายกสมาคมลูกหนัง ไม่นำเอาสัญญาฉบับดังกล่าวมา "เปิดเผย" ต่อสาธารณะ มันทำให้รู้สึก "เสียดายโอกาส" ในหลายๆ เรื่องจริงๆ ครับ
เสียดายโอกาส ที่ท่านนายกวรวีร์ จะได้แสดงความบริสุทธิ์ใจว่า สัญญาฉบับดังกล่าว กระทำอย่างบริสุทธิ์โปร่งใส เพราะถ้าหากท่านนำเอาสัญญาดังกล่าวมาเปิดเผยต่อสาธารณะ เชื่อว่า ข้อสงสัยในทุกๆ เรื่อง น่าจะ "เคลียร์" ได้หมด
อีกอย่าง หากมีการเปิดเผยสัญญาดังกล่าวต่อสาธารณะ ก็จะทำให้ผู้ที่สนใจอีกจำนวนไม่น้อยเลย ได้ทราบข้อมูลในสัญญา และอาจจะเป็นผลดีต่อสมาคมลูกหนัง หากว่าจะมีการเปิดให้ประมูลเข้ามาทำหน้าที่ดูแลสิทธิประโยชน์ของฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ในภายภาคหน้า ที่สมาคม จะมีโอกาสได้รับข้อเสนอที่เป็นประโยชน์มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน
หรือในกรณีที่ สัญญาฉบับดังกล่าวนี้ ได้ชี้ให้เห็นว่า ที่ผ่านมา บริษัทที่ได้รับมอบให้ดูแลสิทธิประโยชน์ ในช่วงที่ผ่านมา ได้ให้ประโยชน์ตอบแทนกลับไปยังสมาคมลูกหนังได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ก็จะเป็นการแสดงให้ทุกฝ่ายได้หายข้องใจ และสิ่งที่ตามมา ก็จะมีแต่ผล "บวก" กับทางบริษัทที่เข้ามาดูแลสิทธิประโยชน์ ดังกล่าว และถ้าหากว่าได้รับมอบหมายให้เข้าไปทำหน้าที่ดังกล่าวอีกครั้ง ก็น่าจะมีเสียงปรบมือยินดีและเห็นด้วย จากทุกภาคส่วนอีกต่างหาก
แต่ในเมื่อ ทางนายกสมาคมลูกหนัง เลือกที่จะใช้วิธี ให้เฉพาะประธานสโมสรสมาชิกในไทยพรีเมียร์ลีก เข้าไปดูสัญญาด้วยตนเอง และไม่สามารถที่จะถ่ายสำเนาออกมาได้
แม้ผมเองจะเข้าใจในเหตุผลทางด้านเทคนิคบางอย่างอันเป็นเหตุผลให้ไม่สามารถเปิดเผยสัญญาต่อสาธารณะ ที่ท่านนายกสมาคมชี้แจงเมื่อวันศุกร์ แต่จะให้คนอีกมากมายที่อยากรู้ อยากจะให้มีการนำเอาสัญญาฉบับดังกล่าว มาเปิดเผยต่อสาธารณะ ได้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น ในแนวทางเดียวกันกับผม มันก็คงไม่ใช่เรื่อง "ง่าย" แน่นอนครับ
นี่แหละ ที่ทำให้ผมมีความรู้สึก "เสียดายโอกาส" แทนท่านนายกลูกหนัง จริงๆ ครับ
จึงกราบเรียนมาด้วยความเคารพอย่างสูง ณ ที่นี้ ครับ
เฮียนอส