สำหรับสถานการณ์ในตอนนี้ของแฟนบอลเชลซี มีเรื่องที่ต้องลุ้นแทบขาดใจหลายต่อหลายเรื่อง
ล่าสุดเลยเรื่องที่กำลังเป็นที่กล่าวขานมากที่สุดคงจะไม่พ้นเรื่องของผู้จัดการทีมคนใหม่ที่จะเข้ามาทำหน้าที่แทน ราฟาเอล เบนิเตซ ที่ต้องโบกมือลาไปในช่วงหน้าร้อนนี้
โดยกระแสในตอนนี้ที่มาแรงที่สุดก็คืออดีตนายเก่าชาวโปรตุกีสอย่าง โชเซ่ มูรินโญ่ ที่เหล่าบรรดาสื่อต่างประเทศต่างก็ฟันธง 100 เปอร์เซนต์ว่าจะกลับมารับงานที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้งอย่างแน่นอน
แต่เราขอพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เพราะต่างคนก็ต่างพูดถึงเรื่องนี้ เราลองมาคิดกันเล่นๆ ดีกว่าถ้า “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” กลับมากุมบังเหียนทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” อีกครั้งเป็นเรื่องจริง ใครจะเป็นหัวหอกคนโปรดของ มูรินโญ่ ?
แทบจะมั่นใจได้เลยว่าหาก มูรินโญ่ ได้กลับมาทำหน้าที่ในกรุงลอนดอน สเปคของศูนย์หน้าเพชฌฆาตตัวใหม่ต้องมีฝีเท้าที่ใกล้เคียงกับ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ที่ตอนนี้กำลังค้าแข้งในตุรกีกับ กาลาตาซาราย
ซึ่ง ดร็อกบา ย้ายจาก โอลิมปิก มาร์กเซย มาอยู่กับ เชลซี ในวันที่ 4 กรกฏาคม ปี 2004 ด้วยค่าตัว 24 ล้านปอนด์ (1,080 ล้านบาท) และเป็นกองหน้าที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” เคยมีมา
โดยขณะนี้ดาวยิงทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ วัย 35 ปีก็ได้กลายเป็นตำนานคนหนึ่งของ “สิงโตน้ำเงินคราม” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ลงเล่นให้ เชลซี ไปทั้งหมด 341 เกม ยิงได้ 157 ประตู แอสซิสต์ 71 ครั้ง ถ้าพูดถึงคุณสมบัติของดาวเตะรายนี้เป็นนักเตะที่มีความแข็งแกร่งมาก อีกทั้งยังมีเล่ห์เหลี่ยมที่จัดพอตัวเลย หรือ เรียกง่ายๆ ว่า “เก๋าเกม” นั่นเอง
และที่สำคัญเลย ดร็อกบา มักจะช่วยยิงประตูสำคัญๆ ให้ เชลซี ได้เสมอเลย ยกตัวอย่าง เกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีล่าสุด ที่พบกับ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งเขาสามารถโขกตีเสมอให้ทีม 1-1 จนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ
ก่อนจะเป็นผู้สังหารจุดโทษคนสุดท้ายให้ “สิงห์บลูส์” คว้าแชมป์ถ้วยใบยักษ์รายการนี้ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร และหวังว่าคุณสมบัติเหล่านี้จะยังคงเป็นที่ต้องการของแฟนๆ “เดอะ บลูส์” สำหรับผู้เล่นที่ยืนหัวหอกตัวเป้าในซีซั่นหน้า
ตลอดช่วงที่ผ่านมามีศูนย์หน้าฝีเท้าระดับพระกาฬหลายต่อหลายคนที่มีข่าวกับ เชลซี ไม่ว่าจะเป็น ราดาเมล ฟัลเกา ของ แอตเลติโก มาดริด, เอดินสัน คาวานี่ ของ นาโปลี, ฮัลค์ ของ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และเวย์น รูนี่ย์ ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ซึ่งพูดได้จริงๆ เลยว่าแต่คนละคนต่างก็เป็นระดับเวิร์ลคลาสด้วยกันทั้งนั้นและต่างคนต่างก็มี คุณสมบัติพิเศษที่ต่างกัน เราไปเริ่มวิเคราะห์กันเลยดีกว่า
เราไปเริ่มกันที่ “เอล ติเกร” หรือ ฟัลเกา ที่มีข่าวด้วยกันมานมนานเหลือเกิน และเชื่อว่าก็เป็นที่ต้องการของ “น้ามู” อีกด้วยหากได้กลับมาคุมทีม เชลซี
ซึ่งดาวยิงทีมชาติโคลอมเบียขึ้นชื่อว่าเป็นศูนย์หน้าที่มีความอันตรายเป็น รองแค่ ลิโอเนล เมสซี่ ของ บาร์เซโลน่า และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ของ เรอัล มาดริด เท่านั้น
จุดเด่นที่แท็กติกชั้นสูงและสามารถยิงประตูได้ทุกรูปแบบ คาดว่าอาจจะทำให้เกมรุกของ “สิงห์บลูส์” ดูสร้างสรรค์มากขึ้นในฤดูกาลหน้าก็เป็นได้ แต่ข้อเสียคือมีร่างกายที่เล็กนั่นเอง
ถึงกระนั้นก็เชื่อว่าเพชฌฆาตรายนี้ถูกใจแฟนบอลเชลซี หลายต่อหลายคนอย่างแน่นอน แต่ทว่าจากข่าวที่ออกมาค่าตัวของ ฟัลเกา ที่ 46 ล้านปอนด์ (2.3 พันล้านบาท) อาจดูแพงไป แต่สำหรับ โรมัน อบราโมวิช เรื่องแค่นี้ไม่น่าใช่ปัญหา
ถ้ามองดูความเป็นไปได้ถึงโอกาสที่จะย้ายมาค้าแข้งใน สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ด้วยหลายเหตุผลหลายประการไม่ว่าจะเป็นเรื่องต้องเบียดแย่งกับทีมยักษ์ใหญ่ มากมายและอีกเรื่องคือทางคนใกล้ชิดกับ ฟัลเกา อย่างผู้เป็นพ่อและแฟนสาวของเจ้าตัวต่างก็ออกมาบอกว่า ฟัลเกา จะไม่ย้ายหนีทีม “ตราหมี” อย่างแน่นอน
รายแรกผ่านไป เราไปต่อกันที่ดาวยิงคนที่ 2 กันเลย ได้แก่ เอดินสัน คาวานี่ ดีกรีหัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ถ้าพูดถึงข่าวคราวเกี่ยวกับแข้งรายนี้ดูมีความเป็นไปได้น้อยที่สุดเลยก็ว่า ได้ในการย้ายมาร่วมทีม “สิงโตน้ำเงินคราม”
เพราะกระแสแรงๆ ในตอนนี้จะมีก็แต่ เรอัล มาดริด, ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 ทีมนี้แหละที่มีโอกาสได้ตัวเขาไปเสริมความคม
แต่ถ้าหากพูดถึงคุณสมบัติของ คาวานี่ ว่าจะตรงกับใจของ มูรินโญ่ ? ผมว่าน่าจะถูกใจอยู่พอสมควรนะ เพราะเป็นนักเตะที่มีรูปร่างสูงใหญ่, มีความแข็งแรง, ยิงประตูได้มากมายและยังมีความเฉียบคมอีกด้วย
แต่เสียอย่างหนึ่งนั่นก็คือ คาวานี่ เป็นนักเตะขี้เลี้ยง(หวงบอล) ทว่าขณะนี้ได้กลายเป็นที่พึ่งในการจบสกอร์ของ นาโปลี ไปเสียแล้ว รวมถึงยังเป็นดาวซัลโวในฤดูกาลนี้ของ กัลโช่ เซเรีย อา อีกด้วยที่ 27 ประตู
ซึ่งผมขอฟันธงเลยว่าหอกรายนี้เหมาะสมกับตำแหน่งหอกคนใหม่ของ “สิงห์บลูส์” แต่ทว่าต้องไปลุ้นกันเอาเองนะว่าท้ายที่สุดในช่วงซัมเมอร์จะได้รับข่าวดี หรือไม่
รายต่อไปได้แก่ ศูนย์หน้าเท้าหนักทีมชาติบราซิลอย่าง ฮัลค์ นี่ก็เป็นนักเตะอีกคนที่ผมว่าเหมาะสมกับ “สิงโตน้ำเงินคราม” นะ แต่ทว่าหัวหอกรายนี้คงไม่ได้เข้าหูเข้าตาแฟนบอลหลายๆ คนอย่างแน่นอน
สำหรับแข้งรายนี้ทำผลงานได้ดีทีเดียวตอนอยู่กับ ปอร์โต้ แต่พอย้ายไปอยู่กับ เซนิต ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุขสักเท่าไหร่ เนื่องจากมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีมช่วงย้ายเข้าไปใหม่ๆ และเซนิต เนี่ยก็ขึ้นชื่อเลยว่าเป็นทีมที่โคตรแบ่งแยกเชื้อชาติ
เลยทำให้นักเตะส่วนมากที่ย้ายมาอยู่ด้วยอาจต้องหงุดหงิดกับเรื่องนี้ด้วยกัน ทั้งนั้น แต่ถ้าพูดถึงเรื่องจุดเด่นของแข้งรายนี้มีอย่างเดียวก็คือเท้าหนัก
เอาง่ายๆ ถ้าเกิดให้ ฮัลค์ ยิงจ่อๆ แบบเต็มเหนี่ยว ผู้รักษาประตูคงจบชีวิตได้แน่ๆ ส่วนคุณสมบัตินอกจากนั้นก็คือตัวใหญ่มากและสามารถเบียดคู่แข่งได้เป็นอย่าง ดี อาจจะตรงสเปค มูรินโญ่ อยู่พอสมควร
ส่วนหัวหอกรายต่อมานี่ถือว่าได้สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั่วโลกเลยนั่นก็ คือ เลวานดอฟสกี้ ที่เหมาคนเดียว 4 ตุง ให้ทัพ “เสือเหลือง” เปิดรัง ซิกนัล อิดูน่า พาร์ค อัด “ราชันชุดขาว” ของ “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” ไปอย่างลถ่มทลาย 4-1
ทำให้ มูรินโญ่ นั้นจ็บลึกถึงทรวงเลยทีเดียว หลังจากได้โชว์ฟอร์มอันร้อนแรงทำให้กระแสข่าวของแข้งรายนี้มีมากขึ้นเป็น เท่าตัว หลายทีมยักษ์ใหญ่ต่างให้ความสนใจกันมากขึ้น และก่อนหน้านี้ไม่นานมีข่าวว่าหาก “น้ามู” กลับมาคุมทีม เชลซี อาจจะหิ้วปลีก เลวานดอฟสกี้ มาด้วยก็เป็นได้
สำหรับหัวหอกทีมชาติโปแลนด์รายนี้เองก็เป็นดาวยิงสูงสุดของ ดอร์ทมุนด์ ที่ 35 ประตูจากทุกรายการ และนำเป็นดาวซัลโวร่วมใน บุนเดสลีกา ที่ 23 ประตูควบคู่กับ สเตฟาน คีสลิงก์ ของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และถ้าพูดถึงคุณสมบัติว่าเหมาะสมกับระบบเกมของ เชลซี ไหม?
ผมว่าเหมาะเลยแหละ ทั้งสูงใหญ่, ทักษะเป็นเลิศ, แข็งแกร่ง และมีความเฉียบคมในการยิงประตู คาดว่าจะตอบโจทย์ของ มูรินโญ่ ได้เป็นอย่างดี
แต่ทว่าต้องลุ้นเหนื่อยหน่อยเรื่องการแย่งตัว เพราะทีมที่มีเปอร์เซ็นต์ได้ตัว เลวานดอฟสกี้ ไป ดูเหมือนจะมีแค่ แมนฯยู กับ บาเยิร์น มิวนิค เท่านั้น
ส่วนรายสุดท้ายที่เพิ่งมีข่าวเกิดมาสดๆ ร้อนๆ เลย นั่นก็คือ รูนี่ย์ สำหรับหัวหอกรายนี้มีความเป็นไปได้สูงเลยที่จะย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เนื่องจากปัญหาหลายประการ
ข้อ 1 นั่นก็คือ เจ้าตัวแทบไม่ได้รับโอกาสในการยืนเป็นศูนย์หน้าเลยนับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คว้าตัว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ จาก อาร์เซน่อล มาร่วมทีมเมื่อช่วงฤดูกาลที่แล้ว และยังสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย
จึงทำให้ รูนี่ย์ ถูกลดบทบาทลงไปเล่นเป็นมิดฟิลด์สับเปลี่ยนกันระหว่างเจ้าตัวกับ ชินจิ คากาวะ สักส่วนใหญ่
และอีกเหตุผลนึงคือ การแต่งตั้ง เดวิด มอยส์ กุนซือเอฟเวอร์ตัน เข้ามาแทนที่ “เฟอร์กี้” ที่เพิ่งประกาศวางมือไปแบบยิ่งใหญ่ จึงทำให้ รูนี่ย์ มีเปอร์เซ็นต์สูงขึ้นสำหรับการย้ายออกจากทีม
เนื่องจากเจ้าตัวเคยมีปัญหาอย่างหนักกับผู้จัดการทีมชาวสกอตติชรายนี้มาก่อน เมื่อสมัยยังค้าแข้งอยู่กับ “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน”
และรูนี่ย์ เองก็เคยประกาศอยากย้ายทีมมาก่อนเมื่อช่วงเดือนตุลาคมปี 2010 และไม่นานมานี้ มูรินโญ่ เคยให้สัมภาษณ์หลังเกมที่พา เรอัล มาดริด ทำศึกกับ เอซี มิลาน ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือกว่า ถ้าหาก รูนี่ย์ ต้องการย้ายออกจากทีมเมื่อไหร่ให้โทรมาบอกเขาโดยทันที
และเป็นไปได้ว่าครั้งนี้มีโอกาสมากเลยที่เดียวที่ทั้ง 2 จะได้ร่วมงานกัน
ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้เพิ่งมีข่าวมาว่า “น้ามู” ต้องการให้หัวหอกทีมชาติอังกฤษเข้ามาทำหน้าที่เป็น ดร็อกบา คนต่อไป ไม่ว่าจะมีทักษะฝีเท้าเป็นเลิศ, ความแข็งแกร่งในการเข้าปะทะกับคู่ต่อสู้, ทักษะการยิงประตู
และความทุ่มเทของเขา น่าจะตอบโจทย์ มูรินโญ่ ได้มากที่สุด และเชื่อว่าแฟนบอลทุกคนต่างก็หวังจะเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง
ส่วนกองหน้าที่มีอยู่ในทีมอยู่แล้วอย่าง เฟร์นานโด ตอร์เรส และเดมบา บา ถ้าให้เปรียบเทียบ 2 คนนี้ คนที่จะมีโอกาสถูกเลือกมากที่สุดน่าจะเป็น บา เพราะทาง “น้ามู” เองดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยชอบกองหน้าสไตล์ ตอร์เรส สักเท่าไหร่
แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่สามารถตัดสินอะไรได้ ถึงเวลาแล้วเราก็จะได้รู้เองแหละ ก่อนอื่นเลยขอให้ “น้ามู” กลับมาคุมทีมอีกครั้งก่อนเถอะ
สุดท้ายนี้ เราลองมาคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้กันดีกว่าว่าเพรชฆาตทั้ง 5 ที่มีข่าวกับ “สิงโตน้ำเงินคำราม” ใครจะมีโอกาสย้ายมาร่วมทัพ “สิงโตน้ำเงินคราม” มากที่สุด
โดยทางเราจะนำมาชี้แจงตามอันดับก็แล้วกัน โดยมีผลดังนี้
อันดับ 1 เวย์น รูนี่ย์ ตามมาด้วยอันดับ 2 ราดาเมล ฟัลเกา อันดับ 3 โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ อันดับ 4 เอดินสัน คาวานี่ และอันดับสุดท้าย ฮัลค์
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นเพียงความคิดของผมเอง หากใครคิดแตกต่างอย่างไรสามารถแสดงความคิดเห็นได้เลย
เรื่องโดย : HaMu