วิเคราะห์บอลยูโร สวีเดน - อังกฤษ

วิเคราะห์บอลยูโร สวีเดน - อังกฤษ

วิเคราะห์บอลยูโร สวีเดน - อังกฤษ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

ฟุตบอลยูโร 2012

กลุ่ม ดี นัดที่ 2

สวีเดน - อังกฤษ


เวลา: 01.45 น.
สนาม: เอ็นเอสซี โอลิมปิสกี้
ผู้ตัดสิน: ดาเมียร์ สโคมิน่า (สโลวะเกีย)
ถ่ายทอดสด: ช่อง 3


 

ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม

สวีเดน

11 มิ.ย. 55 แพ้ ยูเครน 1-2 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
5 มิ.ย. 55 ชนะ เซอร์เบีย 2-1 (เหย้า) กระชับมิตร
30 พ.ค. 55 ชนะ ไอซ์แลนด์ 3-2 (เหย้า) กระชับมิตร
29 ก.พ. 55 ชนะ โครเอเชีย 3-1 (เยือน) กระชับมิตร
18 ม.ค. 55 ชนะ บาห์เรน 2-0 (กลาง) กระชับมิตร

อังกฤษ

11 มิ.ย. 55 เสมอ ฝรั่งเศส 1-1 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
2 มิ.ย. 55 ชนะ เบลเยียม 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร
26 พ.ค. 55 ชนะ นอร์เวย์ 1-0 (เยือน) กระชับมิตร
29 ก.พ. 55 แพ้ ฮอลแลนด์ 2-3 (เหย้า) กระชับมิตร
15 พ.ย. 54 ชนะ สวีเดน 1-0 (เหย้า) กระชับมิตร

ผลงานการพบกันที่ผ่านมา

15 พ.ย. 54 กระชับมิตร อังกฤษ 1-0 สวีเดน
20 มิ.ย. 49 ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย สวีเดน 2-2 อังกฤษ
2 มิ.ย. 45 ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย อังกฤษ 1-1 สวีเดน
31 มี.ค. 47 กระชับมิตร สวีเดน 1-0 อังกฤษ
10 พ.ย. 44 กระชับมิตร อังกฤษ 3-3 สวีเดน

ความพร้อม-สภาพทีม

สวีเดน

กระแสข่าวที่ออกมาจากแคมป์ของสวีเดนไม่ค่อยดีนัก เมื่อลือกันว่านักเตะเกิดอาการแบ่งก๊กแบ่งก๊วนกันภายในทีม นำโดยฝ่ายของซลาตัน อิบราฮิโมวิช ดาวยิงกัปตันทีมคนปัจจุบัน และฝ่ายของโอลอฟ เมลเบิร์ก กองหลังตัวเก๋าอดีตกัปตันทีม ซึ่งมีเหตุมาจากฟอร์มในนัดแรกของทีมที่พ่ายยูเครนนั่นเอง

ขณะที่ เอริค ฮามเรน โค้ชของทีม ก็ถูกระบุว่าไม่พอใจการเล่นของนักเตะในนัดแรก ขณะที่ตัวเขาเองก็โดนวิจารณ์เรื่องการวางแท็กติกการเล่นที่ไม่เข้ากับทีม เพราะไม่ได้ใช้ระบบ 4-4-2 ที่ใช้กันมานาน แต่เลือกที่จะเล่นแบบ 4-2-3-1 แทน
เกมนี้กุนซือทีมไวกิ้งน่าจะปรับผู้เล่นอย่างน้อยสองตำแหน่ง ด้วยการส่งโยฮัน เอลมานเดอร์ กองหน้าตัวหลักอีกคน กลับมาลงสนามเป็นตัวจริง หลังฟิตสมบูรณ์ดีแล้วจากปัญหาการเจ็บเท้า โดยเขาจะลงมายืนเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าแทนที่ของมาร์คุส โรเซนเบิร์ก

ขณะที่อันเดอร์ส สเวนส์สัน มิดฟิลด์ตัวเก๋า ก็น่าจะได้ลงมาเป็นตัวตัดเกมแดนกลาง หลังจากนัดก่อนรามุส เอล์ม มิดฟิลด์สารพัดประโยชน์ ถูกจับไปทำหน้านี้ที่ และเล่นได้ไม่ค่อยดีนัก เพราะไม่ใช่ตัวรับอาชีพ

เอล์มอาจจะถูกขยับไปยืนเป็นมิดฟิลด์ฝั่งซ้ายแทนโอล่า ทอยโวเน่น กองหน้าของพีเอสวี ซึ่งโดนถอยมาเป็นตัวทำเกมบุกในแดนกลาง และเป็นอีกคนที่โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังในนัดที่แล้ว

นอกจากนั้นยังน่าจะเป็นนักเตะชุดเดิมจากเกมแรก แต่ระบบการเล่นน่าจะปรับมาเป็น 4-4-2 หรือ 4-4-1-1 แทน โดยอิบราฮิโมวิชจะยืนเป็นหน้าต่ำคอยทำเกมรุกได้อิสระมากขึ้น

ส่วนเมลเบิร์กก็คงจะเป็นตัวหลักในแนวรับต่อไป โดยยืนเซ็นเตอร์คู่กับอันเดรียส กรานควิสท์ แต่ก็มีโยนาส โอลส์สัน ลูกศิษย์ของรอย ฮอดจ์สันที่เวสต์บรอมวิช รอโอกาสสอดแทรกอยู่อีกคน ขณะที่ฟูลแบ็กจะเป็นไมเคิล ลุสติกกับมาร์ติน โอลส์สันเช่นเดิม โดยมีอันเดรียส อิซัคส์สันลงเฝ้าเสา

สเวนส์สันจะจับคู่เล่นตรงกลางสนามร่วมกับคิม คัลล์สตรอม ส่วนเซบาสเตียน ลาร์สสันจะเป็นตัวทำเกมทางฝั่งขวา แต่ก็มีคริสเตียน วิลเฮล์มส์สัน มิดฟิลด์ตัวเก๋า รอเบียดแย่งตำแหน่งอยู่อีกคน

ผู้เล่นบาดเจ็บ: -
ผู้เล่นโดนแบน: -
ผู้เล่นติดใบเหลือง: คิม คัลล์สตรอม, รามุส เอล์ม

ความพร้อม-สภาพทีม

อังกฤษ

รอย ฮอดจ์สัน น่าจะยังใช้งาน 11 ผู้เล่นชุดเดิมจากนัดที่แล้ว แม้จะออกมาเปรยๆ ว่าจะรอเช็กความพร้อมของสองมิดฟิลด์ตัวหลักอย่างสตีเว่น เจอร์ราร์ด และสก็อตต์ ปาร์คเกอร์ ซึ่งเป็นหนึ่งในนักเตะที่อายุนำหน้าด้วยเลข 3 ของทีมก็ตาม

เกมนี้ถือว่าสำคัญสำหรับสิงโตคำรามที่ต้องชนะให้ได้ และเพิ่งเป็นเกมที่สองเท่านั้น ทำให้นักเตะคงยังไม่ถึงกับหมดเกินกว่าจะลงเล่นได้ ถ้าไม่มีปัญหาการบาดเจ็บรบกวนจริงๆ

ปาร์คเกอร์ลงแล่นไม่จบเกมที่แล้วเพราะตะคริวขึ้น หลังลงแข่งด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ถึงกับเต็มร้อยนัก เพราะเพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายที่รบกวนเขาในช่วงท้ายฤดูกาล แต่ก็น่าจะพร้อมลงเล่นนัดนี้ได้อีก

ขณะที่สองฟูลแบ็กตัวหลักอย่างเกล็น จอห์นสันและแอชลี่ย์ โคลก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่เช่นกัน โดยแบ็กขวาจากลิเวอร์พูลต้องพึ่งการฉีดยารักษาอาการติดเชื้อที่นิ้วเท้า ส่วนแบ็กซ้ายของเชลซีมีปัญหาที่ข้อเท้ามาพักหนึ่งแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังลงเล่นให้ทีมต่อไป

มาร์ติน เคลลี่ แบ็กขวาตัวสำรองของหงส์แดง ซึ่งถูกเรียกตัวมาเสริมทีมเป็นคนสุดท้าย เป็นคนเดียวที่ไม่น่าจะพร้อมมีส่วนร่วมในเกมนี้ หลังจากมีอาการป่วยมาหลายวันแล้ว และไม่ได้ลงฝึกซ้อมร่วมกับทีม

เกมนี้อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ปีกดาวรุ่งของอาร์เซนอล จะยังได้ลงเล่นเป็นปีกซ้ายต่อไป หลังมาแรงแซงทางโค้งพุ่งมาติดโผ 11 ตัวจริงแบบเซอร์ไพรส์

ส่วนแอชลี่ย์ ยัง ปีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จะเล่นเป็นหน้าต่ำอยู่หลังแดนนี่ เวลเบ็ค กองหน้าเพื่อนร่วมทีมปิศาจแดง ต่อไป โดยเวย์น รูนี่ย์ ดาวยิงตัวเก่งของทีม ยังต้องใช้โทษแบนเป็นนัดที่สอง ก่อนจะกลับมาลงเล่นได้ในนัดหน้า

อังกฤษจะเล่นในระบบ 4-4-1-1 เหมือนเดิม โดยมีโจ ฮาร์ทลงเฝ้าเสา ส่วนโจลีออน เลสค็อตต์ ซึ่งทำประตูชัยให้ทีมในนัดที่แล้ว จะยืนคู่กับจอห์น เทอร์รี่ในตำแหน่งปราการหลังตัวกลาง

ทางด้านเจอร์ราร์ดจะเป็นตัวคุมทัพแดนกลาง โดยมีเจมส์ มิลเนอร์ขึ้นเกมทางขวา

ผู้เล่นบาดเจ็บ: มาร์ติน เคลลี่
ผู้เล่นโดนแบน: เวย์น รูนี่ย์
ผู้เล่นติดใบเหลือง: อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน, แอชลี่ย์ ยัง

วิเคราะห์รูปเกม

สวีเดนต้องมีคะแนนในนัดนี้หากหวังมีลุ้นเข้ารอบ และหนึ่งคะแนนก็อาจจะไม่พอ ทำให้ขุนพลไวกิ้งต้องเปิดเกมบุกเต็มตัวในนัดนี้ หลังถูกวิจารณ์ว่าเล่นแบบกล้าๆ กลัวๆ จนพลาดท่าแพ้ยูเครนในนัดก่อน ส่วนอังกฤษก็ต้องการชัยชนะเช่นกัน เพื่อตัดโอกาสคู่แข่งและเพิ่มโอกาสของตัวเองไปพร้อมๆ กัน นัดแรกขุนพลสิงโตคำรามผ่านงานหนักสุดมาได้ ด้วยการยันเจ๊าฝรั่งเศสแบบเสียวๆ เกมนี้มาเจอกับสวีเดนที่ไม่แพ้ทางบอลสไตล์อังกฤษ ทำให้คงไม่ได้เจอกับงานง่ายๆ อย่างที่คิด นัดนี้ทั้งสองทีมคงจะบดบี้เข้าใส่กัน และอาจต้องวัดกันที่การจบสกอร์ว่าใครจะทำได้ดีกว่ากัน แต่จากฟอร์มในนัดแรกแล้วยังทำได้ไม่ดีทั้งคู่ ทำให้เกมนี้อาจลงเอยด้วยการแบ่งแต้มกันไป

รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:

สวีเดน (4-4-1-1): 1. อันเดรียส อิซัคส์สัน; 2. ไมเคิล ลุสติก 3. โอลอฟ เมลเบิร์ก 4. อันเดรียส กรานควิสท์ 5. มาร์ติน โอลส์สัน; 7. เซบาสเตียน ลาร์สสัน 8. อันเดอร์ส สเวนส์สัน 9. คิม คัลล์สตรอม 6. ราสมุส เอล์ม; 10. ซลาตัน อิบราฮิโมวิช; 11. โยฮัน เอลมานเดอร์
โค้ช: เอริค ฮัมเรน

อังกฤษ (4-4-1-1): 1. โจ ฮาร์ท; 2. เกล็น จอห์นสัน 6. จอห์น เทอร์รี่ 15. โจลีออน เลสค็อตต์ 3. แอชลี่ย์ โคล; 16. เจมส์ มิลเนอร์ 4. สตีเว่น เจอร์ราร์ด 17. สก็อตต์ ปาร์คเกอร์ 20. อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน; 11. แอชลี่ย์ ยัง; 22. แดนนี่ เวลเบ็ค
ผู้จัดการทีม: รอย ฮอดจ์สัน

ฮอตสกอร์: เสมอ 1-1

ล้อมกรอบ

*อังกฤษไม่เคยเอาชนะสวีเดนได้ในแมตช์แข่งขันจริง (เสมอ 5 แพ้ 2)
*อังกฤษเป็นทีมเดียวที่ศูนย์หน้าไม่มีโอกาสได้ยิงประตูเลยในแมตช์แรกของการแข่งขัน
*โอกาส 4 จาก 5 ครั้งที่อังกฤษได้ลุ้นทำประตูในเกมกับฝรั่งเศสมาจากกองหลัง (โจลีออน เลสค็อตต์ 2, เกล็น จอห์นสัน 1, จอห์น เทอร์รี่ 1) ส่วนอีกครั้งมาจากมิดฟิลด์ (เจมส์ มิลเนอร์)
*อังกฤษยิงเข้ากรอบน้อยกว่าทุกทีมในแมตช์แรกของการแข่งขัน (1)
*โจ ฮาร์ทเซฟมากกว่าผู้รักษาประตูทุกคนในแมตช์แรกของการแข่งขัน (6)
*นักเตะอังกฤษ ไม่รวมผู้รักษาประตู บล็อกลูกยิงของฝรั่งเศสถึง 12 ครั้งในนัดแรก ซึ่งเป็นสถิติที่มากที่สุดนับตั้งแต่ยูโร 80
*ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ทำประตูได้ตลอด 4 นัดหลังสุดที่ลงเล่นให้สวีเดน
*ลูกยิงยูเครนทำให้อิบราฮิโมวิชกลายเป็นนักเตะที่ทำประตูให้สวีเดนในยูโรรอบสุดท้ายได้สูงสุด (5)
*17 จาก 20 ประตูที่สวีเดนทำได้ในยูโรรอบสุดท้าย เกิดขึ้นในครึ่งหลังของเกม
*สวีเดนชนะแค่ 2 จาก 12 นัดหลังสุดที่ลงเตะยูโรรอบสุดท้าย และแพ้รวดใน 3 นัดหลัง
*อังกฤษไม่ชนะในการลงเตะนัดแรกของยูโรเลยตลอด 3 ครั้งหลัง คือในยูโร 96, ยูโร 2000 และยูโร 2004 แต่ก็เอาชนะได้ในเกมที่สอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook