เมื่อแข้งผู้ดีไม่เป็นที่ต้องการ
ฟุตบอล : ซัมเมอร์นี้มีทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับชาติลงเตะติดๆ กัน 3 รายการซ้อน เริ่มจากศึกยูโรชุด ยู-21 ที่จบลงไปแล้ว ตามมาด้วยคอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ ที่กำลังเข้าไคลแม็กซ์อยู่ ส่วนศึกเยาวชนชิงแชมป์โลกชุดยู-20 ก็กำลังดวลแข้งตามมาแบบไม่ให้ขาดช่วง
และเป็นธรรมดาที่เวทีระดับโลกแบบนี้จะเป็นเหมือนตลาดนักเตะขนาดใหญ่กลายๆ ให้ทีมน้อยใหญ่ทั้งหลายได้ส่งแมวมองมาจ้องหาสตาร์หน้าเก่าหน้าใหม่ ที่จะเปล่งประกายหรือแจ้งเกิดกันในรายการเหล่านี้กันตาเป็นมัน
บรรดาทีมใน พรีเมียร์ลีก เองก็ย่อมหวังช่วงชิงแข้งดังๆ มาเสริมทัพกับเขาด้วย และนั่นหมายถึงการไหลเข้าอีกระลอกใหญ่ของแข้งต่างชาติ ซึ่งเข้ามาขโมยซีนแข้งท้องถิ่นเองมานานหลายเพลาแล้ว และยังไม่มีวี่แววว่านักเตะอังกฤษจะกลับมามีบทบาทสำคัญได้อีกเลยในระยะเวลาอันใกล้นี้
เพราะต่อให้เป็นซัมเมอร์ที่ไม่มีรายการใหญ่ๆ แข่งขัน พรีเมียร์ลีก ก็ถือเป็นตลาดใหญ่ของบรรดานักเตะต่างชาติอยู่แล้ว เมื่อทั้งทีมเล็กทีมใหญ่ต่างก็มุ่งเป้าไปที่การลงทุนกับแข้งนอกกันหมด ด้วยสองเหตุผลหลักๆ อย่างที่รู้ๆ กัน
หนึ่งก็คือการขาดแคลนนักเตะอังกฤษฝีเท้าดีๆ ซึ่งเป็นปัญหาที่คงแก้ยาก และยิ่งนักเตะต่างชาติไหลเข้ามามากเท่าไหร่ โอกาสที่นักเตะในประเทศจะได้ลงเล่นเพื่อพัฒนาฝีเท้าก็น้อยลงไปด้วย จนกลายเป็นปัญหาแบบงูกินหางที่ไม่รู้ว่าตรงไหนคือจุดเริ่มต้นกันแน่
ส่วนอีกข้อที่มีส่วนไม่น้อยก็คือราคาที่แพงเกินความเป็นจริงของนักเตะผู้ดีเอง เมื่อเทียบกับค่าตัวของนักเตะนอกที่ฝีเท้าอยู่ในระดับเดียวกันหรือแม้แต่ฝีเท้าดีกว่า
แค่สองข้อที่ว่ามานี้ก็เกินพอที่จะทำให้จนถึงตอนนี้มีนักเตะอังกฤษแค่ 3 คนเท่านั้น ที่มีการโยกย้ายในพรีเมียร์ลีก เมื่อเทียบกับนักเตะต่างชาติถึง 26 คน ในบรรดาการซื้อขาย 29 ดีลที่เสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการไปแล้ว
ยังไม่นับรวมข้อตกลงที่เรียบร้อยไปแล้วอย่างไม่เป็นทางการ เหลือแค่การจรดปากกาเซ็นสัญญาเท่านั้นอีกไม่น้อย ซึ่งเกือบทั้งหมดก็ไม่พ้นเป็นการโยกย้ายของบรรดาสตาร์ต่างชาตินั่นเอง
เท่ากับว่าถ้าคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้ว ทีมในพรีเมียร์ลีกซื้อขายนักเตะอังกฤษกันแค่ประมาณ 10% เท่านั้น ส่วนอีกเกือบ 90% เทไปอยู่ที่แข้งต่างชาติกันหมด โดยมีนักเตะสเปนที่ขายดิบขายดีที่สุด โดยกวาดโควตาไปแล้ว 6 คน
ไม่น่าแปลกใจที่แข้ง กระทิงดุ จะเป็นเป้าหมายสำคัญของทีมใน พรีเมียร์ลีก หรือแม้แต่ทีมในลีกดังอื่นๆ เพราะยุคนี้คือยุคของสเปนอย่างแท้จริง เมื่อกวาดมาทั้งแชมป์ยุโรปและแชมป์โลกสองรายการติด และกำลังหวังคั่วแชมป์คอนเฟดฯ คัพอีกหนึ่ง ส่วนทีมชุด ยู-21 ของกระทิงดุก็คว้าแชมป์ยูโรชุดเล็กมาแล้ว 2 สมัยติด
นอกจากนักเตะสเปนแล้ว ยังมีนักเตะจากอีก 16 ชาติ จะย้ายสำมะโนแข้งมาเล่นในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า ขณะที่ 3 นักเตะ ที่ทำการโยกย้ายภายในประเทศนั้น มีเพียง แอนดี้ คาร์โรลล์ ซึ่งย้ายจาก ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 7 ไปอยู่ เวสต์แฮม ทีมอันดับ 10 ด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ ที่เป็นนักเตะที่ถือว่ามีโปรไฟล์ในระดับที่เป็นที่รู้จักกันดี
ส่วนอีกสองแข้งผู้ดีที่ถูกซื้อขายกันนั้นเป็นเพียงดาวรุ่งโนเนมเท่านั้น โดยซันเดอร์แลนด์คว้าตัวดันแคน วัตมอร์ มาจากทีมนอกลีกอย่าง อัลทรินแชม ส่วนเวสต์แฮมดึงแดนนี่ ไวท์เฮดมาจากสต็อคพอร์ท
นอกจากนั้นก็มีนักเตะสกอตแลนด์อีกหนึ่งคนที่ถูกนับรวมอยู่ในโควตาแข้งต่างชาติด้วย โดย จอร์จ บอยด์ ย้ายจากปีเตอร์โบโร่ไปฮัลล์อย่างเป็นทางการ หลังถูกยืมตัวไปเล่นกับทีมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว
เฆซุส นาบาส ปีกทีมชาติสเปน เป็นหนึ่งในแข้งใหม่ที่จะย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ในฤดูกาลหน้า ส่วน หลุยส์ อัลเบร์โต้ กองหน้าดาวรุ่งจาก เซบีญ่า ก็ย้ายเข้ามาเพิ่มโควตานักเตะสเปนและนักเตะต่างชาติขึ้นจากยอดเดิมเป็นรายล่าสุด
ยังมี อิสโก้ มิดฟิลด์ดาวรุ่งเนื้อหอมจากมาลาก้า ก็จ่อจะถูกดึงตัวมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีกอีกคน ซึ่งถ้าการโยกย้ายครั้งนี้เกิดขึ้นจริง ก็จะทำให้วงเงินที่ทีมในพรีเมียร์ลีกควักกระเป๋าจ่ายซื้อนักเตะจากสเปนทะลุหลัก 60 ล้านปอนด์
แต่ปัญหาคงไม่ได้อยู่ที่เรื่องของเงิน ซึ่งทีมเศรษฐีทั้งหลายมีให้ถลุงมากพอ สิ่งที่น่าเป็นห่วงและจะเป็นผลพวงตามมาก็คือการพัฒนาฝีเท้าของนักเตะอังกฤษอย่างที่ว่า หลังจากล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในยูโร ยู-21 มาแล้ว แถมทีมชาติชุดใหญ่เองก็ยังลูกผีลูกคนอยู่กับการลุ้นเข้ารอบอลโลก 2014 หลังจากล้มเหลวมาเป็นกิจวัตรในยูโรและบอลโลกครั้งที่ผ่านๆ มา
ในบรรดานักเตะที่ค้าแข้งอยู่ในพรีเมียร์ลีกนั้น มีแค่ 30% เท่านั้นที่มีสิทธิเล่นให้ทีมชาติอังกฤษได้ เมื่อเทียบกับเยอรมันที่นักเตะครึ่งหนึ่งในบุนเดสลีกาคือแข้งโฮมโกรว์น
แม้จะมีกฎเรื่องนักเตะโฮมโกรว์นออกมาไม่นานนี้ เพื่อหวังช่วยพัฒนานักเตะของแต่ละชาติ แต่สำหรับอังกฤษแล้วดูจะยังไม่ค่อยเห็นผลในทางปฏิบัติ
แม้แต่พอล แลมเบิร์ต กุนซือหนุ่มของแอสตัน วิลล่า ซึ่งมารับตำแหน่งเมื่อฤดูกาลก่อนอย่างไฟแรง ด้วยการประกาศใช้นโยบายซื้อนักเตะในเกาะอังกฤษมาปั้นเองเป็นหลัก และก็ทำได้ค่อนข้างดีเมื่อปีที่แล้ว
แต่มาปีนี้เขาก็ยังต้องกระโดดเข้าร่วมวงซื้อตัวนักเตะต่างชาติอย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้นกว่าเดิม หลังเกือบตายในการหนีตกชั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยตอนนี้เขาเซ็นสัญญากับนักเตะใหม่ไปแล้ว 5 คน เป็นนักเตะสเปนหนึ่ง, ฮอลแลนด์หนึ่ง, บัลแกเรียหนึ่ง และเดนมาร์กสอง ซึ่งแปลว่าไม่มีนักเตะในอังกฤษเลยนั่นเอง
เกล็นน์ ฮ็อดเดิ้ล อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ เคยพูดถึงปัญหานี้เอาไว้เมื่อปี 2008 ว่า
“เราจำเป็นต้องหาทางแก้ปัญหาเรื่องนักเตะต่างชาติทะลักเข้ามาเล่นในพรีเมียร์ลีกให้ได้ ไม่อย่างนั้นอังกฤษจะสู้กับชาติอื่นๆ ในโลกฟุตบอลไม่ได้อีกต่อไป”
แต่ 5 ปีผ่านไป สิ่งที่ฮอดเดิ้ลเคยกลัวยิ่งดูใกล้ความเป็นจริงเข้าไปอีก แทนที่จะดีขึ้น และยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดยั้งได้เมื่อไหร่ ตราบใดที่นักเตะอังกฤษยังไม่เป็นที่ต้องการของทีมในอังกฤษเอง
เรื่องโดย : BabyBear + +