เปิดสนามพรีเมียร์ลีก ดราม่ามาเต็ม!
ฟุตบอล : และแล้วก็มาถึงวันที่แฟนบอลชาวไทยรอคอยลอยคอกันมานาน สำหรับฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2013-14 ซึ่งดราม่านั้นเกิดขึ้นเร็วมากจริงๆ เพราะมาตั้งแต่เกมนัดเปิดสนาม
สิ่งที่ผมต้องเอามาพูดเพราะว่ามันไม่ใช่บอลอังกฤษ ที่ทุกๆ คนให้ความสนใจหรอกครับ แต่มันเป็นดราม่า! คนไทยชอบดราม่าอยู่แล้ว
โดยในคู่หลัก 3 คู่ของคืนวันนี้ (เสาร์ที่ 17 ส.ค.) ซึ่ง 3 ทีมใหญ่ที่ผมพูดคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และลิเวอร์พูล
เริ่มตั้งแต่ช่วงเย็นของวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม โดยดราม่าแรกเกิดขึ้นในเกม ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพบ สโต๊ค ซิตี้ เป็นลำดับแรก รูปเกมออกมาเป็นอย่างที่เราคิดกันไว้อย่างชัดเจนคือทัพ "หงส์แดง" บุกกระหน่ำ และมีลูกชนเสาชนคานเยอะแยะมากมาย
ซึ่งดราม่ามาอยู่ในช่วงนาทีสุดท้ายครับ เจ้าบ้านเสียลูกโทษที่จุดโทษจากจังหวะแฮนด์บอลของ แดเนี่ยล แอ็กเกอร์ ทำให้ผมคิดในใจว่า "เอาอีกแล้ววว... หงส์เอ๊ย"
ซึ่งเจ้ากองหน้ารายนี้ หลายคนคงจำได้ดีเพราะฤดูกาลก่อนพี่แกยิงจุดโทษไม่เข้าหลายลูกมาก เป็นอันว่า ลิเวอร์พูล เอาชนะไปได้ 1-0 เก็บสามแต้มสำคัญไปได้อย่างสุดมัน
มาถึงดราม่าที่ 2 ช่วงสามทุ่มตามเวลาบ้านเรา อาร์เซน่อล เปิดรังพบ แอสตัน วิลล่า ซึ่งเจ้าบ้านนั้นทำผลงานในเกมอุ่นเครื่องได้ค่อนข้างดีจนน่าจับตา
แม้ไม่ได้ซื้อใครเพิ่มเลยนอกจาก ยาย่า ซาโนโก้ แบบฟรีๆ และเปิดเกมอย่างหวือหวาด้วยการทำประตูออกนำ 1-0 ตั้งแต่ 6 นาทีแรก
ซึ่งคู่นี้ผมมองว่า "กินนิ่ม!" แต่หนังกลับทันทีครับ กลายเป็น วิลล่า ที่ยิง 3 ลูกรวด โดยลูกแรกมาจากจุดโทษที่ไม่น่าได้ เนื่องจาก แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ผู้ตัดสินในเกมได้ปล่อยให้เป็นลูกได้เปรียบไปแล้ว แต่ดั๊นนนน กลับมาเป่าให้จุดโทษซะอย่างงั้น
ซึ่งทั้ง 2 ลูกเป็น คริสเตียน เบนเตเก้ ที่ซัดเข้าไป แถมจังหวะนั้น กอสซิเอลนี่ โดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงอีกต่างหาก ทำให้ทัพ "เดอะ กันเนอร์ส" เหลือ 10 คนในช่วง 20 นาทีท้าย
ซึ่งทำให้เจ้าบ้านต้องบุกอย่างหนักและเสียประตูที่ 3 จากลูกสวนกลับอีก ทำให้แฟนบอล "ปืนโต" ต้องเจ็บใจอย่างหนัก และลงไปอยู่รองบ๊วยของตารางทันที
ดราม่าสุดท้ายแอบสะใจเล็กๆ เนื่องจากเป็นเกมที่ สวอนซี ซิตี้ เปิดบ้านพบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมที่เปลี่ยนกุนซือเป็น เดวิด มอยส์ ซึ่งผู้คนมองกันว่า "ไม่น่ารอด"
แต่ ไม่ใช่แบบนั้นเลยครับ แมนฯ ยูไนเต็ด กระหน่ำใส่แชมป์ ลีกคัพ ถึง 4-1 โดยได้ประตูจาก โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ และแดนนี่ เวลเบ็ค คนละ 2 ลูก ขอย้ำว่ารายหลังคือ เวลเบ็ค แถมลูกสุดท้ายเป็นการชิพที่สวยงามมาก!
คราวนี้ต้องคอยลุ้นกับการเจอเกมนรกแล้วครับ เพราะนัดต่อๆ ไปของพวกเขาเจอทั้ง เชลซี, ลิเวอร์พูล และแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งต้องบอกว่าเป็นบททดสอบที่โคตรจะหนักของกุนซือวัย 50 ปีเลยทีเดียว
สนุกอย่างที่รอคอยไหมครับ สำหรับนัดแรกของ พรีเมียร์ลีก ประจำปีนี้ นี่ยังไม่รวมถึง ลา ลีกา สเปน ที่เปิดในวันเดียวกัน บุนเดสลีกา กับ ลีก เอิง ที่ฟาดแข้งไปแล้ว 2 สัปดาห์ และยังจะมี กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลีก ที่จ่อลงหวดช่วงปลายเดือนอีก เรียกได้ว่าดูบอลกันให้ตาแฉะกันไปเลยยยย!!