′บิ๊กกร๊อง′ แจงสมาชิกทำเพื่อชาติ เตรียมเดินหน้าหาเสียง - มั่นใจมีลุ้นนั่งนายกสมาคมลูกหนัง+คลิป

′บิ๊กกร๊อง′ แจงสมาชิกทำเพื่อชาติ เตรียมเดินหน้าหาเสียง - มั่นใจมีลุ้นนั่งนายกสมาคมลูกหนัง+คลิป

′บิ๊กกร๊อง′ แจงสมาชิกทำเพื่อชาติ เตรียมเดินหน้าหาเสียง - มั่นใจมีลุ้นนั่งนายกสมาคมลูกหนัง+คลิป
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : ความเคลื่อนไหวการเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ภายหลังจากที่ได้มีการยอมรับในธรรมนูญใหม่ของฟีฟ่า และสรุปจำนวนเสียงในการเลือกตั้งเป็น 72 เสียง แต่ปรับกฎเกณฑ์เสียงจากลีกภูมิภาคจำนวน 30 เสียง จากเดิมที่จะใช้การคัดเลือกมาเป็นให้สิทธิ์กับทีมอันดับ 1-5 แทน

ล่าสุดวันนี้ (24 ส.ค.) ที่สโมสรกองทัพบก วิภาวดี ได้มีการประชุม 108 สโมสรสมาชิก โดยมี "บิ๊กกร๊อง" นายวิรัช ชาญพานิชย์ ผู้สมัครชิงตำแหน่ง นายกสมาคมฟุตบอล พร้อมด้วย "บิ๊กป๋อม" อดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ เป็นประธานการประชุม โดยมีสโมสรสมาชิกเข้าร่วมทั้งหมด 113 สโมสร

บิ๊กกร๊อง เปิดใจถึงสาเหตุที่วันนี้ไม่มีการเลือกตั้งตามที่กำหนดไว้ว่า การประชุมในวันนี้เป็นการทำความเข้าใจ และชี้แจงให้สโมสรสมาชิกรับทราบว่าทำไมถึงยอมรับในธรรมนูญใหม่ รวมถึงมีการปรับจำนวนเสียงในการเลือกตั้ง ซึ่งตนขอยืนยันว่าเราไม่ได้แพ้ แต่ที่ยอมรับเป็นเพราะต้องการทำเพื่อชาติ เนื่องจากฟีฟ่ายืนยันหากมีการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันนี้จะแบนประเทศไทยทันที รวมถึงแบนสโมสรสมาชิกที่มาเลือกตั้งในวันนี้

“ณ เวลานี้หากเราไม่ปฏิบัติตาม ฟีฟ่า ผมเชื่อว่าเรื่องราวจะไม่จบ เพราะจริงๆ แล้วถ้าเราจะจัดการเลือกตั้งกันเองก็จะถูกผู้บริหารสมาคมฯ ชุดปัจจุบันฟ้องร้องเพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งจะทำให้ทุกอย่างต้องชะงัก ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือยอมรับธรรมนูญใหม่เพื่อให้มีการเลือกตั้งและไม่ให้ประเทศเกิดความเสียหาย”

สำหรับจุดยืนนั้นเรายังคงเหมือนเดิมคือต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงการฟุตบอลไทย โดยเฉพาะตัวนายกสมาคมฯ ดังนั้นหลังจากนี้จะเป็นช่วงของการหาเสียง โดยตนจะเข้าไปพูดคุยกับสโมสรต่างๆ ที่รู้จักและอยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง  ซึ่งหากสโมสรไหนต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงก็ขอให้เลือกตน

“เรายังมีจุดยืนเหมือนเดิมคือเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมฯ ซึ่งตอนนี้ผมยืนยันว่าจำนวน 72 เสียงที่มีสิทธิ์เลือกตั้งเป็นพวกของเรามากกว่า แต่ก็อยากขอความร่วมมือสโมสรสมาชิกช่วยเจรจากับสโมสรต่างๆ ที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ให้ใช้เหตุผลและยึดนโยบายของผู้สมัครเป็นตัวชี้วัดเพื่อเลือกคนที่มีความสามารถในการบริหารงานสมาคมฯ เข้าไปทำหน้าที่”

“ธรรมนูญนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต โดยเสียงจาก ด.2 ยึดเอาแรงกิ้ง 1-5 เฉพาะครั้งนี้เท่านั้น แต่อนาคตก็ต้องมาจากการเลือกตั้งมาก่อน และผมสัญญาว่าหากได้รับเลือกเป็นนายกสมาคมฯ จะปรับการแข่งขันฟุตบอลถ้วยพระราชทาน โดยให้ทุกทีมได้แข่งขันระบบลีกเพื่อให้มีความเป็นอาชีพมากขึ้น และเมื่อนั้นก็จะทำให้ทุกทีมมีสิทธิ์มีเสียง แต่คงต้องใช้เวลา”

ผู้สื่อข่าวถามว่ายังมั่นใจหรือไม่ว่าหากใช้ธรรมนูญ และข้อบังคับใหม่จะชนะการเลือกตั้ง นายวิรัช กล่าวว่า ตนยังมั่นใจว่าเสียงที่มีอยู่ในมือ รวมกับเสียงอื่นๆที่เป็นตัวแปรน่าจะทำให้ชนะการเลือกตั้ง

ส่วนการสรรหาประธานการเลือกตั้ง และกรรมการการเลือกตั้งอีก 2 คนนั้น ตอนนี้ตนได้ส่งหนังสือเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ และคิดว่าเหมาะสมจากหลายๆ สังคมให้มาทำหน้ที่ตรงนี้แล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อว่าจะเป็นใคร

“ผมยืนยันว่าประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งจะไม่ใช่คนที่เข้าข้างเรา แต่จะเป็นคนที่มีความเป็นกลางมากที่สุดและมีต้นทุนทางสังคมสูงที่ทุกคนให้การยอมรับ ผมไม่ต้องการให้ใครมาเข้าข้างแต่อยากให้ช่วยจัดการเลือกตั้งให้มีความโปร่งใสและยุติธรรมที่สุด”

“หลังจากนี้ 45 วัน จะต้องได้ตัวนายกสมาคมฟุตบอลฯ ซึ่งคงไม่เกินไปจากต้นเดือน ตุลาคม แน่นอน ดังนั้น วรวีร์ ไม่สามารถบิดพลิ้วหรือยื้อเวลาออกไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว”

ด้าน “บิ๊กป๋อม” อดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ กล่าวว่าตนได้ปรึกษากับพรรคพวกในระดับนานาชาติและได้รับคำตอบว่าเรากำลังทำในสิ่งที่เสี่ยงต่อการถูก ฟีฟ่า แบน หากจัดการเลือกตั้งเอง ซึ่งไม่ใช่แบนสมาคมฯ แต่จะเป็นการแบนสโมสรสมาชิกที่ไม่ยอมรับธรรมนูญใหม่

“ฟีฟ่า จะส่งหนังสือเพื่อออกคำสั่งให้สมาคมฯ ขับไล่ 108 สโมสร ที่จัดการเลือกตั้งเอง ออกจากการเป็นสมาชิกภาพของสมาคมฯ และเมื่อนั้นทุกอย่างจะเข้าทางผู้บริหารสมาคมฯ ชุดปัจจุบันทุกอย่าง”

“การพูดคุยกับ ฟีฟ่า ที่ผ่านมา ผมได้รับฟังสิ่งที่ ฟีฟ่า ต้องการจะบอก คือ ฟีฟ่า รู้สึกเสียใจที่ไม่เคยได้คุยกับพวกเราก่อน จริงๆ แล้วเขาจะแบนเราตั้งแต่ปี 2554 เพราะไม่ยอมแก้ไขธรรมนูญใหม่ซักที แต่ติดตรงที่เราจะเป็นเจ้าภาพฟุตซอลโลกเมื่อปี 2555 ทำให้ ฟีฟ่า ไม่อยากลงโทษ อีกทั้งเขาตั้งข้อสังเกตด้วยว่าเหตุใดถึงมาแก้ไขในช่วงที่จะมีการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะ ฟีฟ่า ให้แก้ไขตั้งแต่ปี 2554 อย่างไรก็ตาม ฟีฟ่า จำเป็นต้องให้ประเทศไทยใช้ธรรมนูญใหม่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะถือว่าเรามีการแก้ไขที่ช้ามามากแล้ว จึงเป็นที่มาของการจำเป็นที่ต้องรับธรรมนูญใหม่”

นอกจากนั้น “บิ๊กป๋อม” ยังบอกอีกว่า “จุดยืนของเรายังคงเหมือนเดิมคือการเปลี่ยนแปลงนายกสมาคมฯ ซึ่งจริงๆ แล้วธรรมนูญเก่าหรือใหม่ไม่ใช่ประเด็นหลัก เพราะหากสุดท้ายแล้วผู้ชนะการเลือกตั้งคือ วรวีร์ มะกูดี นั่นหมายความว่าวงการฟุตบอลไทยไม่ได้เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด”

“สิ่งที่คุณวรวีร์พูดชักชวนคุณวิรัชให้มาบริหารงานร่วมกัน ผมคิดว่าเป็นการหยอดคำหวานมากกว่าและเป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้ เนื่องจากไม่มีการพูดคุยนอกรอบหรืออย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงอย่าเชื่อว่าการบริหารงานของคุณวรวีร์จะมีทิศทางที่ดีขึ้น นอกเสียจากนายกสมาคมฯ ไม่ใช่คุณวรวีร์”

คลิป :ประชุมสโมสรสมาชิกฟุตบอลฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook