ตลาดแข้งยุโรปเฉียดแสนล้าน แกเร็ธ เบล ทุบสถิติโลก

ตลาดแข้งยุโรปเฉียดแสนล้าน แกเร็ธ เบล ทุบสถิติโลก

ตลาดแข้งยุโรปเฉียดแสนล้าน แกเร็ธ เบล ทุบสถิติโลก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : เก็บแผงกวาดหน้าร้านแบบกระหึ่มโลกกันไปแล้วเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา (2 กันยายน) สำหรับตลาดซื้อขายนักเตะประจำฤดูกาล 2013/14 รอบแรก

ในตลาดรอบนี้บรรดาสโมสรยักษ์ใหญ่จากยุโรปหลายต่อหลายทีม ยังคงแสดงให้เห็นถึงความอู้ฟู่สวนทางกับสภาพคล่องทางเศรษฐกิจอย่างสนุกสนาน สามารถนับรวมจำนวนเงินจากการซื้อขายนักเตะหลังตลาดวายของทั้ง 5 ลีกดังได้มากถึง 2,179 ล้านยูโร (92,272 ล้านบาท)

แน่นอนว่าลีกที่ครองแชมป์จ่ายหนักสุด ย่อมหนีไม่พ้น "พรีเมียร์ลีกอังกฤษ" ซึ่งทุ่มทุนเสริมทัพถึง744 ล้านยูโร (31,507 ล้านบาท) มากกว่าอันดับสองร่วมอย่าง "ลาลีกา สเปน" และ "กัลโช่ เซเรียอา อิตาลี" ที่จ่ายไป 395 ล้านยูโร (16,754 ล้านบาท) ราว 2 เท่า

ถัดลงมาคือ "ลีกเอิง ฝรั่งเศส" หมดเงินไป 372 ล้านยูโร (15,753 ล้านบาท) ส่วน "บุนเดสลีกา เยอรมัน" จ่ายน้อยที่สุดในกลุ่ม 5 ลีก กับเม็ดเงิน 271 ล้านยูโร (11,504 ล้านบาท)

โดยสโมสรที่อาจจะพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า "ประสบความสำเร็จ" มากที่สุดในตลาดครั้งนี้ น่าจะหนีไม่พ้น "ท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ส"

เพราะนอกจากจะได้เงินจากการตัดสินใจขาย "แกเร็ธ เบล" ปีกซ้ายฟอร์มร้อนแรงทีมชาติเวลส์ ออกไปให้กับ "เรอัล มาดริด" ในราคาที่คาดกันว่าอยู่ในระดับแชมป์โลกครั้งใหม่ (ไม่เปิดเผยค่าตัว) คือ 100 ล้านยูโร (4,234 ล้านบาท) สเปอร์สยังจัดการรวบแข้งใหม่ฝีเท้าไม่ธรรมดาเข้าเสริมทีมอีกเพียบ

ไม่ว่าจะเป็น เอริค ลาเมลา (30 ล้านยูโร/1,270 ล้านบาท), โรแบร์โต โซลดาโด (30 ล้านยูโร/1,270 ล้านบาท), เปาลินโญ่ (20 ล้านยูโร/850 ล้านบาท), คริสเตียน เอริคเซน (13 ล้านยูโร/575 ล้านบาท), เอเตียง กาปู (10 ล้านยูโร/450 ล้านบาท), วลาด ชิริเชส (10 ล้านยูโร/450 ล้านบาท) และ นาเซอร์ ชาดลี (8 ล้านยูโร/350 ล้านบาท)

รองลงมาแบบไม่เรียงอันดับ เห็นจะเป็น เรอัล มาดริด ที่ได้ปิดดีลมหากาพย์นักเตะค่าตัวแพงที่สุดไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา แถมก่อนหน้านั้นยังเสริมนักเตะชั้นดีอย่าง อิสโก้ (27 ล้านยูโร/1,151 ล้านบาท) และอาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ (36 ล้านยูโร/1,500 ล้านบาท)

ขณะที่นักเตะชั้นดีอย่าง กอนซาโล่ อิกัวอิน, ราอูล อัลบิโอล, กาก้า, เมซุต โอซิล และ โฆเซ่ กาเยฆอน ก็จำต้องระเห็จออกจากทีมชุดขาวไปโดยปริยาย

ทีมต่อมาที่ใช้จ่ายอย่างสนุก คือ "ลิเวอร์พูล" เพราะตลาดรอบนี้มีนักเตะตบเท้าเข้ามาชูเสื้อหงส์แดงมากมาย ตั้งแต่ของฟรีสุดคุ้มค่าอย่าง โคโล ตูเร, ซิมง มิโญเลต์ ที่ไปคว้ามาจาก "ซันเดอร์แลนด์"

ด้วยค่าตัว 10 ล้านยูโร (450 ล้านบาท), "ยาโก้ อัสปาส" กับ "หลุยส์ อัลแบร์โต้" ในค่าตัว 7 ล้านยูโร (300 ล้านบาท) รวมทั้งกลุ่มไม่เปิดเผยค่าตัวและขอยืม อาทิ ติอาโก้ อิลอรี่, มามาดู ซาโก้, อาลี ซิสโซโก้ และ วิคเตอร์ โมเสส

ส่วนในรายที่ต้องเก็บกระเป๋าทิ้งถิ่นแอนฟิลด์จากการเข้ามาของแข้งใหม่ มีตั้งแต่ปล่อยยืมเช่าเหมาปีอย่าง ฟาบิโอ บอรินี (ซันเดอร์แลนด์), โฆเซ่ เรน่า (นาโปลี) และขาดสิทธิ์ขายแบบ สจวร์ต ดาวนิ่ง ไปเวสต์แฮม ยูไนเต็ด (5 ล้านยูโร/239 ล้านบาท), จอนโจ้ เชลวีย์ ข้ามไปอยู่กับ สวอนซี ซิตี้ (5 ล้านยูโร/250 ล้านบาท) เป็นต้น

ข้ามฟากมาดู "นาโปลี" รองแชมป์ลีกสูงสุดอิตาลี ฤดูกาลก่อนกันบ้าง แม้ว่าปีนี้จะมีข่าวร้ายจากการสูญเสีย "เอดินสัน คาวานี" เครื่องจักรถล่มประตูชั้นดี ไปให้กับ "ปารีส แซงต์ แชร์กแมง" ที่ยากจะปฏิเสธด้วยราคา 65 ล้านยูโร (2,754 ล้านบาท) แต่สุดท้ายก็ได้ของดีไม่ด้อยไปกว่ากันมาทดแทนได้

ทันควัน ไม่ว่าจะเป็น กอนซาโล่ อิกัวอิน และ โฆเซ่ กาเยฆอน ในแนวรุก แถมแนวรับยังได้ ราอูล อัลบิโอล กับ โฆเซ่ เรนา เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง จึงดูดีกว่าเดิมไม่น้อย

ขณะที่ 2 เศรษฐีใหม่เมืองน้ำหอม ทั้ง ปารีส แซงต์ แชร์กแมง และ โมนาโก หลังจากป่วนตลาดด้วยเงินก้อนโตในช่วงแรก หลังจากเปิดฤดูกาลก็ดูจะสงบเงียบลง ซึ่งคงเป็นผลมาจากความพอใจที่ได้ตัวเทพอย่าง มาร์ควินญอส (ปารีสฯ), คาวานี (ปารีสฯ), ฟัลเกา (โมนาโก), เอริก อบิดัล (โมนาโก), เฌเรมี ตูลาล็อง (โมนาโก) ฯลฯ แล้ว

ทีมอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ "เอฟเวอร์ตัน" ที่เสียเสาหลักหัวฟู เฟลไลนี ไป ก็ช็อปแบบลืมวันลืมคืน จนได้มาทั้งอันโดนิน อัลคาราซ (ซื้อขาด), แกเร็ธ แบร์รี (ยืมตัว), เคราร์ด เดวโลเฟว (ยืมตัว), โรเมลู ลูกากู (ยืมตัว) และ เจมส์ แม็คคาร์ธีย์ (ซื้อขาด)

ด้าน "สิงโตน้ำเงินคราม-เชลซี" ยังคงความเป็นขาโหดในตลาดไม่เปลี่ยน การได้มาทั้ง คริสเตียน ทวาซาม อัตซู

(ไม่เปิดเผยค่าตัว), ซามูเอล เอโต้ (ไม่เปิดเผยค่าตัว), วิลเลี่ยน (37 ล้านยูโร/1,587 ล้านบาท), มาร์โก้ ฟาน กิงเคล (9 ล้านยูโร/400 ล้านบาท) และ มาร์ค ชวาร์เซอร์ (ไม่มีค่าตัว) น่าจะช่วยให้การลุ้นแชมป์ปีนี้สนุกขึ้นกว่าเดิมอีกแน่

อย่างไรก็ตามยังมีทีมใหญ่ที่ถูกจัดอยู่กลุ่ม "ล้มเหลว" เงิบแล้วเงิบอีก 2 ทีมโดยประมาณ ได้แก่ "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" ที่ไม่ว่าเล็งใครก็มักจะถูกปาดหน้ามาตลอด

ก่อนที่จะมาสำเร็จเอาก่อนเส้นตาย ด้วยการยื่นเงิน 32 ล้านยูโร (ประมาณ 1,377 ล้านบาท) ดึง "มารูยาน เฟลไลนี่" จากเอฟเวอร์ตัน เพียงแค่คนเดียว (ไม่นับดาวรุ่งเพื่ออนาคต)

อีกทีมคือ "ปืนใหญ่-อาร์เซนอล" ที่ถูกกดดันจากแฟนบอลถึงขนาดทำป้ายมาชูในสนามเหย้าว่า "spend" จนในที่สุดก็ได้ "เมซุต โอซิล" มาครองถาวรในราคา 50 ล้านยูโร (2,128 ล้านบาท) และ "เอมิเลียโน วิเวียโน" ที่ย้ายมาแบบชั่วคราวด้วยสัญญายืมตัว

กลุ่มนักเตะฝีเท้าดีย้ายฟรีในรอบนี้ก็นับว่ามีไม่น้อยเลย ยกตัวอย่าง เช่น ไมค่อน (โรมา), ฟลอรองต์ มาลูด้า (แทรปซอนสปอร์), เซบาสเตียน สกิลลาชี (บาสเตีย), ตาเย ตาอิโว (บูร์ซาสปอร์), มัสซิโม อัมโบรซินี (ฟิออเรนตินา) และ มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก (ฟูแล่ม)

เพียงแต่ยอดแข้งราคาแพงคนอื่นจะเล่นได้คุ้มค่าตัวสูงลิบลิ่วหรือไม่นั้น คงต้องรอให้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ซึ่งน่าจะไม่นาน แค่จบฤดูกาลแข่งขัน 2013/14 เท่านั้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook