วิเคราะห์บอลยูโร เยอรมนี - อิตาลี
ฟุตบอลยูโร 2012
ยูโร 2012 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
เยอรมนี - อิตาลี
เวลา: 01.45 น.
สนาม: สตาดิโอน นาโรโดวี่
ผู้ตัดสิน: สเตฟาน ล็องนอย (ฝรั่งเศส)
ถ่ายทอดสด: ช่อง 3
ผลงาน 5 นัดหลังสุดของทั้ง 2 ทีม
เยอรมนี
22 มิ.ย. 55 ชนะ กรีซ 4-2 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
17 มิ.ย. 55 ชนะ เดนมาร์ก 2-1 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
13 มิ.ย. 55 ชนะ ฮอลแลนด์ 2-1 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
9 มิ.ย. 55 ชนะ โปรตุเกส 1-0 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
31 พ.ค. 55 ชนะ อิสราเอล 2-0 (กลาง) กระชับมิตร
อิตาลี
24 มิ.ย. 55 เสมอ อังกฤษ 0-0 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
18 มิ.ย. 55 ชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
14 มิ.ย. 55 เสมอ โครเอเชีย 1-1 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
10 มิ.ย. 55 เสมอ สเปน 1-1 (กลาง) ยูโรรอบสุดท้าย
1 มิ.ย. 55 แพ้ รัสเซีย 0-3 (กลาง) กระชับมิตร
ผลงานการพบกันที่ผ่านมา
9 ก.พ. 54 กระชับมิตร เยอรมนี 1-1 อิตาลี
4 ก.ค. 49 ฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย เยอรมนี 0-2 อิตาลี
1 มี.ค. 49 กระชับมิตร เยอรมนี 0-1 อิตาลี
19 มิ.ย. 39 ยูโรรอบสุดท้าย อิตาลี 0-0 เยอรมนี
21 มิ.ย. 38 กระชับมิตร เยอรมนี 2-0 อิตาลี
ความพร้อม-สภาพทีม
เยอรมนี
โยอัคคิม เลิฟ ปรับแนวรุกยกแผงในเกมที่แล้ว ด้วยการดร็อป โธมัส มุลเลอร์ และ ลูคัส โพดอลสกี้ สองตัวทำเกมริมเส้น ออกไป และส่ง มาร์โก รอยส์ กับ อังเดร ชูร์เล่ ลงมาทำหน้าที่แทน ขณะที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ดาวยิงตัวเก๋า ก็ได้ลงมายืนเป็นศูนย์หน้าแทน มาริโอ โกเมซ ที่ซัดไปแล้ว 3 ประตู
เกมนี้มีความเป็นไปได้ว่ารอยส์กับโคลเซ่ที่ซัดไปคนละประตูในเกมกับกรีซ จะได้ลงทำหน้าที่ต่อไป แต่ชูร์เล่คงต้องกลับไปนั่งสำรองตามเดิม เพื่อหลีกทางให้โพดอลสกี้ ซึ่งมีปัญหาความฟิตเล็กน้อยจนได้พักในเกมก่อน กลับมาลงสนามอีกครั้ง
นอกจากนั้นทีมเชฟอินทรีเหล็กคงจะใช้งานนักเตะตัวหลักชุดเดิมต่อไปได้อย่างพร้อมหน้า โดย บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ หนึ่งในมิดฟิลด์ตัวหลัก พร้อมลงสนามได้ตามเดิม แม้สภาพร่างกายจะไม่ค่อยเต็มร้อยนักในการลงแข่งรายการนี้ จากปัญหาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าที่รบกวนอยู่
ชไวนี่ พลาดการลงซ้อมไปสองวันก่อนจะกลับมาแจมกับเพื่อนร่วมทีมได้ตามปกติ และจะยังได้ลงสนามในเกมนี้เช่นเดิม แม้ผลงานในรายการนี้ของเขาจะไม่ค่อยเด่นนักก็ตาม โดยเฉพาะในเกมล่าสุดที่ความล้าแสดงออกให้เห็นได้ค่อนข้างชัด
อิลคาย กุยโดกาน มิดฟิลด์ดาวรุ่งจาก ดอร์ทมุนด์ เป็นคนเดียวที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ หลังข้อเท้าเดี้ยงระหว่างการซ้อม แต่คงไม่มีผลกระทบอะไรต่อทีม เพราะเขาไม่ใช่ตัวเลือกอันดับแรกๆ อยู่แล้ว
เกมนี้เยอรมันคงจะใช้ระบบการเล่นแบบเดิม โดยมี มานูเอล นอยเออร์ ลงเฝ้าเสา ส่วนแผงแบ็กโฟร์ประกอบด้วย เจโรม บัวเต็ง, โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์, มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ และ ฟิลิปป์ ลาห์ม
ชไวน์สไตเกอร์ จะจับคู่เล่นตรงกลางสนามกับซามี่ เคดิร่า โดยมี เมซุต โอซิล ยืนสูงในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์
ส่วน รอยส์ กับ โพดอลสกี้ จะเป็นตัวขึ้นเกมรุกทางริมเส้น โดยมีโคลเซ่ทำหน้าที่คอยจบสกอร์อยู่ตรงกลาง
เล่นบาดเจ็บ: อิลคาย กุยโดกาน
ผู้เล่นโดนแบน: -
ความพร้อม-สภาพทีม
อิตาลี
อัซซูรี่ ต้องรอเช็กความฟิต ดานิเอเล่ เด รอสซี่และ อิ๊กนาซิโอ อบาเต้ ที่เจ็บมาจากเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่คาดว่าทั้งคู่น่าจะฟิตทันลงสนามได้
ทางด้าน จอร์โจ้ คิเอลลินี่ กองหลังตัวหลัก ซึ่งพลาดเกมกับอังกฤษเพราะเจ็บแฮมสตริง กลับมาลงซ้อมได้แล้ว และน่าจะพร้อมกลับมาประจำการในแนวรับได้อีกครั้ง
เกมนี้ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ น่าจะยังใช้แผนการเล่นแบบแนวรับ 4 คนตามแบบดั้งเดิมเหมือนกับ 2 นัดที่ผ่านมา ถ้าหาก อบาเต้ แบ็กขวาจาก เอซี มิลาน สลัดปัญหาการเจ็บกล้ามเนื้อได้ทันลงสนาม โดย คิเอลลินี่ อาจจะถูกจับไปยืนแบ็กซ้ายแทนเฟเดริโก้ บัลซาเร็ตติ ส่วนคู่เซ็นเตอร์แบ็กจะใช้ อันเดรีย บาร์ซายี่ กับ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่
ส่วน เด รอสซี่ ที่มีปัญหาเจ็บสะโพกและหลังจากอาการหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท จะทำหน้าที่ในแดนกลางต่อไป ร่วมกับ อันเดรีย ปีร์โล่ มิดฟิลด์ตัวเก๋าที่กำลังท็อปฟอร์มในรายการนี้ และ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ
ทางด้าน ติอาโก้ ม็อตต้า กองกลางเชื้อสายบราซิล ก็พร้อมกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง หลังพลาดเกมที่แล้วเพราะเจ็บแฮมสตริง โดยคงจะกลับมาทวงตำแหน่งคืนจาก ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว ได้ ในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวที่ยืนสูงอยู่หลังสองคู่กอง
หน้า ซึ่ง อันโตนิโอ คาสซาโน่ และ มาริโอ บาโลเตลลี่ จะยังคงเป็นตัวเลือกอันดับแรกในแนวรุกของทีมเช่นเดิม
เกมนี้ คริสเตียน มัจโจ้ วิงแบ็กฝั่งขวาจากนาโปลี เป็นคนเดียวที่ติดโทษแบนเพราะรับใบเหลืองใบที่สองไปในเกมที่แล้ว จากการถูกส่งลงไปแทน อบาเต้ ที่เจ็บ
ผู้เล่นบาดเจ็บ: อิ๊กนาซิโอ อบาเต้, ดานิเอเล่ เด รอสซี่
ผู้เล่นโดนแบน: คริสเตียน มัจโจ้
วิเคราะห์รูปเกม
สถิติของอินตาลีข่มเยอรมันอยู่ โดยเฉพาะการพบกันในทัวร์นาเมนต์หลักที่อัซซูรี่ยังไม่เคยพลาดท่าให้กับอินทรีเหล็กเลย แต่ชั่วโมงนี้ต้องถือว่าฟอร์มของเยอรมันเหนือกว่า และถือว่าผลงานในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ค่อนข้างทำได้ในระดับที่ดีมาตลอด แม้จะพลาดท่าให้อิตาลีในรอบตัดเชือกฟุตบอลโลก 2006 ก็ตาม
แต่หลังจากได้แชมป์โลกปีนั้น ขุนพลอัซซูรี่ก็ดูจะฟอร์มแผ่วลงไป ก่อนจะมาทำผลงานได้ดีกว่าที่หลายคนคาดไว้ในรายการนี้ และดูเหมือนจะยิ่งเล่นยิ่งดีอีกต่างหาก นัดนี้ถ้า อันเดรีย ปีร์โล่ ยังใช้ความเก๋าบวกกับฝีเท้าที่เหนือชั้นเค้นฟอร์มสุดยอดออกมาได้อีก
เยอรมันก็คงไม่ได้เจอกับงานง่ายๆ อย่างที่คิด แม้มาตรฐานของอินทรีเหล็กจะอยู่ในระดับที่ดี แต่เกมใหญ่ที่กดดันแบบนี้คงจะเล่นกันแบบเกร็งๆ อยู่บ้าง เพราะถ้าบุกเพลินก็มีสิทธิโดนสวนได้ง่ายๆ ทำให้เกมมีสิทธิจะยืดเยื้อไม่จบใน 90 นาทีได้
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม:
เยอรมนี (4-2-3-1): 1. มานูเอล นอยเออร์; 20. เจโรม บัวเต็ง 5. มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์ 14. โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ 16. ฟิลิปป์ ลาห์ม; 6. ซามี่ เคดิร่า 7. บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์; 21. มาร์โก รอยส์ 8. เมซุต โอซิล 10. ลูคัส โพดอลสกี้; 11. มิโรสลาฟ โคลเซ่
โค้ช: โยอัคคิม เลิฟ
อิตาลี (4-3-1-2): 1. จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน; 7. อิ๊กนาซิโอ อบาเต้ 15. อันเดรีย บาร์ซายี่ 19. เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ 3. จอร์โจ้ คิเอลลินี่; 8. เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ 21. อันเดรีย ปีร์โล่ 16. ดานิเอเล่ เด รอสซี่; 5. ติอาโก้ ม็อตต้า; 9. มาริโอ บาโลเตลลี่ 10. อันโตนิโอ คาสซาโน่
โค้ช: เชซาเร่ ปรันเดลลี่
ฮอตสกอร์: เสมอ 1-1
เกร็ดก่อนเกม
* ทั้งสองทีมพบกันมาแล้ว 30 ครั้ง โดยอิตาลีชนะมากกว่าที่ 14 ครั้ง ส่วนเยอรมันชนะ 7 ครั้ง และเสมอกัน 9 ครั้ง
* อิตาลีไม่เคยแพ้เยอรมันในแมตช์แข่งขันจริงมาก่อน (ชนะ 3 เสมอ 4) รวมถึงการพบกันในยูโร 2 ครั้งด้วย (เสมอ 1-1 ในยูโร 80 และเสมอ 0-0 ในยูโร 96)
* อิตาลีไม่เคยแพ้เยอรมันในการพบกัน 5 ครั้งหลังสุด (ชนะ 3 เสมอ 2)
* อิตาลีพลาดการเข้าชิงชนะเลิศแค่ 2 ครั้งเท่านั้น จากการลงเตะในรอบตัดเชือก 10 ครั้งของทัวร์นาเมนต์หลัก (แพ้สหภาพโซเวียต 0-2 ในยูโร 88 และแพ้จุดโทษอาร์เจนตินา 3-4 ในฟุตบอลโลก 90)
* เยอรมันลงเตะในรอบตัดเชือกทัวร์นาเมนต์หลักมาแล้ว 17 ครั้ง และผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้ 11 ครั้ง
* เยอรมันเป็นเพียงทีมเดียวที่ชนะรวดทั้ง 4 นัดในยูโรครั้งนี้ ทำให้อินทรีเหล็กเพิ่มสถิติชนะติดต่อกันมาแล้ว 15 นัดในแมตช์แข่งขันจริง ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของทีม
* เยอรมันทำประตูได้ทุกนัดใน 20 เกมหลังสุด (51 ลูก)
* เยอรมันเป็นทีมที่มีเกมรุกดีที่สุดในยูโรครั้งนี้ โดยทำไปแล้ว 9 ประตู ขณะที่อิตาลีเป็นทีมที่มีเกมรับดีที่สุดเป็นอันดับสอง โดยเสียไปแค่ 2 ประตู
* อิตาลีเพิ่งทำไปแค่ 4 ประตูเท่านั้นในยูโรครั้งนี้ และยังไม่เคยมีทีมไหนทำประตูได้น้อยกว่านี้ ในการผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ นับตั้งแต่ยูโร 96 เป็นต้นมา
* 6 จาก 7 ประตูหลังสุดที่อิตาลีทำได้ในยูโรมาจากลูกตั้งเตะ ขณะที่ 11 จาก 12 ประตูหลังสุดของเยอรมันมาจากโอเพ่นเพลย์
* อิตาลีเป็นทีมที่มีโอกาสทำประตูสูงที่สุดในยูโรครั้งนี้ (59) โดย มาริโอ บาโลเตลลี่ มีโอกาสยิงสูงที่สุดเป็นอันดับสอง (14) รองจาก คริสติอาโน่ โรนัลโด้ ของโปรตุเกสเท่านั้น (22)
* 7 ประตูหลังของเยอรมันในยูโรครั้งนี้มาจากนักเตะ 7 คน ขณะที่อิตาลีเองก็ไม่มีนักเตะคนไหนยิงได้มากกว่าหนึ่งลูกเลย
* มิโรสลาฟ โคลเซ่ ทำประตูที่ 64 ของเขากับเยอรมันได้ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายกับกรีซ ซึ่งเป็นการติดทีมชาตินัดที่ 120 ของเขา และทำให้มีสถิติเป็นรอง แกร์ด มุลเลอร์ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของทีม เพียงแค่ 4 ลูกเท่านั้น
* เยอรมันมีสถิติเสียฟาวล์เฉลี่ยต่อนัดแค่ 9 ครั้งเท่านั้น น้อยกว่าทุกทีมในยูโรครั้งนี้ ขณะที่มัทส์ ฮุมเมิ่ลส์และ ซามี่ เคดิร่า เป็นเพียงนักเตะแค่ 2 คนที่ลงเล่นแบบเต็ม 4 นัด โดยไม่เสียฟาวล์เลยแม้แต่ครั้งเดียว
* อิตาลีเป็นทีมที่เปิดบอลเข้ากลางจากลูกโอเพ่นเพลย์แม่นยำที่สุดในยูโรครั้งนี้ (17)