ยิ้มสยามและความภูมิใจของไทย
ผมจำได้ว่าผมเคยเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับวอลเลย์บอลหญิงทีมไทย เมื่อครั้งไปนั่งประจำการเป็นผู้บรรยายเกมข้างสนามในการแข่งขันวอลเลย์บอล "ไทย-เดนมาร์ค ซูเปอร์ลีก"
ที่ทางต้นสังกัดของผมเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ณ เดอะมอลล์งามวงศ์วาน เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่ผมเขียนเกี่ยวกับนักตบลูกยางสาวในคอลัมน์ "อารมณ์คมคาย" ของตัวเอง
แต่วันนี้ต้องขอจรดแป้นพิมพ์ของตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกครั้ง เพราะอดปลื้มใจกับฟอร์มการเล่นในรายการ "วอลเลย์บอลหญิง ชิงแชมป์เอเชีย" ที่ประเทศไทยเรา เป็นเจ้าภาพ จัดการแข่งขันกันที่จังหวัดนครราชสีมา
ซึ่ง ณ เวลานี้ทีมไทยของเราผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ด้วยการเฉือนชนะนักตบสาวจากทีมชาติ จีน ทีมอันดับ 5 ของโลกไปแบบสุดมันส์เมื่อเย็นวันศุกร์ (20 ก.ย.) ที่ผ่านมา
แต่ขอกล่าวในฐานะกองเชียร์ทีมชาติไทยที่รอลุ้นรอเชียร์อยู่หน้าจอแก้วกับการ ถ่ายทอดสดในทุกๆ วัน ว่าทีมตบลูกยางสาวไทยของเรา ณ เวลานี้ คือความภาคภูมิใจอย่างยิ่งยวดในฐานะตัวแทนทีมชาติที่สร้างชื่อเสียงให้กับ ประเทศในระดับสากลได้อย่างต่อเนื่อง
เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาพวกเธอเพิ่งการันตีการผ่านไปเล่นในรายการ วอลเลย์บอลชิงแชมป์โลก ซึ่งจะมีขึ้นที่ประเทศอิตาลี ในปีหน้าที่จะถึงนี้ ส่วนสัปดาห์นี้พวกเธอกำลังจะคว้าแชมป์ทวีปได้อีก อะไรมันจะสุดยอดปานนี้
3 เกมแรกที่ไทยลงเล่นในรอบแรกของรายการชิงแชมป์เอเชีย อาจมีคนติดตามน้อย แต่ก็นับว่ามีการติดตามอย่างต่อเนื่องประมาณหนึ่ง
แต่พอผ่านเข้าสู่รอบที่ 2 ซึ่งต้องอยู่ร่วมสายกับทีมอย่าง ญี่ปุ่น, คาซัคสถาน และเวียดนาม ทุกเกมที่ ไทย ลงเล่น ผมเห็นหลายคนเฝ้ารอลุ้นรอเชียร์ เหล่านางฟ้าลูกยางของเราอย่างใจจดใจจ่อ
และเกมที่ไทยเราขยี้ ญี่ปุ่น 3-1 เซต (15-25, 23-25, 25-23, 28-30) ก็ทำให้กระแสกีฬาวอลเลย์บอลหญิงไทยที่ปัจจุบันดีอยู่แล้ว กลับมารุ่งเรืองเฟื่องฟูแบบสุดยอดอีกครั้ง
ถึงขนาดที่ว่ายามใดที่สาวไทยลงแข่งขัน ความเคลื่อนไหวในโลกสังคมออนไลน์ก็คึกคักและปลุกเร้ากันแบบสุดๆ
อย่างน้อยก็รู้สึกได้ทันทีว่าพวกเธอคือความหวัง คือศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศอย่างแท้จริง
ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมมากๆ เพราะรอยยิ้มของพวกเธอนอกจากจะแสดงให้เห็นถึงความมีใจนักสู้ ยังเป็นจิตวิทยาง่ายๆที่คู่ต่อสู้รายใดได้เจอก็ต้องสับสนไม่น้อย
ผมไม่เห็นชาติไหนจะยิ้มสู้เหมือนไทยเรา มีแค่ทีมชาติไทยเราเท่านั้นที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าตลอดการแข่งขันใน ทุกๆเกม ยิ่งปรากฎอยู่บนในหน้าสวยๆของพวกเธอแล้วด้วย ไม่ต่างอะไรกับ "นางฟ้าจอมตบ" เลยทีเดียว
ผมเคยมีข้อสงสัยว่าทำไมถึงยิ้มกันได้จังเลย สรุปได้ว่าทุกคนถูกฝึกมาว่า "ต้องยิ้ม" ในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าจะยากดีมีจนอย่างไร วอลเลย์บอลสาวไทย ห้ามขาดยิ้มเด็ดขาด!!
ทำให้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของรายการนี้นับตั้งแต่ปี 1979 ที่ จีน ไม่ได้เข้าชิงในรายการนี้ การเอาชนะครั้งนี้แม้จะเป็นแบบเฉือนหวิว (3-2 เซต/19–25, 25–19, 25–22, 21–25, 16–14)
เหมือนกับจะประกาศให้โลกรู้ว่าชาติเล็กๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเราก็พร้อมที่จะสร้างความประหลาดใจให้คนทั้งโลกได้เห็นเช่นกัน
ผมเชื่อว่ากระแสของวอลเลย์บอลหญิงไทยยังจะเกาะติดอยู่ในใจของกองเชียร์ชาว ไทยไปอีกพักใหญ่ ที่เหลือก็หวังแต่ให้เหล่าผู้ใหญ่ทั้งหลายมาให้ความสำคัญและตั้งใจที่จะ พัฒนาการกีฬาของไทยอย่างจริงจังในทุกๆประเภทกีฬา
ผมเชื่อว่ายังมีกีฬาอีกหลายชนิดที่ไทยเรานั้นพร้อมจะสู้ทุกชาติบนโลกนี้ และไม่ว่าพวกเธอจะผ่านไปพบกับทีมชาติญี่ปุ่น หรือ เกาหลีใต้ ในนัดชิงชนะเลิศของรายการนี้
อยากบอกพวกเธอทุกคนว่า "สู้ต่อไปนะ ไทยแลนด์!! เราจะคอยเชียร์แบบสุดหัวใจเช่นกัน"