เช็กบิลแชมป์ยูโร 2012...???
แม้ว่าตั้งแต่ออกสตาร์ตนัดแรกของสเปน จนกระทั่งจบรอบรองชนะเลิศ ยังไม่ถึงกีบมีฟอร์มที่ยอดเยี่ยมอะไร กลับเจอปัญหาหลายอย่างด้วยซ้ำ ทว่ากระทิงดุสามารถกลับมาท็อปฟอร์มได้ในช่วงเวลาที่พอดิบพอดีนั่นคือนัดชิงชนะเลิศ
ฟอร์มที่สุดยอดขนาดนี้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้เห็นกันอีกหรือเปล่า ทีมของบิเซนเต้ เดล บอสเก้ โดนแฟนบอลบ่นเหมือนกันกับการครองบอลได้ก็จริง แต่หลายครั้งหลายหนและหลายนัดที่ออกบอลไปด้านข้างมากกว่าจะเข้าโจมตี
แต่การออกสตาร์ตในนัดชิง ทุกอย่างเคลียร์ การเดินทางของบอลเร็วขึ้น นักเตะต่างไหลตัวเองเข้าสู่ช่องว่างเพื่อให้เกมต่อเนื่อง มีบ้างที่ครองบอลแบบรอจังหวะ ทว่าส่วนใหญ่แล้วเป็นเกมเดินหน้าสมราคาทีมแชมป์เก่าอย่างยิ่ง
ดูเพลิน สวยงาม มาตรฐานที่สร้างไว้แบบนี้ เป็นเรื่องบ่งชี้ว่าทีมไหนจะขึ้นถึงแชมป์ทัวร์นาเมนต์หลักๆได้นั้น ต้องมีมาตรฐานสูงแค่ไหน การจะครองบอลในสนามให้ได้มากกว่าคู่แข่งนั้น ใช้ว่าจะใช้บริการนักเตะแค่ 2-3 คนก็สามารถทำได้สมบูรณ์แบบ
ต้องร่วมมือกันทั้งทีม แน่นอนไม่มียกเว้นแม้แต่คู่เซ็นเตอร์อย่างเฆราร์ด ปีเก้กับเซร์คิโอ รามอส รวมไปถึงอิเคร์ คาซิญาส ผู้รักษาประตู ทุกคนสามารถเล่นในรูปแบบเดียวกันได้ทั้งสิ้น แนวรับที่สำคัญของทีมเหล่านี้บางทีถูกมองข้ามกันไปบ้าง เพราะส่วนใหญ่จะโฟกัสกันไปที่ชาบี้และอินิเอสต้า
แน่นอนทั้งชาบี้และอินิเอสต้า คือหัวใจหลักกับการเดินเกมไปข้างหน้า ทว่าทั้งรามอสและปิเก้ ก็แข็งแกร่งมากในเรื่องของเกมรับ ความเร็วใช้ได้เลยไม่ถึงกับอืดอาดยืดยาด ลูกกกลางอากาศดี ที่สำคัญถ้าไม่ใช่จังหวะจวนตัวก็ไม่มีเตะสกัดกันแบบโฉ่งฉ่าง หวดไปไกล แต่สามารถเล่นบอลบนพื้นเชื่อมต่อกับพวกมิดฟิลด์ได้เลย
เกมของสเปนจำเป็นมากทีเดียว ที่คู่เซ็นเตอร์ต้องมีความสามารถรอบด้าน นั่นเพราะฟูลแบ็กทั้ง 2 ข้างต้องเดินหน้าเติมเกมริมเส้นตลอดเวลา หรือถ้าคู่เซ็นเตอร์แบ็กพลาดกันจริงๆ ก็ยังมีอิเคร์ คาซิญาส ผู้รักษาประตูที่ฟอร์มสูงส่งและสม่ำเสมออย่างยิ่ง
หลายนัด หลายช่วงเวลาที่อิเคร์ คาซิญาส ไม่ค่อยได้โชว์ความสามารถสักเท่าไหร่ งานไม่ค่อยจะชุกชุม ทว่าวินาทีที่ทีมต้องการความช่วยเหลือ ฟอร์มซูเปอร์เซฟจะถูกงัดออกมาอย่างทันทีทันใด
นาทีนี้คงมีการเริ่มมองไปที่ฟุตบอลปี 2014 ที่บราซิลกันแล้ว แน่นอนว่าเส้นทางยังอีกยาวไกล และระหว่างทางนั้นจะมีปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีกเพียบ แต่สเปนคงจะเดินทางไปบราซิลด้วยมาดของเต็งแชมป์ทีมหนึ่งแน่นอน และอยู่ต้นๆอย่างไม่ต้องสงสัย
การกดดันอิตาลีที่สามารถจัดการเยอรมันแบบราบคาบในรอบรองชนะเลิศจนไม่สามารถทำอะไรได้นั้นไม่ธรรมดา บอลโลกปี 2014 บราซิลเป็นเจ้าภาพ ว่ากันว่าคงได้เปรียบในหลายๆเรื่อง แต่สเปนคงไปฐานะทีมที่มีโอกาสและสามารถคาดหวังเรื่องความสำเร็จเหมือนกัน
ทุกทีมที่เจอกับสเปนต่างต้องการล้มทีมนี้ด้วยกันทั้งสิ้น ทว่าถ้ามาตรฐานของทีมยังคงร้ายกาจเหมือนนัดชิงยูโร 2012 ครั้งนี้ เป็นเรื่องที่คู่แข่งทั้งหลายหนักใจแบบสุดๆ
เรื่องหนึ่งที่คราใจกันแน่นอนสำหรับอนาคตอันไม่ไกลของทีมชาติสเปน นั่นคืออายุอานามของคีย์แมนคนสำคัญอย่างชาบี้กับอินิเอสต้า ฟุตบอลโลกครั้งหน้าจะไหวกันแค่ไหน
เชส ฟาเบรกาส ยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆ แต่จะให้เปรียบเทียบกับชาบี้และอินิเอสต้า คงยังไม่ได้ ต้องดูกันต่อไปฟาเบรกาสจะรับมือได้ดีแค่ไหนกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า
ลองคิดดูว่าถ้าสเปนไม่มีอินิเอสต้ากับชาบี้ทีมจะอ่อนลงมากขนาดไหน เราเห็นกันแล้วว่า เดล บอสเก้ จะเปลี่ยนตัวชาบี้บ่อยขึ้น เพื่อให้มีสภาพที่ฟิต เพื่อรักษาความสดให้มากที่สุด ไม่สามารถใช้งานหนักจนเกินไป
สเปนมีนักเตะฝีเท้าดีๆอีกมากมาย แต่จะให้ใกล้เคียงกับชาบี้และอินิเอสต้าคงยาก แน่นอนในเวลาที่ไม่นานจนเกินไป ทั้ง 2 คนก็ต้องรีไทร์ตัวเอง อายุกำลังดึงทั้ง 2 คนคืนกลับสู่สามัญ และการจะหาใครเข้ามาทดแทนนักเตะที่ดีที่สุดของทีมพร้อมกัน 2 คน หรือในเวลาที่ไม่ห่างกันมากนักยากแน่นอน
อนาคตข้างหน้า รอเวลาเป็นตัวตัดสินก็แล้วกัน ส่วนนาทีนี้คงต้องร่วมดื่มด่ำกับความสำเร็จของทีมชาติสเปน ประวัติศาสตร์หน้าใหม่...
สเปนได้เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ขึ้นมาเรียบร้อยแล้วหลังจากเอาชนะอิตาลีในนัดชิงชนะเลิศยูโร 2012 เมื่อเป็นทีมแรกที่สามารถป้องกันแชมป์เอาไว้ได้ นอกจากนี้ยังเป็นทีมจากยุโรปทีมแรกที่คว้าแชมป์ทัวร์นาเมนต์หลักได้ 3 แชมป์ติดต่อกัน เริ่มจากยูโร 2008,ฟุตบอลโลก 2010 และยูโร 2012
ตอนนี้ก็ถกเถียงกันว่าเทียบกับผลงานในอดีตของบราซิล,ฮอลแลนด์,เยอรมันหรือฝรั่งเศส ในแต่ละช่วงเวลาใครจะยิ่งใหญ่กว่ากัน แต่สเปนพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ายอดเยี่ยมขนาดไหน
ปฏิบัติการณ์พิสูจน์ตัวเอง...
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูมากขึ้น เกี่ยวกับสไตล์ของสเปน ที่บ่อยเดินเกมขึ้นหน้าต่อเนื่องแต่จบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ แต่ในนัดชิงชนะเลิศกับอิตาลี เดล บอสเก้ และลูกทีมกระทิงดู เคลียร์เรื่องคาใจกันตั้งแต่ออกสตาร์ต แค่ 13 นาทีผ่านบอลกัน 116 ครั้งและผ่านบอลสำเร็จ 103 ครั้งรวมทั้งจังหวะปิดสกอร์ของดาวิด ซิลบา
เป็นการออกสตาร์ตเกมที่ยอดเยี่ยม และสามารถกำหนดทิศทางของเกมได้ชัดเจนนับตั้งแต่นาทีนั้น
หัวดี...
ลูกโหม่งพังประตูของดาวิด ซิลบา นับว่าเป็นประตูที่ 22 ของยูโรครั้งนี้ที่ทำประตูด้วยลูกโหม่ง เป็นกอบเป็นกำอย่างยิ่ง เป็นสถิติใหม่กันเลยหรือเปล่า ?
ทว่าอย่างน้อยๆเห็นกันชัดเจนว่า เกมกองหน้า 3 คนหรือเกมที่ต้องใช้บริการจากตัวริมเส้นยังคงจำเป็นอย่างยิ่งกับการเปิดบอลให้เข้ากบาลเพื่อนร่วมทีมที่รออยู่หน้าประตู
ห้ามผ่าน...
รวมนัดชิงชนะเลิศเข้าไปด้วย ถึงตอนนี้สเปนรวบรวมสถิติใหม่เป็นกอบเป็นกำ เป็นทีมที่ไม่เสียประตูให้คู่แข่งในรอบน็อกเอาต์ของเมเจอร์ ทัวร์นาเมนต์ หรือทัวร์นาเมนต์หลักอย่างฟุตบอลโลกและฟุตบอลยูโร
ตั้งแต่รอบ 8 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลยูโร 2008 จนถึงนาทีนี้สเปนยังซิงไม่ยอมให้ทีมไหนล่วงล้ำเข้าไปเจาะไข่แดงได้ในรอบน็อกเอาต์ นั่นหมายความว่าเกมรับต้องเหนียวหนึบจริงๆ ทัวร์นเมนต์ยูโร 2012 ครั้งนี้สเปนเสียเพียงแค่ประตูเดียวในนัดแรกที่เจอกับอิตาลีในรอบแบ่งกลุ่ม
เฟร์นานโด ตอร์เรส...
ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศได้อีกครั้ง แม้ว่าเวลาส่วนใหญ่ของตอร์เรสถูกใช้ไปกับการนั่งสำรอง มีโอกาสอยู่ในสนามน้อยกว่าดาวยิงของทีมอื่นๆที่มีสกอร์เท่ากันถึง 6 คน ทว่า 3 ประตูกับอีก 1 แอสซิสต์ ที่ผ่านให้มาต้ายิงปิดท้าย นั่นทำให้ตอร์เรสคว้ารางวัลโกลเด้นบูธไปครอง
ไร้โชค...
ตัวเท่ากันในสนาม อิตาลียังรับมือกับสเปนได้ยาก 2 ประตูที่ทีมแชมป์ขึ้นนำไปก่อนคงพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ทว่าในช่วงเวลาที่อิตาลีเสี่ยงทุกอย่าง เดิมพันหมดหน้าตักเพื่อทวงถามสกอร์คืนให้ได้ด้วยการเปลี่ยนตัวธิอาโก้ ม็อตต้า เป็นตัวสำรองคนที่ 3 ลงสนามในช่วง 30 นาทีสุดท้าย
โชคไม่เข้าข้าง ธิอาโก้อยู่ในสนามไม่กี่นาทีก็ได้รับบาดเจ็บ จนไม่สามารถเล่นต่อได้ นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์ของอิตาลีเลวร้ายลงไป เล่นแค่ 10 คนสู้กับทีมอย่างสเปนไม่มีทางเป็นไปได้ ทว่าอย่างน้อยทัวร์นาเมนต์นี้อิตาลีก็ภูมิใจกับผลงานของตัวเอง
เรื่องโดย "ดามัน"