บอลไทย...บรรลัยไส้!
การแข่งขันฟุตบอลแห่งศักดิ์ศรี กลับมาสู้กันอีกครั้ง
ลูกหนังเอเอฟเอฟ "ซูซูกิคัพ 2012" ซึ่งประเทศไทยและมาเลเซีย ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ รอบแรก ระหว่างวันที่ 24 พฤศจิกายน ไปจนถึง วันที่ 22 ธันวาคมนี้
จับสลากกันออกมาแล้ว
"บังยี" นายวรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ร่วมกับ สุลต่าน ฮาจิ อาเหม็ด ชาห์ ประธานสหพันธ์ฟุตบอลอาเซียน (เอเอฟเอฟ) ร่วมกันแถลงข่าวจับฉลากที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอรีน
สรุปให้อ่านกันอีกทีว่า การจับฉลากครั้งนี้ได้ให้ 6 ชาติเป็นทีมยืน นั่นก็คือ ไทย กับ "แชมป์เก่า" มาเลเซีย ที่เป็นเจ้าภาพ, อินโดนีเซีย, เวียดนาม, สิงคโปร์ และ ฟิลิปปินส์
ส่วนอีก 5 ชาติที่เหลือคือ บรูไน, ติมอร์เลสเต, พม่า, ลาว และกัมพูชา ต้องลงเตะในรอบคัดเลือก แบบพบกันหมด ก่อนจะคัดเอาทีมอันดับ 1-2 ของการคัดเลือกมาเล่นในรอบสุดท้าย
ระหว่างวันที่ 5 ต.ค.-13 ต.ค.ที่ยูธเทรนนิง เซ็นเตอร์ ย่างกุ้ง ประเทศพม่า
จากผลการจับสลาก ถือว่า ไทยเรา ไม่ได้หนักเหมือนกับครั้งที่แล้ว
เมื่อจะได้อยู่ในสายเอ ร่วมกับ เวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และทีมแชมป์รอบคัดเลือก
ส่วนสายบี "แชมป์เก่า" มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และทีมอันดับ 2 จากรอบคัดเลือก
ยิ่งโปรแกรมออกมาแบบนี้ทำให้เราค่อนข้างจะได้เปรียบไม่น้อย เพราะจะต้องดวลกับ ฟิลิปปินส์ เป็นเกมแรก ในวันที่ 24 พฤศจิกายนนี้ พบกับ "ตากาล็อก"ฟิลิปปินส์ ตามด้วยนัดที่ 2 วันที่ 27 พฤศจิกายน พบกับ ทีมชนะเลิศรอบคัดเลือก และ
นัดสุดท้าย รอบแรก วันที่ 30 พ.ย. พบ เวียดนาม
ตามทรงแล้ว ไม่จำเป็นที่จะต้องไปใช้โควตาของทีมที่ต้อง"ตกรอบ"
แต่ที่มันน่าสับสนไม่น้อยก็คือ ประเด็นเรื่องของการอุ่นเครื่องของทีมชาติไทย ที่ก่อนหน้านี้ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธานบ.ไทยพรีเมียร์ลีก บอกว่า ไม่ได้มีการเว้นวรรคเอาไว้ให้
จะจัดให้ก็คือ มีการเตรียมทีม 1 เดือนก่อนแข่งขันเท่านั้น
หนักยิ่งกว่าก็คือ "วินนี่" วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือทีมชาติไทยชุดใหญ่ ที่ไม่ได้คุมทัพแข่งมานานเกือบครึ่งปี บอกว่า เขาไม่ทราบเรื่องที่ ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ไม่ได้เว้นโปรแกรมอุ่นเครื่องให้
แต่ก็ยืนยันว่า ทีมชาติไทยต้องมีเกมลับแข้งให้ได้มากที่สุดก่อนทำศึกนี้
เช่นเดียวกับ "บิ๊กเปี๊ยก" นายองอาจ ก่อสินค้า เลขาธิการสมาคมฟุตบอลฯ ที่บอกว่า โปรแกรมอุ่นเครื่องทีมชาติไทยในเดือนสิงหาคมนี้ ไม่น่าจะจัดหาโปรแกรมอุ่นเครื่องได้ เพราะ อุซเบกิสถาน กับ บาห์เรน ได้ยกเลิกไปแล้ว
เนื่องจากช่วงเวลาฟีฟ่าเดย์ ในเดือนส.ค.ติดโปรแกรมแข่งฟุตบอลภายในประเทศ
แต่น่าจะจัดให้อุ่นได้ในช่วงเดือนกันยายน และตุลาคม
สรุปนะครับว่า พี่ครับพี่ทำอะไรกันอยู่ครับ งานท่านเยอะขนาดดูแลกันไม่ได้เลยหรืออย่างไร ไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่ามันจะซ้ำรอยแบบนี้นับตั้งแต่ยุคของ "เดอะ ร็อบโบ้" ไบรอัน ร็อบสัน มาจนถึงยุคที่ศรัทธากลับมาอย่าง วินฟรีด เชเฟอร์ ไม่เชื่อ ผมไม่อยากจะเชื่อจริง
น่าเศร้า...ไม่คิดว่าจะเน่าแบบนี้!
เครดิตภาพ almon.foto
เรื่องโดย "บี แหลมสิงห์"
