"เมย์เวทเธอร์-ปาเกียว" กับเส้นทางที่แตกต่าง
หลายสัปดาห์ก่อน ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ ยอดนักชกไร้พ่ายชาวอเมริกัน ขึ้นดวลกำปั้นกับ ซาอูล อัลวาเรซ นักมวยรุ่นน้องชาวเม็กซิกัน พร้อมโชว์ฟอร์มเก็บชัยชนะได้สมราคา แม้ว่าคะแนนที่ออกมาจะทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในตัวกรรมการตามมาก็ตาม
มีการประเมินว่า เมย์เวทเธอร์ได้ส่วนแบ่งค่าตอบแทนจากการขึ้นชกครั้งนี้ 41.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 1,245 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย (ขณะที่อัลวาเรซได้ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 150 ล้านบาท)
นี่ยังไม่นับรายได้เพิ่มเติมหลังสรุปยอดขายลิขสิทธิ์ถ่ายทอดแบบเพย์-เพอร์-วิวอีกไม่รู้กี่หลัก หลังจาก โชว์ไทม์ เจ้าของลิขสิทธิ์แถลงว่า ไฟต์นี้ได้สร้างสถิติยอดผู้ชมเพย์-เพอร์-วิวสูงสุดเป็นประวัติกาลไปแล้วเรียบร้อย หลังจากมีคนมาซื้อสิทธิชมเกม 2.2 ล้านเครื่องรับ คิดเป็นมูลค่ารวม 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,500 ล้านบาท) ทำลายสถิติเดิม 136 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (4,080 ล้านบาท) ในไฟต์ระหว่างเมย์เวทเธอร์กับ ออสการ์ เดอ ลา โฮย่า เมื่อปี 2007
แม้จะยังไม่ได้สรุปตัวเลขชัดเจน แต่เป็นที่แน่นอนแล้วว่ารายรับรวมของนักชกวัย 36 ปีครั้งนี้จะทุบสถิติเดิม 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,350 ล้านบาท) ซึ่งเขาได้รับหลังขึ้นตะบันกำปั้นกับ มิเกล ค็อตโต้ เมื่อปีที่แล้วลงอย่างสิ้นเชิง
การปราบนักมวยรุ่นน้องซึ่งมีดีกรีไร้พ่ายก่อนมาเจอเขายิ่งทำให้สถานะของเมย์เวทเธอร์ในวงการมวยโลกยุคปัจจุบันชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
ถึงตรงนี้คงมีน้อยคนนักที่จะปฏิเสธว่า เขาเป็นนักมวยที่เก่งที่สุดในโลกหากเทียบแบบปอนด์ต่อปอนด์ เพราะคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดในยุคนี้อย่าง แมนนี่ ปาเกียว เสียเครดิตไปพอสมควรจากการพ่ายแพ้ 2 ไฟต์หลังสุด
อดีตแชมป์โลก 8 รุ่นชาวฟิลิปปินส์ แพ้คะแนน ทิโมธี แบรดลีย์ คู่ชกชาวอเมริกันแบบน่ากังขาเมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว แต่มาเจ็บตัวและเสียชื่อสุดสุดก็คราวโดน ฮวน มานูเอล มาร์เกซ คู่ปรับคนสำคัญชาวเม็กซิกัน ต่อยหลับในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
เจ้า "แพ็คแมน" เสียความมั่นใจถึงขั้นขอเดิมพันอนาคตกับการชกไฟต์หน้ากับ แบรนดอน ริออส จากสหรัฐ ที่มาเก๊า ในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยหากแพ้เป็นไฟต์ที่ 3 ติดต่อกัน ก็มีสิทธิที่เขาจะแขวนนวมอย่างเป็นเรื่องเป็นราวก็เป็นได้
เรียกว่ายิ่งเวลาผ่านไป เส้นทางของยอดนักมวยร่วมยุคคู่นี้ก็ดูจะห่างกันไปทุกที ทั้งที่เมื่อไม่กี่ปีก่อน วงการหมัดมวยเพิ่งจะตื่นตาตื่นใจในความเป็นไปได้ของ "ไฟต์หยุดโลก" ระหว่างปาเกียวกับเมย์เวทเธอร์แท้ๆ
ครั้งนั้นการเจรจาล่มจากเหตุผลสำคัญคือ ปาเกียวกับทีมงานปฏิเสธที่จะทำตามเงื่อนไขของฝั่งเมย์เวทเธอร์ที่ให้เขาเข้ารับการตรวจหาสารต้องห้ามก่อนและหลังการชก (ขณะที่บางกระแสก็บอกว่าเพราะตกลงเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัว แต่ฝั่งเมย์เวทเธอร์พยายามชูประเด็นเรื่องโด๊ปให้เด่นกว่าเท่านั้น)
ถือเป็นบทสรุปที่น่าเสียดาย เพราะหากมีไฟต์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงๆ น่าจะทำเงินได้ไม่ต่ำกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 7,500 ล้านบาท เนื่องจากไฟต์ล่าสุดของเมย์เวทเธอร์กับอัลวาเรซก็ฟันรายรับได้ขั้นต่ำ 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (6,000 ล้านบาท) แน่ๆ แล้ว
ตามข้อตกลงเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ปาเกียวกับเมย์เวทเธอร์จะแบ่งเงินกันคร่าวๆ 50-50 หมายความว่านักชกดังชาวตากาล็อกน่าจะทำเงินหายไปประมาณ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (3,000 ล้านบาท) จากการตัดสินใจของตัวเองในครั้งนั้น
นับตั้งแต่การเจรจาไฟต์แห่งศตวรรษล่มไป รายได้ของเขาเรียกว่าเทียบไม่ได้เลยกับเมย์เวทเธอร์ โดยส่วนแบ่งรายรับสูงสุดที่ปาเกียวได้รับคือ 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (750 ล้านบาท) ในไฟต์กับมาร์เกซหนล่าสุด ส่วนไฟต์ต่อไปกับริออส มีเงินการันตีอยู่ที่ 18 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (540 ล้านบาท) เท่านั้น
นี่ยังไม่นับชื่อเสียงที่เสียไปซึ่งทำให้มูลค่าทางการตลาดของเจ้าแพ็คแมนลดน้อยลงไปอีก
เมื่อปีที่แล้ว แว่วๆ ว่ามีความพยายามที่จะจับปาเกียวมาดวลหมัดกับเมย์เวทเธอร์ให้ได้อีกครั้ง ซึ่งฝ่ายหลังก็แย้มว่าอาจจะตกลงหากปาเกียวยอมเซ็นสัญญารับเงื่อนไขของฝั่งเขา
ถึงตอนนั้น ปาเกียวอาจจะเลิกเล่นตัวยอมแต่โดยดี แต่ถ้าจะหวังแบ่งเงินกันครึ่งๆ เหมือนข้อตกลงก่อนหน้านี้ คงเป็นไม่ได้อีกต่อไป...