ความหวังของคนไทย แบกไว้ด้วย 3 กำปั้น
![ความหวังของคนไทย แบกไว้ด้วย 3 กำปั้น](http://s.isanook.com/sp/0/ud/1/5889/untitled-3.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
“ลอนดอนเกมส์” ใกล้เข้ามาทุกขณะ
หลายชนิดกีฬาของไทยที่ผ่านการคัดเลือกทั้ง 37 คน เริ่มตื่นเต้นและกดดัน
บางส่วนออกเดินทางไปยังเมืองแมนเชสเตอร์ เพื่อฝึกซ้อม ก่อนลุยต่อเข้ากรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
โอลิมปิกเกมส์ 2012 ชาวไทยหวังที่จะได้ฟังเพลงชาติไทย บนสังเวียนที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก
หนึ่งชนิดกีฬาที่เป็นความหวัง ในทุกๆครั้ง หนีไม่พ้น “มวยสากล” ซึ่งถือว่าเป็นกีฬาที่อยู่คู่กับคนไทยเลยก็ว่าได้
ย้อนกลับไปในหลายๆหน มวยสากล ล้วนสร้างโอกาส ผงาดขึ้นรับเหรียญรางวัล ไม่ว่าจะเป็น ทอง เงิน หรือ ทองแดง
เรียกได้ว่าไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยจริงๆ
หนนี้ 3 กำปั้นไทย แก้ว พงษ์ประยูร, ฉัตร์ชัย บุตรดี, สายลม อาดี ฝ่ามรสุมนานัปการ กว่าจะคว้าโควตาไปช่วงชิงเหรียญรางวัล
ทั้ง 3 ทหารเสือ แบกรับความหวังของคนไทยทั้งชาติ แน่นอนว่ามีทั้งความกดดัน ความตื่นเต้น แต่ทุกคนและคณะทำงาน ต่างไม่หวั่น มุ่งมั่น หวังสร้างชื่อในโอลิมปิก 2012
ภายใต้การกุมบังเหียน ของ "เสธ.อ้าย" พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ นายกสมาคมมวยสากลแห่งประเทศไทย ซึ่งขอเอาหน้าที่เป็นประกันหากไม่มีเหรียญทองกลับมา จะไม่ขอนั่งบนเก้าอี้นายกสมาคมอีกต่อไป
ด้านความพร้อมของ 3 ทหารเสือ ได้แก่ แก้ว พงษ์ประยูร, ฉัตร์ชัย บุตรดี, สายลม อาดี
แก้ว กล่าวว่า ผมขอกราบลาพี่น้องชาวไทยทุกคนไปอังกฤษแล้วนะครับ ช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ผมจะต้องคว้าเหรียญใดเหรียญหนึ่งในโอลิมปิกครั้งนี้กลับมาบ้านเราให้ได้ ซึ่งผมจะพยายามทำให้ได้เหมือน พี่สมจิตร จงจอหอ ที่พี่เขาได้เหรียญทองตอนอายุ 32 ปี เท่ากับผมตอนนี้ เพราะกว่าจะมาถึงวันนี้ผมก็เจ็บมาเยอะเหมือนพี่เขาเหมือนกันครับ ทุกไฟต์ของผมที่ชกจะขอสู้เพื่อคนไทยทุกคนครับ
ด้าน ฉัตร์ชัย บุตรดี นักชกรุ่นฟลายเวต ที่มีภรรยาสาวท้องแก่ และเตรียมจะคลอดลูกสาวคนแรกให้ฉัตรชัย ในวันที่ 26 ส.ค. นี้ เดินทางมาส่ง เปิดใจหลังจากก้มลงจูบที่ท้องของเมียสาวว่า ไปชกโอลิมปิกครั้งแรกหนนี้ ผมจะพยายามสู้อย่างสุดความสามารถ เพื่อคว้าเหรียญโอลิมปิกกลับมาให้ได้
ผมบอกกับลูกสาวของผมแล้วว่า พ่อจะเอาเหรียญมาเป็นของขวัญวันเกิดให้กับเขาครับ ผมก็ขอให้พี่น้องชาวไทยทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ผมพร้อมแล้วที่จะสร้างชื่อเสียงให้ประเทศชาติไทยของเราครับ"
ส่วน สายลม อาดี นักชกรุ่นไลต์เวต กล่าวว่า "นี่เป็นโอลิมปิกครั้งที่สองของผมครับ แต่ไปชกครั้งนี้ผมว่าผมสบายใจกว่าครั้งที่แล้วนะ ไม่กดดันอะไร เพราะถูกมองว่ามีความหวังน้อย ก็ดีครับ แต่ผมก็จะพยายามให้ดีที่สุด ทุ่มเทกับการชกทุกไฟต์ เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย และสร้างประวัติศาสตร์ให้ชาวขอนแก่นอีกครั้ง เหมือนกับรุ่นพี่ สมรักษ์ คำสิงห์ และ วิชัย ราชานนท์ ครับ
ทั้งหมดทั้งมวล เป็นคำมั่นที่ขุนพลเสื้อกล้ามไทยทั้ง 3 คน ให้ไว้ก่อนออกเดินทางไปลุยลอนดอนเกมส์
การแบกความหวังของคนไทยทั้งประเทศ สร้างความกดดันให้ทั้ง 3 คน ไม่น้อย
วันขึ้นชกของพวกเขานั่นแหละ จะปลดล็อกทุกอย่างให้ผ่อนคลายลงได้
เรื่อง "โบราณ"