คนมันไม่ใช่
ฉันทุ่มเท หมดเลยทุกอย่าง.. ยิ่งนานยิ่งหมดหวัง.. จะเป็นคนของเธอ
จากท่อนแรกในเพลง "คนมันไม่ใช่" ของ พี่ป้าง นครินทร์ กิ่งศักดิ์ นักร้องรุ่นเก๋าชื่อดังของเมืองไทย...ช่างตรงกับจังหวะชีวิตในช่วงนี้ของหัวหอกค่าตัวแพงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรลิเวอร์พูล อย่าง แอนดี้ คาร์โรลล์ เสียจริง
จากหัวหอกตัวความหวังที่ผอง "เดอะ ค็อป" หวังจะให้เจ้าตัวได้แจ้งเกิดแบบเต็มคราบเสียทีหลังการมาถึงของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือหนุ่มผู้เคยมีผลงานปลุกปั้นทีมเล็กๆ อย่าง สวอนซี ให้ปรากฏต่อสายตาชาวโลกมาแล้ว
ขนาด สวอนซี ทีมเต็งที่ว่าต้องตกชั้นแน่ๆ ร็อดเจอร์ส ยังอุตส่าห์เสกให้ลอยตัวอยู่กลางตารางได้อย่างสบายๆ แถมมีสไตล์จนดังกระฉ่อนไปทั่วยุโรปด้วยซ้ำ แล้วประสาอะไรกับ คาร์โรลล์ ซึ่งมีดีกรีติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่มาแล้ว
หากเหล็กดีเจอกับช่างฝีมือดีย่อมต้องได้ดาบที่ดีออกมา เพราะฉะนั้นหากผู้ฝึกสอนฝีมือดีมาเจอเข้ากับนักเตะชั้นดี ผลลัพธ์ที่ออกมาก็ต้องเป็นยอดนักเตะที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมสมใจอยากสะท้านทรวงแฟนบอลอย่างแน่นอน
แถม คาร์โรลล์ ก็มุ่งมั่นอย่างแรงกล้าว่าจะแจ้งเกิดให้สมกับค่าตัวมหาศาลเสียทีภายใต้กุนซือรายนี้ โดยจะทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อยึดตำแหน่งตัวจริงให้ได้หลังชักจะจูนติดขึ้นมานิดๆ แล้วในช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมาด้วยการทำประตูได้ติดต่อกันหลายนัดจนกระชากให้ตัวเขาเองมีชื่อติดทีมชาติอังกฤษ ชุดลุยยูโร 2012 ในที่สุด
กุนซือก็ไฟแรง นักเตะก็มุ่งมั่น ดูท่าว่าจะไปด้วยกันได้ดี แบบนี้ฝันของแฟนๆ "หงส์แดง" ที่รอคอยแชมป์พรีเมียร์ลีก มานานถึง 20 ปีก็มีหวังถึงคราวสิ้นสุดเสียที
แต่การณ์กลับไม่เป็นไปตามนั้น...ช่างตีเหล็กเลือกไม่ตีเหล็กนั้นเอง พร้อมเปรยด้วยว่าจะฝากเหล็กนี้ปล่อยให้ช่างรายอื่นเอาไปตีให้แทน
ร็อดเจอร์ส ทำตามอย่างนั้นเป๊ะๆ ทั้งที่เมื่อแรกเข้านั่งเก้าอี้กุนซือ "หงส์แดง" เทรนเนอร์ชาวไอร์แลนด์เหนือประกาศเสียงดังฟังชัดว่าพร้อมให้โอกาสทุกคนมาเริ่มต้นใหม่พร้อมกับหมดกับสโมสรเหมือนๆ กันกับเขาที่ก็เพิ่งจะมาใหม่เหมือนกัน
ลมปากอันหอมหวานที่พ่นออกมาทำให้ โจ โคล กองกลางที่ยังคงสลัดคำว่า "ดาวรุ่ง" ออกไปจากตัวไม่ได้เสียที อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ จอมทัพดีกรีทีมชาติอิตาลีที่เอาชื่อเสียงมาทิ้งไกลถึง แอนฟิลด์ พอจะมีรอยยิ้มออกมาได้อีกครั้งกับความหวังเล็กๆ ที่จะได้ลืมตาอ้าปากในฐานะนักเตะลิเวอร์พูล เสียที
คำพูดเทือกนั้นอาจจะใช้กับนักเตะรายอื่นๆ ได้ แต่กับ คาร์โรลล์ (น่าจะคนเดียว) ก็คงไม่
ร็อดเจอร์ส ประกาศปล่อยยืม คาร์โรลล์ ให้ทีมอื่นเอาไปใช้งานเป็นการชั่วคราวคล้อยหลังจากที่เข้ามารับตำแหน่งได้ไม่กี่วันและยังไม่ได้เห็นฟอร์มการเล่นของนักเตะเลยด้วยซ้ำ โดยให้เหตุผลว่าหัวหอกร่างยักษ์ยังเด็กนัก ยังมีอนาคตกับทีมอีกยาวไกล
ยังมีอนาคตกับทีมอีกยาวไกล!?
แค่อนาคตใกล้ๆ อยู่ตรงหน้าไม่กี่วันก็มองไม่เห็นแล้ว โอกาสที่ คาร์โรลล์ จะได้เป็นหลักอยู่กับทีมต่อไปในอนาคตคงไม่มากไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้หรอกหากเจ้าตัวไม่สามารถงัดอะไรสักอย่างออกมาให้ ร็อดเจอร์ส ได้เห็นว่าเขามีดีอย่างไร
นักเตะค่าตัวขนาดนี้ (35 ล้านปอนด์) อายุขนาดนี้ (23 ปี) จะมีสโมสรไหนที่วางแผนปล่อยยืมออกไปเพื่อให้นักเตะได้เก็บประสบการณ์ก่อนจะดึงตัวกลับมาเพื่อเป็นตัวหลักในอนาคตให้กับสโมสร
เท่าที่คิดได้ ณ ในขุมกบาลตอนนี้ น้อยรายมากทีเดียว เห็นจะมีก็แต่ เซบาสเตียน โจวินโก้ จอมทัพร่างแคระของ ยูเวนตุส ที่ถูกปล่อยให้ทั้ง เอ็มโปลี (ยืม) และปาร์ม่า (เจ้าของร่วม) เอาไปใช้งานอยู่นานหลายปี แถมรายนี้ก็เกือบจะไม่รอดอยู่แล้วเหมือนกัน
ถึงจะมีแต่ก็ใช่ว่าจะมาก และ คาร์โรลล์ ก็คงไม่ได้อยู่ในสัดส่วนนั้น
ระบบการเล่น 4-3-3 ของ ร็อดเจอร์ส ต้องใช้กองหน้าลงเล่นมากถึงสามราย และเท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือ คาร์โรลล์, หลุยส์ ซัวเรซ, เคร็ก เบลลามี่ และฟาบิโอ บอรินี่ (ซึ่งเพิ่งซื้อเข้ามาใหม่ด้วยค่าตัว 10 ล้านปอนด์ และน่าจะการันตีตัวจริงแทนที่ คาร์โรลล์ ทันที)
มีแค่สี่คนเท่านั้นแต่อดีตกุนซือ "หงส์ขาว" ดันทะลึ่งบอกว่าจะปล่อยยืม คาร์โรลล์ ซึ่งเหมาะเป็นกองหน้าตัวเป้ามากกว่าใครๆ ทั้งหมดในจำนวนที่เหลืออยู่ ขณะที่ก็ยกยอปอปั้นดาวเตะรายอื่นๆ ว่าจะเข้ากับระบบได้อย่างสมบูรณ์แบบ (ทั้งที่ก็ยังไม่ได้เห็นฟอร์มการเล่นเหมือนๆ กัน)
เอซี มิลาน ยักษ์ใหญ่จาก กัลโช่ เซเรีย อา สนใจอยากยืม แต่ก็แค่นั้น ไม่ได้เอาจริงเอาจัง ขณะที่ เวสต์แฮม อยากยืมจริงและติดต่อเดินเรื่องเข้ามาจริงๆ รวมทั้ง นิวคาสเซิ่ล อดีตต้นสังกัดที่ทั้งทำคลอดและแจ้งเกิดให้ คาร์โรลล์ ก็ขอยืมเข้ามาด้วยเหมือนกัน แต่ข้อเสนอจากทั้งสองสโมสรกลับถูก ร็อดเจอร์ส ปฏิเสธไปทั้งหมด
"ขุนค้อน" ไม่มีเงินอยู่แล้ว เป็นที่เข้าใจได้ว่าจะสงบเงี่ยมเจียมตัวและถอยกรูดกลับไปอย่างเงียบๆ แต่ "สาลิกาดง" ที่พักหลังดวงขึ้นซื้อนักเตะถูกและขายออกไปได้แพงหลายรายก็เดินหน้าต่อหวังจะเอาให้ได้ เลยยื่นข้อเสนอขอซื้อขาดไปที่ 13.5 ล้านปอนด์
ตามคาด...ถูกปฏิเสธกลับมาดื้อๆ อย่างไร้เยื่อใยด้วยเหตุผลสุดชื้นใจ (เดอะ ค็อป) ว่าต้องการให้ "ยืม" อย่างเดียวเท่านั้น
ประโยคเด็ดที่ว่า "เงินซื้อทุกอย่างไม่ได้...หากไม่มากพอ" มีมนต์ขลังและมักจะเป็นจริงเสมอ นิวคาสเซิ่ล ยื่นข้อเสนอเข้าไปอีกครั้งที่ 16 ล้านปอนด์และถูกปฏิเสธอย่างมีมารยาทมากขึ้นกว่าเดิมหลายขีด ก่อนที่ทัพ "หงส์แดง" จะส่งแขกด้วยคำว่า "พิจารณาที่ 20 ล้านปอนด์"
เมื่อออกมาในรูปแบบนี้ ไอ้ที่ว่า "ปล่อยยืม" เพื่อหาประสบการณ์ก่อนจะดึงกลับมาใช้งานอีกครั้งก็เป็นแค่ข้ออ้างให้แฟนๆ ได้ทำใจก่อนจะขายทิ้งไปเท่านั้น
คนมันไม่ใช่ต่อให้จะทุ่มเทหรือพยายามมากขนาดไหนมันก็คงไม่ใช่ และคาร์โรลล์ ก็คงไม่ใช่นักเตะคนสุดท้ายที่จะถูกโละออกไปด้วยเหตุผลแบบนี้
เรื่องโดย "นนท์"