'อันเชล็อตติ' กับ เหตุผลแห่งความพ่ายแพ้ที่ 'คัมป์ นู'

ฟุตบอล : ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่ใครจะเดาแผนการเล่นของ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือคนเก่งของทีม ''ราชันชุดขาว'' เรอัล มาดริด ที่จะใช้ในเกม เอล กลาซิโก้ เมื่อตอนบ่ายวันเสาร์ได้ถูกต้อง

อาเซียร์ อิยาร์ราเมนดี้ กองกลางดาวรุ่งไม่มีชื่อลงเล่นในเกมกับ "ม้าลาย" ยูเวนตุส เมื่อกลางสัปดาห์ และในเกม เอล กลาซิโก้ คราวนี้ก็ยังไม่ได้ลงเล่นอีก สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือ การจัดทัพในแดนกลางที่ไม่มีกองกลางดาวรุ่งชาวสเปนอยู่ด้วยดูจะแปลกตาไปกว่าทุกครั้ง

ในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง อันเช่ เลือกที่จะใช้ ราฟาเอล วาราน ดาวรุ่งชาวฝรั่งเศสลงยืนจับคู่กับกองหลังจอมเก๋าอย่าง เปเป้ ทำให้ เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมต้องถูกดันขึ้นไปเล่นมิดฟิลด์ซะอย่างนั้น ในขณะที่ ดาเนียล การ์บาฆาล แบ็คขวาดาวรุ่งได้รับโอกาสในลงสนามก่อน อัลบาโร่ อาร์เบลัว ส่วน คาริม เบนเซม่า หอกจอมฝืดกลายเป็นผู้ต้องหลีกทางให้กับการกลับมาของ แกเร็ธ เบล ปีกร้อยล้าน

สุดท้าย ทีมเจ้าบุญทุ่มเป็นฝ่ายชนะ เกิดคำถามว่าเพราะเหตุใดการเลือกนักเตะลงเล่นของ อันเชล็อตติ จึงเป็นไปเช่นนั้นกรณีของ การ์บาฆาล อาจเข้าใจได้ว่า อันเช่ กลัวที่จะต้องส่ง อาร์เบลัว ลงเผชิญหน้ากับ เนย์มาร์ กองหน้าเทคนิคสูงของฝั่งบาร์ซ่า หลังจากที่ทั้งคู่เคยมีโอกาสพบกันมาแล้วในเกมทีมชาติ ศึกคอนเฟดเดอเรชั่น คัพ ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา

แม้ว่าจะไม่ได้สร้างความอันตรายทางฝั่งซ้ายให้ มาดริด ต้องหนักใจมากนัก แต่ เนย์มาร์ กลับเป็นผู้ยิงประตูแรกของเกมให้กับทาง "อาซูลกราน่า" ขึ้นนำคู่อริไปก่อน เห็นได้ชัดเจนว่าจังหวะที่ อันเดรส อิเนียสต้า จ่ายบอลสุดคมมาให้กับหัวหอกบราซิลนั้น การ์บาฆาล ปล่อยให้เหลือที่ว่างมากเกินไป และจะเข้ามาสกัดในภายหลังก็ยังเป็นการทำให้บอลแฉลบตัวเองเข้าไปกองอยู่ก้นตาข่ายแบบที่ ดีเอโก้ โลเปซ ได้แต่มองตามตาละห้อย

การส่ง เซร์คิโอ รามอส ขึ้นมายืนอยู่ในตำแหน่งมิดฟิลด์โดยหวังจะหยุดการเคลื่อนไหวจากแนวรุกของ บาร์เซโลน่า นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลนัก การโดนใบเหลืองตั้งแต่นาทีที่ 14 ของเกม ทำให้กัปตันทีมของมาดริดในเกมนี้ต้องเล่นอย่างระมัดระวัง จนในที่สุดกุนซือร่างตุ้ยนุ้ยต้องส่ง อิยาร์ราเมนดี้ ลงมาแทนในขณะที่ทีมตามอยู่ 0-1

แม้แต่ แกเร็ธ เบล นักเตะที่ค่าตัวแพงที่สุดในโลกยามนี้ก็ดูเหมือนจะเล่นไม่ออก จนในที่สุด อันเช่ เลือกที่จะส่ง คาริม เบนเซม่า ลงมาแทนที่ เกิดคำถามว่าปีกชาวเวลส์พร้อมสำหรับเกมนี้แล้วหรือจงได้ถูกส่งลงเล่นตั้งแต่นาทีแรก

ฝ่ายคู่แข่งจากแคว้นกาตาลันนั้น แผนการเล่นที่ เคราร์โด้ มาร์ติโน่ วางไว้ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ บาร์ซ่าอาจดูไม่เหมือนกับทีมจอมแกร่งที่เล่นบอลแบบ ติกิ-ตาก้า สวยงามอย่างช่วงสองสามปีที่แล้ว การโยนบอลยาวให้กับ เนย์มาร์ ยิงไปติดเซฟของ ดีเอโก้ โลเปซ พิสูจน์เรื่องนั้นได้เป็นอย่างดี

ลูกชิปของ อเล็กซิส ซานเชซ เป็นประตูที่อัศจรรย์และถูกที่ถูกเวลา พาพลพรรค อาซูลกราน่า ขึ้นนำ 2-0 และแม้มาดริดจะไล่มาได้ช่วงท้ายเกมก็ไม่ทันการ บาร์เซโลน่า เป็นฝ่ายชนะไปในที่สุด

การพ่ายแพ้ครั้งนี่ไม่ใช่หายนะของราชันชุดขาว หรือทั้งของ อันเชล็อตติ เวลายังเหลืออย่างพอเพียงที่จะรอให้พวกเขากลับเข้ามาสู่ฟอร์มการเล่นที่ดีได้อีกครั้ง การมีคะแนนอยู่ห่างจากคู่อริตลอดกาลเพียง 6 คะแนนไม่ใช่เรื่องใหญ่ ยังเหลือเกมอีกมากมายพอที่จะให้ยอดทีมจากเมืองหลวงแก้ตัว

การเปลี่ยนกุนซือของทั้งสองทีมเป็นไปพร้อมๆกัน แต่อาการบาดเจ็บของนักเตะราชันชุดขาวจะได้ทำให้อะไรๆ มันดำเนินไปช้ากว่าฝ่ายบาร์ซ่า อันเชล็อตติจะต้องมองไปข้างหน้า และภาวนาให้ ชาบี อลอนโซ่ หายจากอาการบาดเจ็บโดยเร็ว รวมถึงต้องภาวนาให้ แกเร็ธ เบล ปีกค่าตัวแพงของทีมกลับมาฟิตโดยไวด้วย

เหลือเวลาอีกมากกว่าที่ทั้งสองฝ่ายจะกลับมาพบกันอีกครั้งที่ เบร์นาเบว และก็เป็นโอกาสอันที่ อันเชล็อตติ จะค้นหาระบบการเล่นที่ลงตัวของทีมราชันชุดขาวให้เจอก่อนการชำระแค้นกันอีกครั้ง

บาร์เซโลน่า 2-1 เรอัล มาดริด