เรื่องเล่าขนหัวลุก ของเแข้งไทยพรีเมียร์ลีก

เรื่องเล่าขนหัวลุก ของเแข้งไทยพรีเมียร์ลีก

เรื่องเล่าขนหัวลุก ของเแข้งไทยพรีเมียร์ลีก
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วันที่ 31 ตุลาคมคือ "วันฮาโลวีน" วันแห่งตำนวนความเชื่อของชาวตะวันตกที่ถือเป็นวันปล่อยภูตผีปีศาจ ซึ่งแม้หลายคนมองว่าเป็นเรื่องทีไม่มีจริง แต่ก็มีอีกหลายคนที่ได้เห็นหรือได้สัมผัสกับสิ่งลี้ลับเหล่านี้ในรูปแบบต่างๆ นั่นก็รวมไปถึงเหล่านักฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ยังไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าผีมีจริงหรือไม่ แต่เรื่องราวที่จะได้ติดตามต่อไปนี้คือเรื่องน่าขนลุกที่เหล่านักเตะจากลีกสูงสุดเล่าให้กับ HIKICKER ฟัง ซึ่งแม้จะผ่านคืนฮันโลวันไปแล้ว แต่เชื่อว่าความน่ากลัวสยองขวัญคงไม่ได้ลดน้อยลงไปแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยนะครับ

"โรงแรมใหม่ โรงพยาบาลเก่า"
เรื่องเล่าจาก ปิยะชาติ ถามะพันธ์ (บางกอกกล๊าส เอฟซี)



"ตอนนั้นผมอยู่กับทีมเมืองทองฯ ต้องออกเดินทางไปแข่งกับศรีสะเกษ เอฟซี และเข้าพักที่โรงแรมในจังหวัดอุบลราชธานี รูมเมทผมคือโนบูยูกิ ไซเซน เราสองคนนอนคุยกันถึงเวลาประมาณตีหนึ่งจึงปิดไฟนอน ผมหลับไปได้สักพัก รู้สึกเหมือนมีมือมาลูบหัว ลูบช้าๆ จนรู้สึกตัวเลยเอามือปัด ซึ่งตอนเอามือไปปัดรู้สึกว่าสัมผัสมือที่ลูบหัวเราอยู่ด้วย ผมตกใจลุกขึ้นมาเปิดไฟ มองไปหาไซเซน ที่นอนอยู่อีกเตียงเขาก็หลับอยู่ปกติ เลยรู้แล้วว่าเจอดีเข้าให้แล้ว ทั้งคืนนอนไม่หลับเลย พอเช้ามาเล่าให้เพื่อนในทีมฟัง กลายเป็นว่าโคเน่ โมฮัมเหม็ด ก็เจอเหมือนกัน พอมาสืบประวัติของโรงแรมที่เราไปพักจึงรู้ว่าก่อนหน้านี้เคยเป็นโรงพยาบาลมาก่อน ผมถึงบางอ้อเลย เพราะก่อนหน้านี้ตอนนอนกลางวัน ผมกึ่งหลับกึ่งตื่น ลืมตาขึ้นมาเห็นสายน้ำเกลือระโยงระยางเต็มไปหมด เรียกได้ว่าประสบการณ์ครั้งนี้ทำเอาผมหลอนไปนานเลยครับ"

"เจอดีเพราะเล่นซ่อนหาในวัด"
เรื่องเล่าจาก วุฒิชัย ทาทอง (สุพรรณบุรี เอฟซี)




"ตอน 9 ขวบ ผมบวชเป็นเณรที่บ้านเกิดจังหวัดศรีสะเกษ วัดที่บวชเป็นวัดป่า ทำให้ตอนกลางคืนจะเงียบมาก เพราะรอบวัดเต็มไปด้วยต้นไม้ แต่ด้วยความซนตามประสาเด็ก จึงเล่นซ่อนหากับเณรที่บวชด้วยกัน ผมเองได้เป็นคนซ่อน ก็ไปหลบอยู่หลังกุฎิ ส่วนคนหาก็เดินหายไปอีกทาง ผมรออยู่สักพักใหญ่ ก็เห็นไฟตรงเข้ามาหา คิดว่าเป็นเณรที่กำลังเล่นกับเราแน่ๆ เลยกะจะไปจะเอ๋แกล้งให้ตกใจ ไฟดวงนั้นก็ค่อยๆ ตรงมาทางที่ผมอยู่ พอได้จังหวะ ผมก็กระโดดเข้าไปจะเอ๋เต็มที่ แต่แทนที่จะเป็นเณรที่เล่นซ่อนหาด้วยกัน กลับกลายเป็นดวงไฟสีแดงขนาดใหญ่ วูบๆ อยู่ตรงหน้าผม วินาทีนั้นตกใจมาก วิ่งป่าราบเลย ส่วนดวงไฟดวงนั้นเหมือนจะตกใจเหมือนกัน ลอยหายเข้าไปทางป่าช้า กับเหตุการณ์นี้หลวงพ่อที่วัดบอกว่าน่าจะเป็นของที่คนเล่นพวกไสยศาสตร์ปล่อยออกมา บอกตรงๆ ว่าแม้จะผ่านมายี่สิบกว่าปี แต่เหตุการณ์นี้มันยังติดตาผมอยู่จนทุกวันนี้"


"ก๊อก ก็อก ก็อก  เสียงสุดหลอน"
เรื่องเล่าจาก จักรพันธ์ พรใส (เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด)



 
"เรื่องนี้เกิดขึ้นกับคอนโดที่ผมเคยอยู่ ตอนย้ายเข้าไปเป็นห้องที่น่าอยู่มาก แต่คืนแรกก็มีเรื่องแปลกๆ เกิดขึ้น คือสักประมาณ 4 ทุ่มจะมีเสียงเคาะ ก๊อกๆ ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่ได้รู้สึกอะไร คิดว่าน่าจะเป็นเสียงจากห้องอื่นทำอะไรหรือเปล่า แต่เสียงมันดังตลอดเลยครับ จนถึงประมาณตี 3 ก็เงียบไป คืนที่สองก็เป็นอีก คราวนี้เริ่มหลอนแล้ว เพราะมันเป็นเวลาเดิมเลย 4ทุ่มถึงตี3 แต่รอบนี้มันดังหน้าห้องด้วย พอเราเปิดประตูออกไปก็ไม่มีใคร ผมเริ่มรู้สึกไม่ดี หลอนมาก แล้วเสียงเคาะก็ยังดังอยู่อย่างนั้น ก๊อกๆ สามครั้งแล้วก็เงียบ แล้วอีกสัก 2-3 นาที ก็ดังอีก ผมทนไม่ไหวเดินออกจากห้อง พอออกมาปรากฎว่าห้องข้างๆ ล็อคกุญแจหน้าประตูไว้หมด คือไม่มีใครอยู่ แล้วเสียงมันมาจากไหนล่ะ ผมสติแตกเลย ขนหัวลุก อยู่ไม่ไหวแล้ว เช้าวันต่อมาขนของย้ายห้องเลย อยู่ได้แค่สองวัน เรียกได้ว่าอยู่ต่อไม่ไหวจริงๆ หลอนมากๆ"


"โรงแรมสยองขวัญ"
เรื่องเล่าจาก ประกิต ดีพร้อม  (ทีโอที เอสซี)




"ปกติผมจะเป็นคนพกพระติดตัวอยู่ตลอด โดยเฉพาะเวลาที่ต้องออกไปแข่งต่างจังหวัด ที่ต้องไปนอนค้างตามโรงแรม แต่เมื่อปี2012 ที่เดินทางไปแข่งที่จังหวัดชัยนาท วันนั้นผมลืมเอาพระไปด้วย แต่ก็ไม่คิดอะไรมาก หลังจากฝึกซ้อมมาเหนื่อยๆ กินข้าว อาบน้ำ ก็ล้มตัวลงนอนด้วยความอ่อนล้า ซึ่งมานึกได้ตอนหลังว่าผมไม่ได้ขยับเตียงให้เปลี่ยนทิศทาง ซึ่งเป็นความเชื่อที่ทำมาโดยตลอด เรียกได้ว่าไม่ได้ทำอะไรเลยวันนั้น สวดมนต์ก็ไม่ได้ทำ เหนื่อยมากเลยหลับไป พอตกดึกเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออก เลยลืมตาขึ้นมา เห็นเงาดำๆ นั่งทับอยู่บนหน้าอก เห็นเต็มๆ เลย แต่มองไม่เห็นหน้าว่าหน้าตาเป็นยังไง ผมตกใจมาก พยายามจะลุกขึ้นหนี แต่กลายเป็นว่าขยับตัวไม่ได้ แล้วเขาก็อยู่อย่างนั้นไม่ยอมไปไหน เหมือนโดนผีอำ แต่มันหลอนตรงที่เห็นผีที่อำเราอยู่ต่อหน้าต่อตา ผมนอนสวดมนต์นานมาก หายใจเริ่มไม่ออก ตอนนั้นบอกเลยว่าเหมือนจะขาดใจตายให้ได้ ใช้เวลาเกือบ 10 นาทีกว่าจะดิ้นหลุด เล่นเอาหลังจากนั้นนอนไม่หลับเลยครับ ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางหรือวิญญาณแถวนั้น เพราะเราไม่ได้ใส่พระ ไม่ได้สวดมนต์ ไม่ได้ขยับเตียงตามความเชื่อที่เราทำตลอด เลยเจอดีเข้าให้ และนี่คือประสบการ์ณตรงที่ทำให้ผมเชื่อหมดใจว่าผีมีจริง"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook