เหตุการณ์ฉาวโฉ่ที่แม่กลอง
รูดม่านปิดฉากไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับศึกฟุตบอลฟุตบอลโตโยต้า ไทยพรีเมียร์ลีก 2013 นัดสุดท้ายของฤดูกาล
โดยทีมแชมป์อย่าง "ปราสาทสายฟ้า" บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ก็ได้ฉลองอย่างยิ่งใหญ่
ท่ามกลางแฟนบอลเต็มสนามนิวไอโมบาย สเตเดี้ยม หลังชัยชนะเหนือ "ฮัลโหล" ทีโอที เอสซี 2-1
เรียกได้ว่า นี่คือแชมป์ที่สง่างามที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะลูกทีมเฮียเนวิน สามารถหอบแชมป์มาครองชนิดไร้พ่าย แถมยังสามารถเอาชนะได้ทุกทีมในลีกอีกด้วย
และบนความสวยงามของการฉลองแชมป์ กลับมีเรื่องราวที่น่าหดหู่ใจของคำว่า "สปิริต" ที่เกิดขึ้นที่สนาม อบจ.สมุทรสงคราม
เกมระหว่าง สมุทรสงคราม เอฟซี พบกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี โดยฝั่งเจ้าบ้านต้องการแค่ผลเสมอ ก็จะอยู่รอดในลีกสูงสุดต่อไป ส่วนผู้มาเยือนไม่มีอะไรต้องลุ้นเพราะปลอดภัยต่อการตกชั้นไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลายคนเคยตั้งคำถาม ถึงเกมนี้ตั้งแต่ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นว่าจะมีการ "ซูเอี๋ย" เกิดขึ้นรึเปล่า เพราะอย่าลืมว่า แค่ผลเสมอท่านั้น ก็จะแฮปปี้ทันทีสำหรับเจ้าบ้าน
และก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ ทันทีที่ทีมจากเมืองโอ่ง ไล่ตามตีเสมอทีมเจ้าบ้าน ที่สกอร์ 2-2 ทางฝั่งทีมเยือนอย่างราชบุรี กลับไม่ยอมทำเกมบุกเพื่อหวังชัยชนะ!
ผู้เล่นของราชบุรี เคาะบอลไปมาอยู่ในแดนตัวเองร่วม 10 นาที ขณะที่สมุทรสงคราม ก็ไม่พยายามแย่งบอลคืนมาเล่น จนสุดท้ายเกมลงเอยด้วยผลเสมอ 2-2 สมใจแฟนๆ
ผู้เจ็บปวดอย่าง พัทยา ยูไนเต็ด ที่ถึงแม้ว่าจะบุกชนะ อินทรีเพื่อนตำรวจ 2-1 แต่สุดท้ายก็ไม่ดีพอต่อการอยู่รอด เพราะเหตุผลที่เจ็บปวดของผลการแข่งขันที่เมืองแม่กลอง
โผล่ไปในโลกโซเชี่ยล ต่างวิจารณ์ไปต่างๆนาๆ ถึงการกระทำของทั้ง สมุทรสงคราม เอฟซี และ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ที่บังเกิดขึ้นเมื่อวานว่า ไร้ซึ่งความเป็นมืออาชีพของคำว่า "ลีกฟุตบอลอาชีพ"
แม้ขนาดแฟนของ ราชบุรีเองก็ยอมรับว่า รู้สึกผิดหวังกับทีมที่ตัวเองตามเชียร์ ที่ไม่ต้องการเล่นเพื่อชัยชนะของทีม
ส่วนตัวผม เชื่อครับว่า คำว่า "สมยอม" ไม่พึงให้เกิดขึ้นในสนามฟุตบอล ของลีกที่กำลังจะพัฒนาไปสู่อนาคตที่ดีกว่าเก่า
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน ทำให้ผมคิดว่า ลีกของบ้านเรา ยังมีบางทีมที่ยังห่างไกลต่อคำว่า "ลีกอาชีพ" เหลือเกินครับ!!
เรื่อง : บ.ส้มซิ่ง