ย้อนรอย..แข้งแซมบ้าในพรีเมียร์

ย้อนรอย..แข้งแซมบ้าในพรีเมียร์

ย้อนรอย..แข้งแซมบ้าในพรีเมียร์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ณ ชั่วโมงนี้หากจะบอกว่าแข้งทีมชาติบราซิล คือกลุ่มนักเตะที่เนื้อหอมที่สุดในตลาดซื้อขายคงไม่ใช่เรื่องเกินจริงแต่อย่างใด

โดยเฉพาะทีมชุดโอลิมปิก 2012 ที่ผลัดกันเป็นข่าวหน้า 1 กับบรรดายักษ์ใหญ่ในยุโรปอย่างต่อเนื่อง

ตลอดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาบิ๊กทีมของพรีเมียร์ลีกถือว่าตกเป็นข่าวมากที่สุด

ที่ไม่น่าพลาดก็คงเป็น เชลซี ที่กำลังจะได้ ออสการ์ เพลย์เมกเกอร์หนุ่มจาก อินเตอร์นาซิอองนาล เป็นแข้งใหม่ในเร็ววันนี้

ฮัล์ค ก็เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของ "สิงห์บลูส์" แต่ด้วยราคาอันแพงหูฉี่ อาจทำให้ดีลนี้ส่อล้มเหลวและถูกยกเลิกไป

แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นอีกทีมที่กำลังมุ่งมั่นที่จะเจรจาดึงตัว ลูคัส มูร่า ปีกตัวกลั่นของ เซา เปาโล มาร่วมทีมให้ได้

เปาโล กานโซ่ ก็เป็นดาวเตะอีกรายที่ทาง อาร์เซนอล และ สเปอร์ส กำลังเกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ทว่าดีลทั้งหมดจะสมหวังหรือไม่ ไม่มีใครรู้ แต่ที่จะรู้ในวันนี้คืออดีตที่ผ่านมา แข้งแซมบ้าที่เลือกมาค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก มีใครดี ใครเหลว เราจะมาฟื้นความจำกันอีกครั้งครับ

เอดู (อาร์เซนอล 2001-2005)

แม้ว่าตลอด 4 ปีในถิ่น ปืนโต จะไม่ได้การันตีตำแหน่งตัวจริงมากนัก แต่ เอดู ก็ถูกยกให้เป็นหนึ่งในแข้งคุ้มของพรีเมียร์ลีก

กองกลางรายนี้ย้ายมาจาก โครินเธียนส์ ด้วยค่าตัว 6 ล้านปอนด์ ช่วงแรก เอดู มีอาการบาดเจ็บรบกวน ก่อนจะมาลงเกมแรกในฐานะตัวสำรองในเกมพบ เลสเตอร์ ซิตี้

แต่หลังจากนั้น เอดู ก็เริ่มเบียดแย่งเป็นตัวจริงได้มากขึ้นและมีส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ และ พรีเมียร์ลีก ระหว่างปี 2002 และ 2003

ที่สำคัญที่สุดเขาเป็นหนึ่งในทีมชุดไร้พ่าย ก่อนสุดท้ายไม่ต่อสัญญาและเลือกไปหาความท้าทายใหม่กับ บาเลนเซีย ในลา ลีกา

กิลแบร์โต้ ซิลวา (อาร์เซนอล 2002-2008)

เป็นอีกหนึ่งกองกลางชาวบราซิลที่ประสบความสำเร็จกับ อาร์เซนอล กิลแบร์โต้ ซิลวา คว้า 1 แชมป์พรีเมียร์ลีก และ 2 แชมป์เอฟเอ คัพ ตลอด 6 ปีกับสโมสร

อดีตดาวเตะของ แอต.มิไนโร่ ถือว่าเป็นกำลังสำคัญของทีมชุดไร้พ่าย เมื่อฤดูกาล 2003-04 ก่อนได้รับความไว้วางใจให้เป็นรองกัปตันทีมในปี 2006

กิลแบร์โต้ ซิลวา ถูกมองว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็นกัปตันทีมต่อจาก เธียร์รี่ อองรี แต่สุดท้าย อาร์แซน เวนเกอร์ กลับเลือก วิลเลี่ยม กัลลาส แทน

และจากการเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับ มาติเยอ ฟลามินี่ ทำให้สุดท้ายดาวเตะชาวบราซิล เลือกที่จะย้ายไปอยู่กับ พานาธิไนกอส

จูนินโญ่ (มิดเดิลสโบรห์ 1995-97, 2000, 2002-04)

ในเดือนตุลาคมปี 1995 มิดเดิลสโบรห์ ทำเรื่องประหลาดใจด้วยการคว้าดาวเตะจาก เซา เปาโล มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 4.75 ล้านปอนด์

เพลย์เมกเกอร์รายนี้ถูกยกให้เป็นตำนานของ เดอะ โบโร่ หลังยิงให้ทีม 34 ประตูจาก 154 นัด ช่วยให้ทีมทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในปี 1998

แม้ว่าจะพาทีมคว้าแชมป์ คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ และแชมป์โลก กับบราซิล จูนินโญ่ สามารถพา มิดเดิลสโบรห์ คว้าแชมป์ลีก คัพ ในปี 2004 ซึ่งถือว่าเป็นปีทองที่ดีที่สุดของเขา

ตลอด 7 ปีกับสโมสรแห่งนี้ จูนินโญ่ เล่นเกมเทสติโมเนียล แมตช์ กับ พีเอสวี ในปี 2011 ท่ามกลางแฟนบอล 20,000 คน ก่อนถูกยกย่องให้เป็นแข้งแซมบ้าที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก

ลูคัส เลว่า (ลิเวอร์พูล 2007-ปัจจุบัน)

ลูคัส เลว่า ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผลงานที่ไม่เอาไหน นับตั้งแต่ย้ายจาก เกรมิโอ มาร่วมทีมด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2007

กัปตันทีมชาติบราซิลชุดยู 20 ได้รับแรงสนับสนุนอย่างดีจาก ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือของทีม แม้ว่าจะมี 2 ฤดูกาลแรกที่น่าปวดตับ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่ ชาบี้ อลอนโซ่ ย้ายไปเรอัล มาดริด ในปี 2009 ลูคัส ก็ทำผลงานได้ดีจนเป็นที่ชื่นชอบจากแฟน ลิเวอร์พูล ได้รับเสียงโหวตให้เป็นผู้เล่นยอดเยี่ยมของสโมสรในฤดูกาล 2010-11

แต่จากอาการบาดเจ็บเข่าในเดือนพฤศจิกายน 2011 ทำให้เขาพลาดการลงสนามทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา จนทำให้ ลิเวอร์พูล มีผลงานที่ไม่ดีนัก สุดท้าย เคนนี่ ดัลกลิช ถูกไล่ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม

รามิเรส (เชลซี 2010-ปัจจุบัน)

คาร์โล อันเชล็อตติ ทุ่มเงิน 17 ล้านปอนด์ คว้าตัว รามิเรส เข้ามาแทนที่ของ มิชาเอล บัลลัค และ เดโก้ ที่เลือกเดินจากไปหลังพา เชลซี คว้าดับเบิลแชมป์ในฤดูกาล 2009-10

แม้ว่าจะออกตัวได้ไม่ดีนัก แต่อดีตดาวเตะของ เบนฟิก้า ก็พิสูจน์คุณค่าให้แฟนบอล "สิงห์บลูส์" ได้เห็นโดยก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักเคียงคู่กับ แฟรงค์ แลมพาร์ด และ มิกาเอล เอสเซียง

รามิเรส ยิงประตูแรกในเกมเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ กับ ลิเวอร์พูล รวมทั้งยังเป็นคนจัดการซัดประตูสำคัญที่ คัมป์ นู ทำให้ เชลซี หลุดเข้าไปชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนซิวดับเบิลแชมป์ได้อีกซีซั่น

อัลฟองโซ่ อัลเวส (มิดเดิลสโบรห์ 2008-2009)

นับเป็นอีกหนึ่งการเซ็นสัญญาที่น่าสนใจ หลัง มิดเดิลสโบรห์ ทุ่มเงิน 12 ล้านปอนด์ คว้าตัว อัลฟองโซ่ อัลเวส กองหน้าที่ยิง 48 ประตูให้กับ ฮีเรนวีน และซัดได้ 7 ประตูในเกมเดียวที่เจอ เฮราเคลส

เขาใช้เวลาถึง 9 นัดก่อนที่จะยิงประตูแรก แต่ก็มีฟอร์มที่น่าประทับใจในช่วงท้ายฤดูกาล หลังยิง 2 ประตูใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด และกระหน่ำแฮตทริกเหนือ แมนฯ ซิตี้ จนได้รับฉายา "โบโร่ โกล์ แมชชีน"

แต่ฤดูกาลต่อมาทุกคนต้องพากันส่ายหน้ากับผลงานของ อัลเวส 31 นัดยิงได้เพียง 4 ประตู และกลายเป็น 1 ในขุนพลของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่พา มิดเดิลสโบรห์ ตกชั้นเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี

เคลแบร์สัน (แมนฯ ยูไนเต็ด 2003-2005)

เคลแบร์สัน เป็นหนึ่งใน 5 นักเตะใหม่ที่เข้ามาสู่ แมนฯ ยูไนเต็ด ในปี 2003 โดยเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หวังในตัวนักเตะดีกรีแชมป์โลก 2002 ไว้สูง หลังเบียดเอาชนะ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในการแย่งลายเซ็นของเขา

"หนึ่งในเหตุผลที่เราปล่อย ฮวน เซบาสเตียน เวรอน เพราะเรารู้ว่าเราจะได้ เคลแบร์สัน ที่มีศักยภาพระดับสูงและเป็นหนึ่งในนักเตะพรสวรรค์" กุนซือชาวสกอตต์กล่าว

แต่อาการบาดเจ็บที่เข้ามาเล่นงานทำให้อดีตดาวเตะของ แอต.พาราเนนเซ่ ได้ลงสนามไปเพียง 16 นัด จาก 2 ฤดูกาลใน โอลด์ แทรฟฟอร์ด ก่อนถูกปล่อยตัวไปให้ เบซิคตัส ในฤดูกาลต่อมา

แม้ในพรีเมียร์ลีกจะมีฟอร์มที่แย่ แต่ เคลแบร์สัน ก็เป็นหนึ่งในนักเตะตัวหลักของทีมชาติ บราซิล มาโดยตลอด แชมป์ โคปา อเมริกา 2004, ฟีฟ่า คอนเฟเดอเรชั่นส์ คัพ 2009 และเป็นหนึ่งในขุนพลชุดฟุตบอลโลก 2010

มาริโอ ยาร์เดล (โบลตัน 2003-2004)

สถานการณ์เหมือน อัลเวส, มาริโอ ยาร์เดล ถูกคาดหวังว่าจะมีผลงานที่เปรี้ยงปร้างกับ โบลตัน หลังย้ายจาก สปอร์ติ้ง ลิสบอน มาในปี 2003

เทียบประวัติเก่าเจ้าตัวถือว่าเป็นกองหน้าที่สมบูรณ์แบบ ยิงกระจุยกระจายให้กับ วาสโก ดา กาม่า, เกรมิโอ, ปอร์โต้, กาลาตาซาราย และ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ก่อนถูก แซม อัลลาร์ไดซ์ ดึงมาเล่นในพรีเมียร์ลีก

เจย์ เจย์ โอโคชา, ยูริ จอร์เกฟฟ์ และ อิวาน คัมโป ทั้งหมดคือการเซ็นสัญญาที่ประสบความสำเร็จ แต่ ยาร์เดล เป็นเรื่องที่ตรงกันข้าม

เขาล้มเหลวในการพังประตู ยิงไม่ได้เลยแม้ว่าจะเป็นตัวจริงถึง 7 นัด รวมถึงอีก 3 เกมใน ลีก คัพ

โรบินโญ่ (แมนฯ ซิตี้ 2008-2010)

โรบินโญ่ คือแข้งระดับโลกรายแรกที่ แมนฯ ซิตี้ ซื้อเข้ามาสู่ทีมด้วยค่าตัว 32.5 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2008

เพียงแค่ 13 นาทีที่ลงสนาม โรบินโญ่ แสดงแสงแห่งความหวังให้กับ ซิตี้เซน ด้วยการยิงฟรีคิกให้ทีมขึ้นนำ เชลซี ก่อนผลิตสกอร์ได้ 12 ประตูจาก 19 นัด

ทว่าฟอร์มหลังจากนั้นกลับหดหาย 17 นัดที่เหลือ โรบินโญ่ ยิงประตูไม่ได้เลย ก่อนจะมายิงได้อีก 2 ประตูสำหรับฤดูกาลแรก

ซีซั่นต่อมา โรบินโญ่ ก็ยังหาฟอร์มเก่งไม่เจอทำให้ โรแบร์โต้ มันชินี่ กุนซือคนใหม่ตัดสินใจปล่อยให้ ซานโต๊ส ทีมเก่ายืมตัว ก่อนสุดท้ายถูกขายให้กับ เอซี มิลาน ทีมดังจาก อิตาลี

โรเก้ จูเนียร์ (ลีดส์ ยูไนเต็ด 2003)

แฟนบอล ลีดส์ เชื่อมั่นว่า ปีเตอร์ รีด กุนซือของทีมได้เซ็นสัญญานักเตะคุณภาพมาสู่ทีม หลังยืมตัว โรเก้ จูเนียร์ มาจาก เอซี มิลาน ในปี 2003

ดีกรีระดับแข้งแชมป์โลก และแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ทำให้ถูกคาดหวังไว้สูงสำหรับกองหลังวัย 27 ปี

แม้ว่าจะเคยปราบยอดกองหน้าของโลกอย่าง มิโรสลาฟ โคลเซ่, ดาวิด เทรเซเก้ต์ และ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ แต่ที่พรีเมียร์ลีกกลับประกบ พอล ดิกคอฟ ไม่อยู่ สุดท้าย ลีดส์ พ่าย เลสเตอร์ เละเทะ 0-4

โรเก้ จูเนียร์ ไม่ช่วยแถมยังเป็นภาระ โดนไล่ออก 3 ครั้ง เสีย 25 ประตูจาก 7 นัด สุดท้าย ลีดส์ ยูไนเต็ด ตกชั้นไปเล่นในเดอะ แชมเปี้ยนชิพอย่างน่าอดสู

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook