"ธอร์แกน อาซาร์" กับอนาคตที่อาจยิ่งใหญ่กว่าเอด็อง

"ธอร์แกน อาซาร์" กับอนาคตที่อาจยิ่งใหญ่กว่าเอด็อง

"ธอร์แกน อาซาร์" กับอนาคตที่อาจยิ่งใหญ่กว่าเอด็อง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ใครที่เป็นสาวก Football Manager 2011 ต่อยอดมาจนถึงภาค 2012 คงจะพอจำกันได้ว่า เอด็อง อาซาร์ สุดยอดเพลย์เมคเกอร์ของลีลล์มีน้องชายชื่อ ธอร์แกน อาซาร์ หนึ่งในดาวรุ่งระดับเทพ FM ที่ถ้าหากซื้อมาปลุกปั้นดีๆ คุณจะได้สุดยอดมิดฟิลด์ระดับเต้ยเข้ามาประทับอยู่ในทีมด้วยเม็ดเงินไม่กี่สตางค์เท่านั้นเอง

จากความฝันในโลกไซเบอร์ วันนี้ความฝันนั้นเหมือนขยับเข้าใกล้ความจริงมากยิ่งขึ้น เมื่อ เชลซี ยอดควักกระเป๋า ดึงน้อยชายของเอด็องจากล็องส์เข้ามาเสริมทีมฤดูกาลใหม่เป็นรายที่สองตามหลังพี่ชายแท้ๆของเขาเอง

ที่ล็องส์ พ่อหนุ่มน้อยวัย 19 ปีจากตระกูลอาซาร์ถูกจับให้เล่นในตำแหน่ง มิดฟิลด์ตัวต่ำทำหน้าที่ผ่านบอลอยู่หน้าแนวรับทั้งที่จริงๆแล้วตำแหน่งที่เขาถนัดที่สุดคือ ปีกหรือมิดฟิลด์เชิงรุก ทำได้ดีถึงขนาดที่อดีตโค้ชที่สร้างเขามาอย่าง โยฮัน บอสแคมป์ และเอริค แอสซาดูริยง ต้องออกมายกย่องรวมถึงพี่ชาติ เอด็อง ที่เชื่อว่าน้องชายของเขามีพรสวรรค์ที่พร้อมจะเติบโตขึ้นมาโด่งดังไม่แพ้ตัวเขาเอง

พรสวรรค์ที่ขั้นที่เชลซีต้องยอมลงทุนซื้ออนาคตด้วยเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เขาอายุได้ 5 ปีเริ่มเล่นฟุตบอลในระดับเยาวชนให้ สต๊าด ไบรอานอยส์ สโมสรเล็กๆที่มีออฟฟิศอยู่ห่างจากบ้านของครอบครัวอาซาร์ไปไม่เท่าไหร่ เขาฝึกทักษะเชิงลูกหนังทุกอย่างที่นี่จนอายุได้ 10 ปีก็เจริญรอยตามพี่ชายย้ายไปเล่นให้กับทีมที่ใหญ่กว่าอย่าง ทูบิซ

จากนั้นด้วยวัย 14 ปีชีวิตก็ดำเนินมาถึงจุดเปลี่ยนแรก เมื่อฝีเท้าของเขาเกิดไปเข้าตาแมวมองของล็องส์ สโมสรดังจากลีกเอิง ฝรั่งเศส และกราฟชีวิตก็ตามรอยเท้าพี่ชายอีกครั้งเมื่อได้ย้ายข้ามฟากมาเล่นอยู่ในเมืองน้ำหอม หลังจากได้รับอนุญาติจากครอบครัวที่รู้อยู่เต็มอกว่า การได้เดินทางไปเล่นอยู่ในฝรั่งเศสมันคือหนทางพัฒนาเท้าได้เร็วและดีกว่าจมปลักอยู่ในเบลเยียม

อีกสาเหตุหนึ่งที่ คุณพ่อ ยอดให้ลูกชาติทั้งสองไปอยู่ไกลบ้าน ส่วนหนึ่งก็เพราะทั้งลีลล์และล็องส์ เป็นสโมสรที่อยู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศสไม่ห่างไกลจากเบลเยียมมากนัก อีกทั้งวงการลูกหนังตราไก่ให้ความสำคัญกับระบบพัฒนาเยาวชนมากกว่าทางเบลเยียมอย่างเห็นได้ชัด

โดยเฉพาะระบบสร้างดาวรุ่งของล็องส์ที่ขึ้นชื่อเลืองชามานานแล้ว ดังจะเห็นได้จาก ธอร์แกน ก็เป็นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกับ ราฟาเอล วาราน สุดยอดเซ็นเตอร์แบ็กดาวรุ่งที่ถูกเรอัล มาดริด ทุ่มเงินซื้อไปร่วมทีมตั้งแต่เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว

ฝีเท้าของ ธอร์แกน พัฒนาไวมากด้วยวัยแค่ 17 ปีเขาก็ได้มีโอกาสเล่นในทีมชุดใหญ่ล็องส์เป็นนัดแรก แม้จะไม่ได้เล่นอย่างต่อเนื่องแต่ฤดูกาลนั้นธอร์แกนมีโอกาสลงสนามไปถึง 14 นัด เล่นในฐานะตัวจริงได้อีกถึง 6 เกมด้วยกัน

ถัดจากนั้นในฤดูกาล 201-12 ธอร์แกนเลื่อนขั้นขึ้นมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่เต็มตัวได้รับความไว้วางใจมากขึ้น เขาได้รับเสื้อหมายเลข 22

ธอร์แกน เชื่อมั่นใจศักยภาพที่ตนเองมีไม่ว่าจะเป็นการคอนโทรลบอล, จับบอล หรือพาบอลไปตัว เขามั่นใจว่าเขาจะทำได้ดีในบทบาทจอมทัพหมายเลข 10 และชอบที่จะเล่นฟุตบอลในสไตล์เปิดเกมรุกแบบตรงๆลุยไปข้างหน้า แต่นั่นก็ไม่ใช่สาระสำคัญเมื่อเขาพร้อมที่จะเล่นในทุกระบบทุกสถานการณ์ให้สมกับเป็นมืออาชีพตัวจริง

"เมื่อคุณเล่นในระบบที่ใช้กองหน้าคู่อยู่ข้างหน้าผม มันทำให้มีอิสระในการถ่างตัวเองอยู่ไปเล่นริมเส้นทั้งสองข้างน้อยลง แต่มันก็ง่ายขึ้นถ้ามองในแง่การเคลื่อนที่หาที่ว่าง หรือถอยต่ำลงมาปั้นเกมเองที่กลางสนาม มันสำคัญตรงที่การเคลื่อนที่ของกองหน้าว่าจะไปในทิศทางไหนและผมจะต้องทำอย่างไรมากกว่า" ธอร์แกน เผย

"จริงแล้ว ผมไม่ได้สนใจตรงนี้มากนัก ผมก็แค่อย่างเล่นฟุตบอลสไตล์เปิดเกมรุกตรงๆลุยไปข้างหน้า สร้างสรรค์เกมรุกเป็นหลัก และยิ่งถ้าหากคุณต้องเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุกที่ต้องคอยสนับสนุนกองหน้า คุณยิ่งต้องพยายามปรับตัวเองให้มากขึ้นตามไปด้วย"

นอกจากนี้ แอสซาดูริยง อดีตโค้ชของธอร์แกนในทีมล็องส์ เป็นอีกคนที่ออกมายกย่องถึงพรสวรรค์ของลูกศิษย์

"เขามีพรสวรรค์ เขาเป็นนักเตะที่สามารถปรับตัวเองให้ไปตามทิศทางของเกมได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ธอร์แกนเป็นนักเตะที่มีเทคนิคดีมาก แต่ถ้ามองในมุมของนักกีฬา เขายังดูขาดพละกำลังอยู่"

"เขาจำเป็นต้องค้นหาทางของตัวเองให้เจอ ตอนนี้เขาจะได้เจอเกมที่หนักขึ้นและเขาจะต้องกระตุ้นตัวเองให้มากขึ้น เขาคือนักเตะที่สามารถครีเอตเกมได้ เป็นตัวหลักให้กับนักเตะคนอื่นได้"

มันชัดเจนว่า ธอร์แกน เป็นนักเตะที่มีพรสวรรค์อยู่ในตัวสูงมาก แต่อุปสรรคที่เขาจะต้องเจอจากนี้ไปก็คือระดับความเขี้ยวของเกมพรีเมียร์ลีก ลีกที่ได้ชื่อว่าหินที่สุดในโลก มันคือความท้าทายที่ธอร์แกนจะต้องพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งว่าเขาจะสามารถอยู่รอดในอังกฤษได้หรือไม่

แม้นี่จะเป็นการได้เข้ามาอยู่ร่วมทีมเดียวกันของสองพี่น้องอาซาร แต่ในความเป็นจริงแล้วคงไม่ใช่ในระดัยเวลาอันสั้นแน่ที่เราจะได้เห็นทั้งคู่ลงไปโลดแล่นอยู่บนสนามแข่งขันเดียวกัน ธอร์แกนคงต้องใช้เวลาอัพเลเวลของตัวเองอีกสักระยะก่อนจะได้รับโอกาสแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวที่สแตมฟอร์ด บริดจ์

"ผมหวังว่าสักวันจะได้เล่นให้ทีมชาติพร้อมกับธอร์แกน มันคือความฝัน แน่นอนว่าจากนี้เราคงได้มีโอกาสคุยเรื่องฟุตบอลมากมายด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่คงไม่ใช่ในระยะเวลาอันสั้นนี้แน่" พี่ชายพูดถึงน้องชาย

ต้องเรียกว่านี่คือ ตระกูลแห่งฟุตบอลอย่างแท้จริง เพราะไม่เพียงเราที่ได้รู้จักกับ เอด็อง และธอร์แกน กันไปแล้ว แต่ถ้ามองย้อนไปถึงครอบครัวของพวกเขาถึงกับต้องอึ้ง เมื่อคุณแม่ แครีน เคยมีดีกรีเป็นศูนย์หน้าให้กับทีมฟุตบอลหญิงในระดับดิวิชั่น 1 เบลเยียม ขณะที่คุณพ่อ เธียร์รี่ เล่นหุตบอลในระดับกึ่งอาชีพในระดับดิวิชั่น 2

ขณะที่น้องอีกคนของเขาก็กำลังเจริญรอยตามพี่ชายอยู่ โดย คีเลียน ในวัย 16 ปีก็กำลังไต่ระดับอยู่ในระบบเยาวชนของลีลล์ แต่กับน้องชายคนเล็ก อีธาน ในวัย 7 ปีตอนนี้ยังไม่ได้ฉายแววให้ความสนใจในเกมลูกหนัง

และเราก็กำลังลุ้นว่า กับเส้นทางที่พี่ชายทั้งสามกำลังไล่ล่าความฝันอยู่ มันจะเป็นแรงผลักดันให้เจ้าหนูเกิดไฟอยากจะหันมาเอาดีทางด้านนี้เหมือนพี่ๆบ้าง..ไม่ช้าก็เร็ว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook