วิเวกวังเวงโอลิมปิก 4 ปีข้างหน้า
การจราจรเข้าขั้นจราจลเพียงใดในเย็นย่ำวันวาน แต่เมื่อเหตุผลเพราะคณะนักกีฬาไทย โดยมี "ฮีโร่" และ "ชีโร่" กลับถึงบ้านร่วมเฉลิมฉลองที่ห้างใหญ่ย่านสยาม งานนี้คนไทยยินดี
แต่ถ้าให้ดี "หลี่หมิง" แนะว่า "บราซิลเกมส์" ในอีก 4 ปีข้างหน้า ช่วยจัดเวลาถึงเมืองไทยช่วงค่ำ ๆ จะดีไม่น้อย
อาการ ถดถอยของเหรียญคณะนักกีฬาไทย ซึ่งเคยได้เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ 4 หนติดต่อกัน แต่ครั้งนี้ได้เหลือเหรียญเงินนั้น อย่าให้คราหน้าเหลือแค่เหรียญทองแดงก็แล้วกัลล์ล์ล์
"โกลเด้นบอล" แห่งสโมสรนักสู้ "ไทยรัฐ" เขียนไว้โดนใจ "หลี่หมิง" กับข้อความ "ถึงเวลาหรือยังกับการปฏิวัติผลัดใบในองค์กรโอลิมปิกไทยที่รุ่นอาวุโสอย่าง "พลตรีจารึก อารีราชการัณย์" เลขาธิการ หรือ ประธานใหญ่ "พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา" จะวางมือให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงมาทำงาน"
"หลี่หมิง" ให้ทรรศนะว่า เราใช้งานคนกีฬารุ่นเก่านานเกินไป จนน่าจะตกยกอย่างน่าเสียดาย เพราะไม่ได้วางตัวคนรุ่นใหม่ไฟแรงไว้แทนเลย
จะด้วยเหตุผล "หวงอำนาจ" หรือคิดไปเองว่า "ไม่มีใครดีกว่าตู" จึงเป็นปฐมเหตุฉุดให้วงการกีฬาไทยเข้าขั้น "บอนไซ"
ผลงานของ "แก้ว พงษ์ประยูร" ทำเอาสมาคมมวยสากลสมัครเล่นแห่งประเทศไทยฯ รอด พ้นการถูกจวกที่สื่อหลายสำนักที่เตรียมลับมีดไว้
อาการเสียดายกับความเป็นมือใหม่ และความผิดพลาดของทีมงานเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นผลที่แตกต่างพลิกผันระ หว่าง "เหรียญเงิน" กับ "เหรียญทอง"
แน่นอนว่า ย่อมถูกตำหนิ และเปิดแผลจากปริเล็กเลือดซึมเป็นแผลกว้างติดเชื้อบาดทะยัก
ถึงวันนี้ "เสธ.อ้าย"พลเอกบุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ประกาศโบกมือลาจากเก้าอี้นายกสมาคมฯ หลังจากได้เจอฤทธิ์การตัดสิน และการเมินเฉยของประธานไอบ้ากับพลพรรคที่เคยดูแลเลี้ยง ดูปูเสื่อ
"มันเหมือนกับเล่นลิเกโดยมีไอบ้าจัดฉาก" เป็นคำพ้อเปรียบเปรยจาก "เสธ.อ้าย" ซึ่งจริง ๆ แล้วน่าจะทราบสัญญาณอันตราย หรือ วงจรอุบาทย์ของวงการมวยตั้งแต่สมัยเป็น "เลขาธิการ" ยุค "เสธ.หนั่น"พลตรีสนั่น ขจรประศาสนตร์ เป็นนายกสมาคมฯ
เมื่อรับอาสาทำงานระดับโอลิมปิกเกมส์ย่อมต้องทำการบ้าน ศึกษา และรับมืออย่างครบวง จร จะเอ่ยอ้างเป็นข้อแก้ต่างมิได้เด็ดขาด
กับการชูนายกสมาคมมวยคนใหม่ ซึ่งชื่อของ "บิ๊กต้อม"ธนา ไชยประสิทธิ์ ถูกจุดจะเป็นด้วย คำถามนำของนักข่าวส่งถึง "บิ๊กจา"พลตรีจารึก อารีราชการัณย์ คีย์แมนกีฬารุ่นเดอะ
เรียนตรง ๆ ด้วยความเคารพว่า "เร็วเกินไปที่จะเอ่ย และยกเก้าอี้ให้ใคร" เพราะวันนี้ "เสธ.อ้าย" ยังไม่ได้ลาออกอย่างเป็นทางการ และไม่มีใครทราบว่า จะมี "ทายาท" หรือผู้ที่เหมาะสมกว่าหรือ ไม่
ที่สำคัญอย่าง "ยัดเยียด" ให้กับ "บิ๊กต้อม" ซึ่งช่วงก่อนหน้าถอยกรูดจากแรงทดสอบที่เสียด ทาน "บทแรก"
อย่าให้งานโอลิมปิกเกมส์เป็นแหล่ง "ทดลองงาน" ขอใครต่อใครอีกเลยขอรับ!!!
ส่วน "ยกน้ำหนัก" สอบตกซ้ำชั้นแม้จะชู "เสธ.ยอด"พลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย ทำงานในตำแหน่งนายกสมาคมฯอีก หากเป็นชาติอื่นคิดหรือไม่ว่าเค้าจะกล้ารับงานซ้ำอย่างไม่ทบทวนตัวเอง???
เท่า ๆ กับ "แบดมินตัน" ชื่อของ "อาจารย์เจริญ วรรธนะสิน" นายกสมาคมฯ ในความรู้สึกของนักกีฬาทีมชาติส่วนใหญ่ และสต๊าฟโค้ชเป็นอย่างไร ช่วยไปถามไถ่กันเอง
ถ้ายังไม่เปิดหูเปิดตา และเปิดใจ วงการกีฬาไทยจะมีแต่เหรียญทอง(แดง)ในอีก 4 ปีข้างหน้า บ๊าย ๆ ปู๊น ๆ ฉึกฉัก ๆๆๆๆ
เรื่องโดย "หลี่หมิง"