เดิมพันที่ผิดพลาด

อารมณ์ของ มันโช่ แอนด์ โค ที่ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว คงเหมือนกับการถูกหวยรางวัลที่ 1 สิบใบซ้อน ก่อนจะพบว่าเลขที่อยู่บนมือเป็นของงวดก่อนหน้าเท่านั้น

ขึ้นนำถึง 2 ครั้งแถมน่าจะปิดเกมจากการนำ 2-1 ในช่วง 5 นาทีท้าย แต่กลับโดนยิงแซง 2 ลูกรวด ก่อนกลับมาแพ้เฉยที่ 2-3 เป็นภาพที่คุ้นตาไม่น้อย เพียงแต่ครานั้นผู้โชคร้ายมีชื่อว่า เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ใช่ แมนฯ ซิตี้

ภารกิจแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 44 ปี เปรียบเสมือนวีซ่าที่ทำให้ มันชินี่ ได้นั่งนับเงินในถิ่นเอติฮัด สเตเดี้ยม ออกไป เพียงแต่เป้าหมายในซีซั่นนี้ ย่อมอยู่ที่การไปให้ไกลในเวทีชปล. หลังปีก่อนเข้ามาเสมอหน้าแค่ 6 นัดก่อนจะทิ้งตัวลงไปป้วนเปี้ยนใน ยูโรปา ลีก แทน

ไม่มีใครเถียงว่าพวกเขาอยู่ในกลุ่มมหาโหดโคตรโฉดกระโดดถีบ แต่ถ้าวัดจากชื่อชั้นนักเตะบวกกับดีกรีแชมเปี้ยนจากพรีเมียร์ลีก อีก 3 ทีมไม่เว้นแม้แต่ เรอัล มาดริด ก็คงรู้สึกเกรงใจพวกเขาไม่น้อยเหมือนกัน

การต้องออกซองด้วยการไปเยือนรังของ ราชันชุดขาว ย่อมเป็นมิชชั่นที่เกือบจะเป็นไปไม่ได้ตามมุมมองของคนนอก ซึ่ง อดีตหัวหอกหน้ามนของ ซามพ์โดเรีย ก็ตระหนักตรงจุดนี้ จนยอมถอนคันเร่งในเกมลีก เพื่อหันมาเน้นในเกมนัดนี้โดยเฉพาะ

การพัก ดาบิด ซิลบา ซึ่งเหมือนกับหัวใจในเกมรุกไม่ต่างจาก ยาย่า ตูเร่ ทำให้ เรือใบสีฟ้า ต้องกระเสือกกระสนกว่าที่จะตีเสมอ ช่างปั้นหม้อ ได้สำเร็จ ขณะที่ ฆาบี การ์เซีย และไมค่อน 2 แข้งใหม่ต่างสอบผ่านในเกมระดับนี้ จะยกเว้นก็แต่ สกอตต์ ซินแคลร์ ที่ยังต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์อีกนาน

มันชินี่ เลือกใช้ระบบ 4-4-1-1 ในเกมเยือนบริทาเนีย ซึ่งเป็นแผนเพลย์เซฟพอสมควร แต่กลับเลือกใช้แผน 4-3-3 ในแมตช์กับ เรอัล ซึ่งถือว่าค่อนข้างเสี่ยงพอสมควรกับทีมที่มีปีก 2 ข้างอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และอังเคล ดิ มาเรีย

แม้แผนทำท่าว่าจะไปได้สวยในช่วงแรก ที่ แกเร็ธ แบร์รี่ ไล่ตัดเกมร่วมกับ การ์เซีย แบบสูสี แต่ยิ่งนานเข้ายิ่งเห็นชัดว่าพวกเขาเริ่มตามสปีดของ มาดริด ไม่ทัน ยิ่งช่วงที่ มูรินโญ่ เลือกส่ง โอซิล, เบนเซม่า และโมดริช ลงมาเกือบพร้อมๆ กันนั้น

ถ้าสามารถจับหัวใจของแข้ง แมนฯ ซิตี้ มาวัดอัตราการเต้นเป็นรายตัวได้ ทั้งหมดคงอยู่ในอาการผวาเป็นแน่ เพราะ แบร์รี่ เริ่มอ่อนแรงลงไปตามอายุที่เลยหลัก 3 ไปแล้ว ขณะที่ การ์เซีย ก็ติดไข้เหลืองจนไม่กล้าอัดหนักๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตูเร่ ผู้น้อง ที่ปั้นเกมจนไร้เรี่ยวแรงที่จะมาเล่นเกมรับไปแล้ว

ลูกทีมของ เฮียเครียด เลยพร้อมใจกันเติมขึ้นมาบุกแบบไม่มีอะไรจะเสียทันทีหลังโดนนำ 1-2 ในช่วง 5 นาทีท้าย ซึ่งก็นำมาซึ่งประตูตีเสมอ จากอาการแข้งขาอ่อนของนักเตะ เรือใบสีฟ้า นั่นเอง ยิ่งประตูสุดท้ายจากปลายเท้าของ โรนัลโด้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าทำไมจึงปล่อยให้ ก็องปานี ต้องรับมือกับ 1 ในนักเตะที่ดีที่สุดของโลกเพียงลำพัง

เงินหลายร้อยล้านปอนด์ที่ มันชินี่ ทุ่มซื้อนักเตะมาเสริมทัพล้วนแล้วแต่หมดไปกับตำแหน่งกองหน้าและกองกลาง แต่ไม่ได้เหลียวแลตำแหน่ง เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ที่เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญของแมตช์นั้นๆ แม้แต่น้อย ก็องปานี ขาดคู่ขาที่จะคอยสนับสนุนและช่วยเหลือ ทำให้เขาต้องวิ่งลิ้นห้อยในทุกๆ เกมเพื่อคอยอุดช่องโหว่ไม่ว่าจะทั้ง เลสค็อตต์ หรือ นาสตาซิส ทิ้งไว้ จนเสียไปแล้ว 10 ประตูจาก 6 นัด

เดิมพันที่คิดจะเปิดเกมรุกบุกแหลกโดยไม่สนใจหลังบ้านของ มันโช่ เริ่มจะมีข้อผิดพลาดให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะครับ

เรื่องโดย "มะงิ้ง"