"บอลไทย" ยังไง?

"บอลไทย" ยังไง?

"บอลไทย" ยังไง?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ไม่กี่วันที่ผ่านมาข่าวฉาวในวงการฟุตบอลไทยที่แม้มาจากลีกรองอย่าง "เอไอเอสลีก" หรือที่ติดหู กันอย่าง "ดิวิชั่น 2" ของไทยกลายเป็น "ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์" ไปเป็นที่เรียบร้อย

กับกรณีวิวาทและจ้องทำร้ายผู้ตัดสินในเกมการแข่งขันระหว่าง ระยอง ยูไนเต็ด พบ อาร์แบค บีอีซี เทโรศาสน ที่มีภาพเหตุการณ์ตั้งแต่จังหวะก่อนเกิดเหตุ จนลุกลามใหญ่โตกลายเป็นภาพสุด

ทั้งการออกอาวุธจากอารมณ์โกรธของผู้เล่นด้วยกัน รวมถึงจังหวะวิ่งไล่ทำร้ายผู้ตัดสินของนักเตะเจ้าบ้าน และแม้ว่าจะมีการตัดสินโทษจากทางฝ่ายควบคุมการแข่งขันออกมาแล้วก็ตาม แต่การพูดถึงเรื่องนี้ยังมีอย่างต่อเนื่อง พร้อมคำถามที่มีขึ้นในใจคอลูกหนังบ้านเราทุกหมู่เหล่าว่า "ฟุตบอลไทย พัฒนาไปจริงแล้วหรือยัง?"

"บอลไทยไปมวยโลก", "ถ้าฟุตบอลไทยไปบอลโลก ชาติอื่นคงไปเล่นบอลจักรวาลกันหมดแล้ว" หรือ "เกียรติประวัติสูงสุดของฟุตบอลทีมชาติไทยคือแชมป์ซีเกมส์ หลายสมัย" คำพูดเหล่านี้ผมถือเป็นคำสบประมาทวงการลูกหนังเมืองไทยทั้งสิ้น

เพราะผมเชื่อคำขวัญประเภท "คนไทยถ้าคิดจะทำอะไร ก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก" มากกว่าครับ ผมเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ไม่ว่าจะเชื้อชาติใดก็ตาม ล้วนมีคำว่า "พัฒนา" และ "วิวัฒนาการ" อยู่ในจิตใต้สำนึก จิตไร้สำนึก หรือจิตใจกันทั้งนั้น ไม่มีใครที่ยอมแพ้ไปตลอด ไม่มีใครอยากยอมอยู่กับที่ไปเรื่อยๆ

หรือไม่มีคนไทยคนไหนไม่อยากเห็นความสำเร็จของทีมฟุตบอลไทยอย่างแน่นอน แต่เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น ก็ยังหาคำตอบไม่ได้เสียที่ว่าเมื่อใด "พี่ไทย" จะก้าวไกลในวงการลูกหนังโลก

ตัวผมเองอาจจะไม่ใช่นักข่าวสายฟุตบอลไทยที่เชี่ยวชาญในเรื่องของข้อมูลวงการลูกหนังไทยเท่าใดนัก อย่างไรก็ตามหนึ่งโอกาสที่ผมได้รับคือการได้ไปติดตามการแข่ง "ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป" หรือ "ยูโร2012" ที่ประเทศโปแลนด์ เมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ผมยอมรับว่าต่างชาติมีมากกว่าไทยเรานั่นคือเรื่องของความเป็น "มืออาชีพ" ครับ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น สตาฟฟ์โค้ช หรือแม้แต่กองเชียร์เอง ในวงการลูกหนังโลกที่ยังมีข้อโต้เถียงระหว่าง มนต์เสน่ห์การใช้ผู้ตัดสินที่เป็นคน กับการเตรียมเปลี่ยนวิถีมาใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่าง โกลไลน์ฯ หรือ ฮอว์คอาย

แต่ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่ปัจจุบันและอดีตที่ผ่านมาคือสิ่งที่ยืนยันว่า ต่างชาตินั้น "ยอมรับ" มากกว่าจะต่อต้านครับ และคำตัดสินของผู้ตัดสินคือสิ่งชี้ขาดในเกมการแข่งขันจริงๆ

ผมยกตัวอย่างง่ายๆ ครับเอาเกม "แดงเดือด" ล่าสุดที่ ลิเวอร์พูล เปิดบ้านพ่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมอริตลอดกาลด้วยสกอร์ 1-2 คนทั้งโลกรู้ครับว่า มาร์ค ฮัลซี่ย์ ผู้ตัดสินในเกมดังกล่าวถูกครหามากมาย

จากทั้งกรณีให้ใบแดง จอนโจ้ เชลวี่ย์ ห้องเครื่อง "หงส์แดง" ที่เห็นกันอยู่ว่าโดน "น้องจ้อน" จอนนี่ อีแวนส์ กองหลังคู่แข่งสไลด์ขาคู่ใส่แท้ๆ แต่สุดท้ายตัวเองกลับโดนใบแดง หรือแม้แต่จังหวะได้จุดโทษที่สุดท้ายเป็นประตูชัยของทางฝั่ง "ผีแดง" ต้องบอกว่าค้านสายตาคนดูทุกผู้ดีจริงๆ

อย่าว่าแต่กับบรรดา "เดอะ ค็อปส์" เลยครับ แฟน "ผีแดง" บางคนยังพูดเองด้วยซ้ำว่ามัน "น่าเกลียดเกินไป" แต่สุดท้ายก็ไม่มีปัญหาใดตามมานี่ครับ เมื่อคำตัดสินออกมา ทุกอย่างถือว่าได้ข้อสรุป และทุกคนยอมรับ หากมันเป็นความอยุติธรรมก็ไปว่ากันในขั้นต่อไป มากกว่าจะทำตัวเป็น "ศาลเตี้ย" ที่พร้อมจะตัดสินโทษใครต่อใครโดยไม่คิดถึงสิ่งที่จะตามมา

ยิ่งได้ฟังคำสัมภาษณ์ของผู้จัดการทีมระยอง ยูไนเต็ด ที่บอกว่าตลอดทั้งเกม ผู้ตัดสินเป่าเข้าข้างทีมเยือนแบบน่าเกลียดหลายต่อหลายครั้ง ทำให้ลูกทีมของตัวเองคุมอารมณ์ไม่อยู่ จึงเป็นที่มาของเหตุการณ์ดังกล่าว ยิ่งไม่ใช่ข้อแก้ตัวครับ ผมมองว่ามันเป็นคำพูดที่ดูจะไร้ความรับผิดชอบด้วยซ้ำไป

เพราะหากมองกันตามจังหวะแล้ว หากไม่เกิดเรื่องดังกล่าวขึ้น เมื่อกองหน้าของ อาร์แบค เจตนาทำร้ายผู้รักษาประตูของ ระยอง ยูฯ นั่นหมายความว่าในอีกไม่กี่วินาทีต่อจากนั้น ต้องมีใบแดงจากเจตนา "แถม" ของหอกรายนั้นตามมาอยู่แล้ว

แต่มันดันกลายเป็นนายทวารคนนั้นลุกขึ้นมาง้างหมัดใส่คู่กรณี ซึ่งจริงๆ แล้วเรื่องมันก็คงจะสิ้นสุดไป เมื่อทั้ง 2 คนถูกใบแดงไล่ออกจากสนามทั้งคู่ แต่กิริยาของผู้รักษาประตูที่พยายามพุ่งเข้าทำร้ายผู้ตัดสิน รวมถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดตามมาจากนั้น พูดได้คำเดียวว่า "อุบาทว์สุดๆ"

ผมอยากให้คุณผู้อ่านทั้งหลายลองนึกภาพตามนะครับทั้งกรณี "แฮนด์ ออฟ ก็อด1" ของ ดีเอโก้ มาราโดน่า, "เฮนด์ ออฟ ก็อด2" ของ เธียรี่ อองรี, 2 เหตุการณ์เหยียดผิวของ หลุยส์ ซัวเรซ-ปาทริช เอวร่า และจอห์น เทอรี่-แอนทอน เฟอร์ดินานด์ หรือแม้แต่ "เฮดบัทพิฆาต" ของ ซีเนอดีน ซีดาน ในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก2006

เรื่องเหล่านี้มีมูลเหตุและผลกระทบที่ตามมาหนักหนาสาหัสมากกว่าทั้ง 2 ทีมมากมายนักครับ มันถูกที่ยามลงทำการแข่งขันผู้เล่นต้องมุ่งมั่นและตั้งใจเต็มที่กับการเล่น และผมไม่เคยเห็นว่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่ผมเอ่ยมาจะจบลงด้วยการวิวาทแบบที่บ้านเรามีเลยครับ

และการกระทำที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่นักกีฬา มันคือ "นักเลง" หรือ "อันธพาล" ดีๆนี่เองครับ ซึ่งมันเกิดขึ้นบ่อยครั้งกับวงการลูกหนังไทยเรา จนเดี๋ยวนี้ลองไปถามคนดูฟุตบอลนอกว่า ทำไมไม่ดูบอลไทยบ้าง ก็จะได้คำตอบเดียวกันว่า "ดูไปทำไม เดี๋ยวมันก็ด่อยกัน"

ผมเคยนั่งคุยกับนักฟุตบอลที่ลงเล่นในลีก "ดี2" ของบ้านเราคนหนึ่ง คงไม่ต้องบอกหรอกครับว่าเป็นใคร สังกัดทีมอะไร เขาบอกกับผมว่าระบบลีกบ้านเรา โดยเฉพาะลีกรองในปัจจุบัน อยู่ในขั้น "ห่วยแตก" ถึง "โคตรห่วย" เพราะนอกจากปัญหาในสนามที่เกิดขึ้นให้ได้เห็นกันบ่อยครัง

ปัญหานอกสนาม หรือปัญหาภายในทีมก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย บางทีมไม่จ่ายเงินเดือนนักเตะเป็นชาติ บางทีมยามไปลงเล่นในบ้านถึงกับพกปืนเข้าไปขู่คู่แข่งว่า "มึงเล่นเก่งนักหรอ" อะไรทำนองนี้ นี่คร่าวๆ ทั้งนั้นนะครับ

เพราะในหน้าฉากที่สวยงามว่าฟุตบอลไทยกำลังพัฒนาเป็นหนึ่งในสุดยอดลูกหนังของเอเชีย แต่เนื้อในเน่าเหม็นและฟอนเฟะจนยากจะแก้ไขหรือเยียวยาในทุกกรณี นี่เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำไมผมถึงยังไม่เลือกเชียร์ทีมไหนในไทยลีก เพราะมันไม่มีทีมไหนที่ถูกใจจริงๆ สนุกจริงๆ หรือมีความสุขกับการนั่งชมจริงๆ ไงครับ

หลายคนอ่านแล้วอาจกลับไปสบถในใจใส่ผมว่า "เรื่องของมึง" ใช่ครับมันเป็นเรื่องของผม แต่ผมสงสารกองเชียร์ที่เขาเชียร์ทีมในไทยลีกอย่างจริงจัง เชียร์ด้วยใจรัก และหวังจะได้เห็นความสำเร็จของทีมตัวเองมากกว่าครับ

หากมองลงไปในดวงตาของเขาเหล่านั้น มันจะมีประกายความหวังว่าทีมรักของพวกเขาจะมีส่วนสร้างชื่อให้จังหวัด อำเภอ ตำบล เขต หรือหมู่บ้านของเขาเป็นที่รู้จักของคนทั้งประเทศ ผมอยากให้คนทำทีมฟุตบอลทั้งหลายในบ้านเราคิดถึงคนพวกนี้บ้างครับ

อย่ามัวแต่คิดถึงเรื่องผลประโยชน์ของตัวเอง หรือหน้าตา ชื่อเสียง เพราะตราบใดที่คนไทยยังไม่เอาใจคนไทยไปใส่ใจคนไทยด้วยกันเอง ผมมั่นใจครับว่าคงยากทีเดียวที่จะทำให้ประเทศไทยเราขยับขึ้นมาโดดเด่นในทวีปเอเชียได้

เอาแค่ทวีปให้ได้ก่อน ระดับโลกเลิกมองเถอะครับ "ไร้สาระ" สุดท้ายแม้บทลงโทษที่เกิดตามมาจะดูรุนแรง แต่มันจะ "ศักดิ์สิทธิ์" หรือไม่นี่สิครับ น่าติดตามกว่า

เปลี่ยนทัศนคติกันซะทีเถอะครับ ผมขอร้องในฐานะคนไทยด้วยกันเอง

เรื่องโดย "อธิคม  ภูเก้าล้วน"

ระยอง ยูไนเต็ด พบ อาร์แบค - บีอีซี เทโร ศาสน

แฟนบอลนครปฐม

ท่าเรือ - เมืองทอง

บางกอกกล๊าส เอฟซี - บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook