ฟุตบอล : คากาวะ...ของจริง?
ฟุตบอล : โบราณบอกว่า ระยะทางพิสูจน์ม้าว่าเป็นยอดอาชาได้ฉันใด กาลเวลาก็สามารถพิสูจน์ความเป็นยอดคน ได้ฉันนั้น แต่เวลานานเท่าไหร่คือคำถามต่อไปที่บังเกิดขึ้น ชินจิ คากาวะ
เป็นอีกหนึ่งขุนพลที่ ''เฟอร์กี้'' มองพลาดหรือเปล่า ดาวเตะซามูไรผู้นี้คือของจริงหรือไม่ คงไม่พ้นเวลาที่จะเป็นเครื่องมือพิสูจน์ความเป็น ''ปีศาจซามูไร'' ของเจ้าตัว
เกมฟุตบอล พรีเมียร์ลีกขบวนล่าสุด เคลื่อนผ่านสัปดาห์ที่ 7 มาเรียบร้อย แต่เพียงแค่ 7 สัปดาห์ ก็เริ่มแฟนบอลความอดทนต่ำบางคนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มตั้งคำถามให้เห็นผ่านตาแบบประปรายแล้วว่า ชินจิ คากาวะ จอมทัพเลือดซามูไร เจ้าของค่าตัว 16 ล้านปอนด์ ที่อุตส่าห์ไปเอาตัวมาจาก "เสือเหลือง" นั้น เป็นของจริงหรือไม่
ใช่คนเดียวกับที่เขาซูฮกว่าเป็นฟันเฟืองชิ้นสำคัญที่ทำให้ ดอร์ทมุนด์ คว้าถาดแชมป์บุนเดสลีกามาครองได้ถึงสองสมัยจริงหรือเปล่า
ลองมาดูผลงานในช่วงที่เพลย์เมกเกอร์จากแดนอาทิตย์อุทัยผู้นี้กำลังสร้างชื่อในดินแดนแห่งเบียร์และไส้กรอกกันเสียหน่อย ชินจิ ลงเล่นให้ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ 71 นัด ทำไป 29 ประตู ภายใน 2 ฤดูกาล
ต้องบอกว่าบุรุษชาวเอเชียผู้นี้คือตัวหลักในความรุ่งเรืองในช่วง 2 ปีอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นหัวใจในเกมรุก เป็นคนขับเคลื่อนทีม ให้อาจหาญผงาดขึ้นมาท้าทายมหาอำนาจแห่งเยอรมัน อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ได้อย่างถึงแก่น และเห็นได้ชัดเจนเลยว่า การไม่มีจอมทัพซามูไรคอยบัญชาเกม "เสือเหลือง" ระส่ำระสายแค่ไหนในซีซั่นนี้
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นดั่งกล่องดวงใจของ ดอร์ทมุนด์ คากาวะย้ายมาอยู่ในรัง "ปีศาจแดง" ที่ที่อุดมไปด้วยนักเตะแนวหน้า ที่ที่ทุกตำแหน่งต้องขับเคี่ยวเพื่อแย่งพื้นที่ 11 ตัวจริงอย่างเอาเป็นเอาตาย หัวใจในเกมรุกของ แมนฯ ยูไนเต็ด ย่อมไม่มีทางจะเป็นนักเตะหน้าใหม่อย่าง คากาวะ แน่นอน
ฉะนั้นการที่บอลจะไม่ได้ถูกส่งมาให้เขาทำเกมมากเหมือนที่ ดอร์ทมุนด์ ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แห่งนี้ ทำเกมรุกด้วยปีกมาหลายทศวรรษ สตาร์ในตำแหน่งปีกของ "เฟอร์กี้" มีอยู่ให้เห็นอยู่หลายคน แม้ไม่ต้องเอ่ยนาม หลับตานึกก็คงเห็นหน้ากันอยู่ ดังนั้นการที่เพลย์เมกเกอร์คนเดียวจะเข้ามาเปลี่ยนเอกลักษณ์ และรูปเกมคงต้องอาศัยการปรับเปลี่ยนพอดู
ไม่ใช่แค่แผนการเล่น แต่ตัว คากาวะ เองก็บอบบางเกินกว่าจะลุยในฟุตบอลในแดนผู้ดีที่เน้นกำลังเป็นหลัก เรื่องนี้เป็นจุดด้อยสำคัญ ที่แม้แต่เจ้าตัวเองก็รู้ดีมาตลอดในช่วงที่ได้ลงสนามสัมผัสดู แต่นี่คือเรื่องที่พัฒนากันได้ แม้จะไม่ใช่ในเร็ววัน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แต่สิ่งที่ต้องปรับเปลี่ยนอย่างจริงๆ จังๆ คือสไตล์การเล่น คากาวะ ชอบทำเกมด้วยการหันหลังให้ประตู เป็นคนคุมจังหวะเกม และเป็นมิดฟิลด์ตัวเก็บบอลชั้นเยี่ยม แต่การทำเกมที่ต้องอาศัยการเข้าทำเร็วในอังกฤษ ดูจะทำให้เจ้าตัวต้องเปลี่ยนจังหวะการออกบอลที่ถนัด แถมยังมีบัญชาการออกมาแล้วว่าให้ ชินจิ หันหน้าเข้าประตู แล้วบุกเข้าไปในพื้นที่อันตราย แล้วทำตัวให้ร้ายกาจขึ้นกว่านี้
แน่นอน "ชินจัง" ยังมีการจ่ายบอลที่แม่นยำเป็นอาวุธเหมือนเดิม หากแต่การเคลื่อนที่ของเพื่อนร่วมทีมที่นี่ไม่เหมือนที่เก่า ทำให้การออกอาวุธของ คากาวะ แสดงพิษสงแทบนับครั้งได้ใน 1 เกม ซึ่งมันอาจไม่อันตรายพอจะเป็นอาวุธของ "อสูรสามง่าม" จะหยิบมาทิ่มแทงคู่ต่อสู้
การเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา แม้แต่ตัว เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เอง ยังยอมรับโดยสดุดีว่า "การปรับตัวให้เข้ากับฟุตบอลอังกฤษนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ " การที่ท่านเซอร์ส่งคากาวะลงในเกมสำคัญๆ ของ ยูไนเต็ด ทุกนัด เป็นเครื่องหมายแสดงว่า บรมกุนซือผู้นี้ ยังให้โอกาสเงินจำนวน 16 ล้านปอนด์ ที่ควักจ่ายไป ได้ทำงาน
แม้ส่วนใหญ่ คากาวะ แทบไม่เคยได้เล่นให้ แมนฯ ยูฯ เต็ม 90 นาที แต่อย่างน้อยเมื่อมีเจ้าตัวในสนาม ก็ทำให้มีกลยุทธ์ในการพาบอลไปสู่ก้นตาข่ายของ "ปีศาจแดง" มีมากขึ้น จอมทัพทีมชาติญี่ปุ่นทำผลงานในสีเสื้อ "อสูรแดง" ได้ไม่เปรี้ยงปร้างกระแทกตาแต่ก็นับว่าไม่น่าเกลียด แม้จะไม่ทันใจของแฟนบอลหลายคน
หากแต่ปัญหาใหญ่ของ คากาวะ ดูจะไม่ใช่เรื่องสไตล์ หรือรูปร่าง หากแต่เป็นตำแหน่ง ด้วยความที่ไม่ได้มีความเร็วพอจะไปเป็นปีก ร่างกายไม่ได้บึกบึนพอจะไปยืนตัดเกมในแดนกลาง ทำให้จุดถนัดของเจ้าตัวคือการยืนหลังกองหน้าตัวเป้า ซึ่งในที่นี้คงไม่พ้น โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ดาวยิงทีมชาติฮอลแลนด์ ที่เพิ่งคว้าตัวมาล่าตาข่ายในซีซั่นนี้ แต่สตาร์อันดับหนึ่งของทีม "อสูรแดง" หาใช่ โรบิน แต่เป็น เวย์น รูนีย์ ผู้พิสมัยในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวต่ำเช่นกัน
ช่วงก่อนหน้านี้ รูนีย์ บาดเจ็บ คากาวะ เป็นตัวเลือกอันดับ 1 ของ "เฟอร์กี้" ในการส่งลงไปยืนหลัง "อาร์วีพี" แต่เมื่อดาวเตะ "สุกรโลกันต์" กลับมาแล้ว จึงการบ้านในให้ "ป๋า" เอาไปก่ายหน้าผากลองผิดลองถูกดู ว่าจะลองใช้กองหน้าตัวต่ำ 2 คน หรือจะใช้กองหน้าคู่ และตัวทำเกมอีกคน หรือจะเอาเงิน 16 ล้านไปวางที่ม้านั่งสำรอง
''คากาวะ เป็นของจริงหรือเปล่า คงไม่มีใครตอบคำถามนี้ได้ดีเท่าเจ้าตัวเอง ว่าจะมุ่งมั่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด แล้วทำให้ตัวเองกลายเป็นของจริง สำหรับ "แฟนผี" ได้หรือเปล่า โอกาสและเวลาสำคัญก็จริง แต่ความพยายามไม่ให้โอกาสเสียเปล่าก็สำคัญไม่แพ้กัน
ซึ่งส่วนตัวผมแล้ว เลือดของชาวอาทิตย์อุทัยไม่ใช่คนที่จะยอมแพ้กับกำแพงแค่นี้ เชื่อเหลือเกินว่า หาก เซอร์ อเล็กซ์ ยังคงให้โอกาส ชินจิ อย่างต่อเนื่อง ฉายา "ซามูไรปีศาจ" จะเป็นของเจ้าตัวอย่างภาคภูมิแน่นอน''
เรื่องโดย "FIATTA"