ฟุตบอล : หน้าด้าน หน้าทน
ฟุตบอล : ความจริงแล้ว ผมว่าจะไม่เขียน หรือ แสดงความคิดเห็นใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของ "สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ" อีกแล้ว
เพราะเขียนไป นอกจากจะไม่มี "ประโยชน์" เปรียบประมาณการเล่นเครื่องดนตรีไทยชนิดหนึ่งให้กับสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีพระคุณยิ่งต่อชาวนาหรือเกษตรกรไทยได้ฟังแล้ว
วันดีคืนดี สิ่งที่ผมเขียน หรือ แสดงความคิดเห็นออกไป ด้วยเจตนาที่ "บริสุทธิ์" ต้องการจะได้เห็นการทำงานแบบ "บูรณาการ" เพื่อความเจริญก้าวหน้าของสมาคมกีฬาดังกล่าว และวงการฟุตบอลเมืองไทยแล้ว อาจจะกลายเป็น "บูมเมอแรง" ย้อนกลับมาสู่ตัวผม และองค์กรต้นสังกัดของผมในรูปแบบของ "หมายศาล" ก็เป็นได้
ไม่ใช่ว่าผม "กลัว" จะโดน "ฟ้อง" หรอกนะครับ เพราะทุกครั้งที่ผมเขียน หรือ แสดงความคิดเห็น ผมก็เขียน และแสดงความคิดเห็นจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง และไม่ได้เขียนเพียงเพื่อความ "สะใจ" หรือถ้าพูดแบบภาษาบ้าน ๆ ก็คือ อยากจะ "ด่า" เพียงอย่างเดียว แต่ผมจะต้องแสดง "ความเห็น" ในสิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์กับเหตุการณ์ หรือเรื่องราวนั้น ๆ ควบคู่ไปด้วยเสมอ ผมจึง "มั่นใจ" มากว่า ถ้าเราเขียน หรือ แสดงความคิดเห็น เพื่อเป็น "ประโยชน์" แล้ว จะถูก "ฟ้อง"
มันก็คงเป็นเรื่องที่ "แปลก" สิ้นดี
เอาเป็นว่าวันนี้ เกิดความรู้สึก อยากจะแสดงความคิดเห็นบ้าง ถึงเรื่องราวหลากหลายเรื่อง ที่ไม่ว่าจะ "จับต้อง" หรือไป "สะกิด" ตรงไหน มันก็เป็นเรื่องที่น่าพูดถึงทั้งนั้น เกี่ยวกับการทำงานของ สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ
เรื่องการสร้างสนามฟุตซอล เพื่อการเป็นเจ้าภาพจัดศึก "ฟุตซอลโลก" เป็นประเด็นที่เขาพูดกันจน "เบื่อ" แล้ว ผมเลยขอข้ามไปก็แล้วกัน
ขอไปที่เรื่องราวเกี่ยวกับทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ที่นับวัน ผลงานมีแต่จะ "เตี้ยลงสาละวัน" เพราะการบริหารจัดการที่ "ไม่ได้ความ" ของสมาคมลูกหนังกันดีกว่า
หลังจากทีมชาติไทยเรา "ล้มเหลว" ในทัวร์นาเมนท์แล้ว ทัวร์นาเมนท์เล่า จนกลายเป็นว่า แค่ระดับอาเซียน เรายังเอาตัวไม่รอด ร่วงตกรอบแรกซีเกมส์ 2 สมัยติดต่อกัน , ไม่ได้เป็นแชมป์อาเซียนคัพ มานับเป็นเวลา 10 ปีเข้าไปแล้ว
แน่นอน ศึกอาเซียน แชมเปี้ยนชิพ หรือ ฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ ที่จะมีขึ้นในเดือนหน้านี้ จึงกลายเป็นทัวร์นาเมนท์ที่ แฟนบอลชาวไทยเรา เฝ้าจับตามองว่า ทีมชาติไทยของเรา จะทำผลงานได้ดีสักแค่ไหน เพื่อรอติดตามดูการแสดงความ "รับผิดชอบ" ของผู้บริหารสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่ถือเป็นผู้ที่ต้องรับผิดชอบ "โดยตรง" หลังจาก บ่ายเบี่ยงว่า ความล้มเหลว ของทีมชาติไทย ในช่วงที่ผ่านมา ไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของตน
เรื่องการเตรียมตัว เตรียมทีมชาติไทย ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ถึงความ "ไม่ได้เรื่อง" ของผู้ที่เกี่ยวข้อง ผมคงไม่ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมไปจากสิ่งที่แฟนบอลมากมาย ได้แสดงความคิดเห็นกันมาอย่างต่อเนื่อง และตลอดเวลา
แต่เรื่องที่ "ตลกไม่ออก" ล่าสุด เกี่ยวกับเรื่อง สนามแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ และชิงชนะเลิศ (ถ้าหากว่าทีมไทยไปถึง) นี่ซิ ผมอ่านรายละเอียดเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว ขอว่ากันแบบตรงไปตรงมา ตามประสาคน "ปากจัด" ครับว่า
"ห่วยแตกที่สุด"
เหตุผลที่บอกว่า เป็นเพราะสนามศุภชลาศัย และ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ติดภารกิจของต้นสังกัด มันเป็นการ "ประจาน" การทำงานของสมาคมฟุตบอลฯ โดยแท้
โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลซูซูกิ คัพ ได้รู้กันมานานแล้วว่า เราจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ไม่ทราบว่าท่านได้เคยไปทำการติดต่อขอจองสนามมาก่อนหรือเปล่า
ผมว่า คงไม่เคยไปติดต่อหรอกครับ เพราะเห็นในโปรแกรมการแข่งขัน ที่ออกมาก่อนหน้านี้ และเผยแพร่โดยตลอด ก็บอกว่า จะใช้สนามราชมังคลาฯ แข่งรอบรองฯ และรอบชิงฯ
เพราะถ้าเคยไปติดต่อไว้ก่อน ยังไง กกท. เจ้าของสถานที่ เขาก็คงจะไม่ไปเอารายการอื่น ๆ มาลงในช่วงดังกล่าวหรอก
เช่นเดียวกับที่สนามศุภชลาศัย ซึ่งที่ตั้งของสมาคมลูกหนังฯ ก็อยู่ใต้ถุนสนามนั่นแหละ แต่พวกท่าน ก็คงไม่เคยไปแจ้ง หรือไปบอกกล่าว กับเจ้าของสถานที่ก็คือ กรมพลศึกษา เอาไว้ก่อน เขาก็เลยมีโปรแกรมอื่น ๆ มาลง
ตรงนี้ อย่ามา "เถียง" นะครับว่า ไม่ใช่ "ความผิด" ของพวกท่าน ถึงยังไง มันก็ "ฟังไม่ขึ้น" อย่างแน่นอน
ส่วนประเด็น จะย้ายไปเล่นที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยม ซึ่งมีความจุเพียงน้อยนิด แทนที่จะไปเล่นในสนามต่างจังหวัดอย่างที่ เชียงใหม่ , ที่โคราช หรือแม้แต่ ที่สนามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ซึ่งเป็นสนามที่ใหญ่ และพร้อมจะรองรับความสนใจของแฟนบอลชาวไทย มากกว่าที่สนามเอสซีจี สเตเดี้ยมแน่ ๆ
โดยท่านให้เหตุผลว่า เนื่องเพราะกลัวจะมีปัญหาในเรื่องของการขนย้ายป้ายโฆษณา
ประทานโทษครับ ไม่ว่าทราบ ท่าน คิดเอาเหตุผลนี้มาอ้างได้อย่างไร
แล้วอย่างงี้ ยังชอบมาอ้างว่า ไม่มีใครมีความรู้ความสามารถเทียบเท่ากับพวกท่าน ที่ทำกันอยู่ทุกวันนี้
ทำกันซะจนบอลไทยเรา ไม่มีที่จะยืนแล้ว แม้แค่ระดับภูมิภาคอาเซียน
ก็ยัง "หน้าด้านหน้าทน" ทำกันอยู่อีกเน๊าะ
เรื่องโดย "เฮียนอส"