คุยเบาๆกับ "เสือใต้พลัดถิ่น"

คุยเบาๆกับ "เสือใต้พลัดถิ่น"

คุยเบาๆกับ "เสือใต้พลัดถิ่น"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกครั้งที่ได้เริ่มทำอะไรใหม่ๆ สิ่งที่ตามมาคือเรามัก "กลัว" ที่จะล้มเหลว จนบางครั้งอาจท้อแท้ไปบ้าง แต่กำลังใจ ความเข้าใจ จากคนรอบข้าง จะทำให้เรากลับมาฮึดสู้ได้ทุกครั้ง

ข้อดีของการได้ทำอะไรใหม่ๆ ก็คือการได้มีโอกาส เจอสิ่งแวดล้อมใหม่ ได้ทำความรู้จักกับคนใหม่ๆ ที่บางครั้ง มาพร้อมกับมุมมองน่าสนใจหลายอย่าง

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสพูดคุย กับหนุ่มใหญ่ชาวเยอรมันคนหนึ่ง ที่เข้ามาเยี่ยมเยือนในร้านกาแฟ เพื่อนใหม่ของผมชื่อ "โจเช่น" หรือ เรียกสั้นๆว่า "โจ"

 q

โจ สวมเสื้อหมายเลข 10 แปะหลังเสื้อ "ROBBEN" เข้ามาในร้าน ดื่มกาแฟ ดูรีรัน เกม "แดร์ กลาสิคเกอร์" โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ กับ บาเยิร์น มิวนิค อย่างไม่สนใจคนรอบข้าง (รวมถึงภรรยาสาวไทยที่น่ารัก) โจ บอกว่าถึงจะรู้ผลการแข่งขันแล้ว แต่เขาไม่ได้ดูเกมที่เพิ่งถ่ายทอดสดไปในคืนวันเสาร์ เลยตั้งใจอยากจะมานั่งดูทีมรักในเกมสำคัญ

ระหว่างดูเกมไป ได้พูดคุยกันหลายเรื่อง ผมเริ่มด้วยการบอกโจว่า ทีมของคุณอาจจะต้องรอต่อไปนะในปีนี้ สำหรับยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เพราะปีนี้ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟอร์มดีเหลือเกิน แต่สหายเยอรมันสวนกลับทันควัน ในฐานะที่เป็นแฟนบอลถือตั๋วปีของสโมสร เขามองว่า บาเยิร์น มิวนิค ยังคงมีโอกาส ส่วนเกมที่แพ้ เปแอสเช เป็นเกมที่ต้องยอมรับความสามารถของคู่แข่ง แต่หลังจากที่ทีมได้ จุปป์ ไฮย์เกส กลับมา ทุกคนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และฟอร์มของทีมโดยรวมก็ดีขึ้น

 868241376

ทำไมเป็นอย่างนั้น? โจ บอกว่า แฟนบอลรู้ดีว่าไฮย์เกส เป็นโค้ชที่เหมาะกับทีมมากที่สุด เมื่อเขาเข้ามาทุกอย่างเปลี่ยนไป เริ่มตั้งแต่การซ้อม ในยุคของ คาร์โล อันเชอล็อตติ มักเป็นการซ้อมที่มีรูปแบบ แน่นอน ตายตัว ไม่มีความแปลกใหม่ เมื่อการซ้อมจบสิ้น ทุกคนต้องจบ กลับบ้าน พักผ่อน สวนทางกับนักเตะบาเยิร์นส่วนใหญ่ ที่ต้องการซ้อมต่อ เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของตัวเอง ที่สุดเรื่องนี้กลายเป็นความขัดแย้งลึกๆ

กุนซืออิตาเลี่ยน แก้ไขด้วยการออกกฎห้ามซ้อมเกินกำหนด เพราะไม่ต้องการให้นักเตะได้รับบาดเจ็บจากการซ้อม ส่วนในยุค ไฮย์เกส "คัมแบ็ค" เขามองว่าเรื่องนี้ ทำให้นักเตะแกร่งขึ้น และมีความเชื่อมั่นมากขึ้น สภาพร่างกายนักเตะของทีมเสือใต้ จึงดูดีขึ้นผิดหูผิดตาจากเมื่อช่วงต้นซีซั่น

 169807222

ในส่วนการบริหารทีม โจ ให้ข้อสังเกตที่น่าสนใจ ทีมบาเยิร์นของเขา จะมีนักเตะที่เป็นนักเตะชุดใหญ่ที่ใช้งานสลับไปมาจริงๆประมาณ 18 คน ต่อซีซั่นเท่านั้น ต่างกับทีมอื่น ซึ่งนั่นก็ทำให้ทีม สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายในเรื่องค่าเหนื่อยของนักเตะในแต่ละปีได้สบายๆ ด้วยวินัยการเงินที่ยอดเยี่ยม ซึ่งถ้าหากปีไหนทีมไม่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวน ผลงานของทีมก็อาจจะทำได้เทียบเท่ากับ กับชุด "ทริปเปิ้ลแชมป์" ในปี 2013 แต่ถ้าตรงกันข้าม โจ ยอมรับตามตรงเลยว่า เขาแทบไม่รู้จักผู้เล่นสำรองจากชุดสมัครเล่นของทีมบางคนด้วยซ้ำ

และทันทีที่ภาพจับมาที่ อูลี่ เฮอเนส อดีตประธานสโมสร โจ บอกว่า เขาชื่นชอบในการทำงานของ เฮอเนส มากกว่า คาร์ล ไฮนซ์ รุมเมนิกเก้ ประธานคนปัจจุบัน โดยมองว่า เฮอเนส มีความเป็นผู้ใหญ่ สุขุมนุ่มลึก มากกว่า รุมเมนิกเก้ ที่ในบางครั้ง ก็ไม่ค่อยระวังในคำพูด แต่ก็ยอมรับว่า ทั้งสองคนต่างเป็นนักเตะที่ยิ่งใหญ่ในยุคของตัวเอง

 854883764

นอกจาก บาเยิร์น มิวนิค แล้ว เรายังได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนเรื่องราวของวงการฟุตบอลอีกหลายเรื่อง เขาถามผมว่า คิดว่าฟุตบอลไทยลีก ถ้าเปรียบเปรยกับลีกในยุโรป ลีกบ้านเราน่าจะอยู่ในระดับไหน เออ ตอบยากเหมือนกันนะ...

ถ้าเปรียบเจลีก เป็นพรีเมียร์ลีก เราก็น่าจะสกอตติช พรีเมียร์ลีก.. ผมตอบเขาไปอย่างนั้น ด้วยศักดิ์ศรี ความเป็นไทยที่ค้ำคอ ซึ่งก็เป็นคำตอบที่ไม่น่าจะเกินเลยนะ

โจคุยถึงทีมชาติเยอรมนี ด้วยความภูมิใจ เล่าให้ฟังว่า ทุกครั้งที่มีฟุตบอลโลก ทุกเกมที่ทีมชาติลงสนาม ทุกครั้งที่ทีมชนะ และผ่านเข้ารอบลึกๆ จะมีการเฉลิมฉลองกันจนเป็นธรรมเนียม จากงานเล็กๆในหมู่บ้าน กลายเป็นงานใหญ่ ระดับเมือง ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เมื่อทีมคว้าแชมป์โลก งานฉลองจะยิ่งใหญ่แค่ไหน

 d

หึหึ อันนี้ผมนี่แอบหมั่นไส้เล็กๆ ถ้าเป็นทีมชาติไทยได้ไปบอลโลกละก็ ไม่ต้องรอชนะ หรือลุ้นเข้ารอบลึกหรอก พวกเราฉลองยกเมืองตั้งแต่เกมแรก ยันจบทัวร์นาเม้นท์ แน่นอน... ฮ่า

แต่ต้องยอมรับหมอนี่เหมือนกันว่า เป็นแฟนบอลเข้า "กระดูกดำ" จริงๆ จนนึกภาพออกเลยว่า ถ้าหากพี่แกเข้าไปดูในสนามจะเป็นยังไง แค่ดูผ่านหน้าจอยังอินขนาดนี้ โจไม่ยอมกลับบ้านครับ จนกว่าฟุตบอล "รีรัน" จะจบเกม เขาบอกว่า เขาต้องการทำหน้าที่แฟนบอลจนวินาทีสุดท้ายของเกม... บ่ะ!!! สุดยอดจริงๆ

เราคุยกันอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ มาริโอ เกิตเซ่, โธมัส มุลเลอร์ เลยเถิดไปถึง เรอัล มาดริด ในยุคกาแลคติกอส และฟุตบอลโลกปีหน้า เป็นการคุยที่ออกรสชาติ และก็ยอมรับว่าได้แลกเปลี่ยนความรู้จากเพื่อนใหม่คนนี้มากมายนัก

 516016586

เมื่อเกมจบสนิท ย้ำว่า จบสนิท เราร่ำลา และนัดหมายกันว่า คงมีโอกาสได้ดูฟุตบอล พร้อมพูดคุยแบบออกรสแบบนี้อีก

หลังจากโจ เดินลับหายไป ผมเกิดความคิดที่ว่า ชีวิตนี้ แม้จะได้ทำอะไรใหม่ๆหลายต่อหลายครั้ง หลายต่อหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยห่างหายไปจากชีวิตเลย คือโลกของฟุตบอล ที่ยังคงวนเวียนมาพร้อมกับเพื่อนใหม่ โอกาสใหม่ๆเสมอ

ขอบคุณที่เกิดมาบ้าบอลแต่เด็ก และขอบคุณที่ชอบฟุตบอล เหมือนกัน แล้วพบกันใหม่ อากาศเริ่มหนาว ดูแลรักษาสุขภาพครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook