ฟุตบอล : เพราะรักจึงจัดให้
ฟุตบอล : ขณะที่ประเทศไทย ดินแดนสยามเมืองยิ้ม กำลังทำหน้าที่ต้อนรับแขกบ้าน แขกเมืองจากทั่วหัวระแหง ได้มาเยี่ยมเยือน ในฐานะเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลชิงแชมป์โลก 2012
พร้อมกับเนรมิตสนาม บางกอก ฟุตซอล อารีน่า ณ หนองจอก เป็นสังเวียนแข้งแห่งความภาคภูมิใจของใครบางคน ด้วยงบพันสองร้อยกว่าล้านบาท เพื่อรองรับการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นต้นไป
ย้ำนะครับ รอบ 8 ทีมเป็นต้นไป ไม่ใช่นัดเปิดสนาม หรือเป็นสังเวียนหลักอย่างที่ "ฟีฟ่า" เขาฝากการบ้านมาให้ทำย้อนไปเมื่อปี 2010 ที่ไทยเราเบียดทั้ง จีน, อิหร่าน, สาธารณรัฐเช็ก, อาเซอร์ไบจาน และกัวเตมาลา
จนได้งานระดับโลกมาจัดที่บ้านเรา ในยุคของ "บิ๊กป๋อม" นายอดิศักดิ์ เบ็ญจศิริวรรณ ประธานพัฒนาฟุตซอลแห่งชาติ ในยุคนั้น (ปัจจุบันเปลี่ยนสถานะเป็นแฟนฟุตซอลที่ต้องซื้อตั๋วเข้าชม)
จะเนื่องด้วยฝน ฟ้า อากาศ .. อุทกภัย วาตะภัย อัคคีภัย หรือพระอภัย (ไม่เกี่ยว!!) อะไรต่างๆ นา นา ไม่เป็นใจ ทำให้งานล่าช่า (มากๆๆ) ทำให้เพิ่งลงเสาเข็มจริงๆ จังๆ กันเมื่อต้นปีนี้เอง
เอาเป็นว่าเสร็จทันในแบบฉบับไทยแลนด์โอนลี่+ไทยแลนด์สไตล์ แต่ไม่ได้บอกนะว่าเป็น ผักชีโรยหน้า หรือ แก้ผ้าเอาหน้ารอด หรือเปล่า?? เรื่องแบบนี้ เว้นไว้ให้วิจารณญาณท่านผู้อ่านได้ทำงาน ประมวลผลเอาเองแล้วกันนะครับ
ห่วงก็แต่ว่า "ฟีฟ่า" เค้าจะไว้เนื้อเชื่อใจเราสักแค่ไหน หากเห็นชื่อ "Thailand" เสนอตัวเป็นเจ้าภาพอีเว้นท์อื่นๆ ที่ "ฟีฟ่า" รับรอง ในอนาคตข้างหน้า
เอาน่า เอาเป็นว่า ณ ที่แห่งนี้ เราคนไทยไม่ทิ้งกัน เชื่อว่าทุกคนพร้อมที่จะส่งแรงเชียร์ แรงใจ ให้ทีมฟุตซอลทีมชาติไทย ต่อกรกับผู้มาเยือน ได้อย่างสมศักดิ์ศรีคนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก
แต่ ณ ที่โรงละครแห่งความฝัน เกิดเหตุการณ์กระชากต่อมความรู้สึกสุขปนเศร้า ของ 2 แฟนบอล จาก 2 ทีม กับนักเตะเพียงคนเดียว
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ สร้างความสุขตลบอบอวลปกคลุมไปทั่วผืนฟ้าในเมือง แมนเชสเตอร์ แต่ในขณะเดียวกัน ก็สามารถดึงซีนอารมณ์หม่นหมอง เศร้าสร้อย น้อยเนื้อต่ำใจ "โอ้วว มายก็อด!! ทำไมถึงทำกันอย่างนี้" ออกจากก้นบึ้งของหัวใจสาวก "เดอะ กันเนอร์ส" ออกมาได้ด้วยเช่นกัน
ในฐานะแฟน แมนฯ ยูฯ ผู้จงรักภักดีในสถาบัน "ปีศาจแดง" คงไม่มีสุขใดจะเทียบเท่าการได้เฮฮาหน้าจอ ไชโยโห่ร้อง ยามได้เห็นทีมรักเจาะตาข่ายคู่แข่ง หนำซ้ำคู่ต่อกรคือทีมบรรดาศักดิ์สูงอย่าง อาร์เซน่อล แล้วด้วย
แต่ที่ยิ่งเหนือไปกว่านั้นอีกสเต็ปหนึ่ง คือการได้เห็น "อาร์วีพี" ยิงประตูทีมรักเก่าที่บ้านเกิด ย่อมเป็นอะไรที่พิเศษใส่ไข่ สะใจ และฮาร์ดคอร์มากยิ่งขึ้นไปอีก
ส่วนหัวอกของแฟน "ปืนใหญ่" จากที่ได้สัมผัส พูดคุย ใช้นิ้วเขี่ยๆ ดูแล้ว (55 ล้อเล่น) หลายคนค่อนข้างใจหายกับการที่เห็นอดีตศูนย์หน้าเบอร์ 1 กลายสถานะมาเป็นเพชฌฆาตผู้ปลิดชิพอดีตอู่ข้าวอู่น้ำเก่าแบบไม่ปราณี
เห็นกันอยู่หลัดๆ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว "อาร์วีพี" ยังสวมเครื่องแบบครบรอบ 125 ปี ของสโมสร เดินนำลูกทีมลงสนาม และยิงประตู แมนฯ ยูฯ ได้ทั้งไปและกลับ (แพ้ 2-8 และ แพ้ 1-2)
มีที่ไหน อยู่กินกันมากว่า 8 ปี ทำกันเยี่ยงนี้ มันจี๊ดอ่ะ !!
แต่เชื่อในใจลึกนะครับว่า หัวใจทั้ง 3 ห้องครึ่ง (อีกครึ่งแบ่งให้ แมนฯ ยูฯ) ของ ฟาน เพอร์ซี่ ยังอยู่กับ อาร์เซน่อล แต่ด้วยจิตวิญญาณของมืออาชีพ บวกกับสัญชาติญาณนักฆ่า คือ สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
อากัปที่ "อาร์วีพี" แสดงออกมาหลังยิงประตูทีมเก่าได้ ตอบทุกความรู้สึกของเจ้าตัวที่มีในก้นบึ้งได้เป็นอย่างดี
ส่วนประเด็นอื่นๆ ในเกมนี้ ที่จะต้องพูดถึง คงหนีไม่พ้นเรื่องจุดโทษ กับใบแดง ที่พักหลังโดนวิจารณ์อย่างหนัก ทั้งหาว่าโกงบ้างล่ะ ซื้อกรรมการบ้างล่ะ และอื่นๆ ต่างมุมมอง
จะว่าไปแล้ว แมนฯ ยูฯ ถือว่าเป็นหนึ่งในทีมที่ได้จุดโทษมากที่สุดทีมหนึ่งในพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่เปิดฤดูกาลมา สิงห์เชิ๊ตดำมอบของขวัญให้แล้วถึง 6 ครั้ง (รวมทุกถ้วย) เท่าๆ กับ เชลซี แต่กลับยิงเข้าแค่ 2 ลูกเท่านั้น
มีเพียง ไรอัน กิ๊กส์ คนเดียวเท่านั้น ที่ส่องจุดโทษครั้งแรก และครั้งเดียวในฤดูกาลนี้ ในถ้วยแคปปิตอล วัน คัพ ได้แล้วเป็นประตู นอกนั้นไล่ตั้งแต่ ฟาน เพอร์ซี่, ชิชาริโต้, นานี่ และล่าสุด เวย์น รูนี่ย์ แข่งกันยิงพลาดกันมาแล้วทั้งนั้น
ผิดกลับทีม "สิงโตลอนดอน" 6 ครั้งสอยเรียบวุธ ตุงตาข่าย 100 % ทุกครั้ง !!
ในขณะที่ 2 ใบเหลืองของ แจ็ค วิลเชียร์ กองกลางดาวรุ่งที่หลายคนฝากความหวังเอาไว้ หลังเพิ่งหายเจ็บกลับคืนสนามนัดที่ 2 ในรอบ 17 เดือน ถือซะว่าเหมาะสมก็แล้วกันนะครับ จะได้ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด
หรือจะบอกว่า ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ล่ะ ทำไมไม่โดนเหลืองที่ 2 เหมือน "หนูแจ็ค" บ้างล่ะ ..อืมนะ?? เอาเป็นว่าขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้ตัดสินคนๆ นั้นด้วยล่ะกัน จะบอกว่า ไมค์ ดีน ทำหน้าที่ได้ดีระดับหนึ่งในเกมนี้ อย่างน้อยก็ดีกว่า มาร์ค แคล็ทเท่นเบิร์ก ที่โดนด่าเปิงจากเกมกับ เชลซี
แต่สิ่งที่เห็นและเป็นอยู่ของ แมนฯ ยูฯ เท่าที่ประจักษ์แก่สายตา คือการโดนคู่แข่งที่มีกำลังพลน้อยกว่าเป็นฝ่ายบุกกระทำชำเราได้ตลอดๆ ไม่เค้ย ไม่เคยสร้างความได้เปรียบจากจุดนี้ได้เลย จนพลาดคลีนชีตในช่วงเสี้ยววินาทีสุดท้าย
บางที เซอร์ อเล็กซ์ อาจต้องหาเวลามาปรึกษาอาจารย์หนูบ้างแล้วล่ะ จะแก้ปัญาหาตรงจุดนี้ยังไง หรือต้องจับแผงแนวรับทั้งก๊วนไปสักยันต์ 5 แถวเพื่อหนุนดวง พ่วงด้วย ยันต์เก้ายอด ป้องกันศาสตราวุธทั้งหลาย ก็รีบๆ ทำซะ จะได้ไม่ต้องลุ้นเยี่ยวเหนียวถึงขนาดนี้
เป็นอันว่าเอวังในเกมกับอริแย่งแชมป์ในช่วงยุค 90 ถึงต้นยุค 2000 จบไปด้วยชัยชนะ 2-1 กับอีก 3 แต้มล้ำค่า พร้อมผงาดขึ้นไปรั้งจ่าฝูงแล้วค้าบ
ส่วนแฟน "ปืนโต" ที่ทั้งรักทั้งชัง ทั้งหวาน และขมขื่น ในตัว ฟาน เพอร์ซี่ อยู่ อาจจะต้องอดใจรอนิดนึง ปลาย เม.ย. 2013 นู่นเลย เจอกันที่ เอมิเร็ตส์ สเตเดี้ยม แน่นอน
หวังเพียงว่าถึงเวลานั้น สาวก "เดอะ กันเนอร์ส" คงจะทำใจได้บ้างแล้ว หากว่า "อาร์วีพี" ยิงจรวด "อาร์พีจี" ยี่ห้อ "ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน" ทะลวงบ้านหลังเก่าแบบไม่ยั้งเท้า
เรื่องโดย "จ่าตุ๊"