ฟลุ๊คแล้วไง! มันก็เข้ารอบเหมือนกัน
ทันทีที่เสียงนกหวีดยาวดังขึ้นในเกมคู่ระหว่าง หมู่เกาะโซโลมอน กับ กัวเตมาลา ในการแข่งขันฟุตซอลโลก 2012 ในเกมนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มสายเอฟ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เสียงเฮของแฟนบอลชาวไทยดังขั้นเช่นเดียวกัน
เพราะทีมฟุตซอลไทยได้ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายของฟุตซอลโลกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ครั้งแรกที่สยามประเทศได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตซอลโลก "ไทยแลนด์ 2012" แม้การเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ของประเทศไทยจะไม่สมบูรณ์เพอร์เฟ็กแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้คนไทยยิ้มได้ก็คือการได้ผ่านเข้ารอบ 2 ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการฟุตซอลไทย แม้มันจะไม่สง่างามเท่าไหร่ก็ตามเพราะต้องเข้ามาในฐานะอันดับ 3 ที่ดีที่สุด และเป็นอันดับ 3 ลำดับที่ 4 ซึ่งเป็นอันดับสุดท้ายที่ได้ผ่านเข้ารอบก็ตาม
ทีมฟุตซอลไทยของเราได้มีโอกาสผ่านเข้าไปเล่นในฟุตซอลโลกมาแล้ว 3 สมัย แต่ก็ต้องตกรอบแรกมาทั้งสามครั้ง แต่ครั้งนี้ ซึ่งเป็นครั้งที่ 4 ของขุนพลโต๊ะเล็กช้างศึกที่ได้เข้าร่วมแข่งขันในฐานะเจ้าภาพ เราก็สร้างผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการผ่านเข้าไปเป็น 1 ใน 16 ทีมสุดท้ายของฟุตซอลโลก 2012
แม้หลายคนจะมองว่าผลงานทั้ง 3 เกมของทีมชาติไทยในรอบแบ่งกลุ่มจะยังคงไม่น่าพอใจเท่าไหร่ การได้ผ่านเข้ารอบมาก็เป็นเพราะโชคช่วยหรือเรียกง่ายๆ ว่า "ฟลุ๊ค"
แต่สำหรับในวงการกีฬานั้นนั้นเรื่องความเฮงหรือดวงมันก็แยกกันไม่ออกเหมือนกัน แม้จะเก่งขนาดไหนแต่ถ้าไม่เฮงดวงไม่ดีก็ไม่ประสบความสำเร็จได้เหมือนกัน
ถ้าเราจะพูดแค่ว่าทีมที่เก่งและผลงานดีเท่านั้นที่เหมาะสมจะได้ผ่านเข้ารอบ ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องมาเตะให้เสียเวลาหรอกครับ เอาสเปน กับ บราซิล ที่เป็นอันดับ 1 และ 2 ของโลกมาชิงกันเลยครับ แต่นั้นก็ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเรื่องกีฬามันเป็นเกมการแข่งขัน มีกฎกติกา เราเองได้ผ่านเข้ารอบมาก็เป็นเพราะกติกาที่เขาวางเอาไว้
ฉะนั้นเราจะได้เข้ารอบมาอย่างไรผมว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เอาเป็นว่าเราเข้ารอบก็แล้วกัน ส่วนพวกที่มือไม่พายคอยเอาเท้าราน้ำ ว่านู้นว่านี่สงสัยพ่อของมันเป็นฝรั่งดองไม่ใช่คนไทยหรอกครับ
ถ้าพูดถึงผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม 3 นัดที่ผ่านมาของฟุตซอลไทย เปิดสนามด้วยการชนะคอสตาริก้า 3-1 ทำให้กระแสฟุตซอลโลกในเมืองไทยดูจะคึกคักขึ้นมา แต่ในเกมนัดที่ 2 เราก็ต้องมาแพ้ให้กับยูเครน 5-3 และนัดสุดท้ายที่อาจจะทำให้เราต้องรอบเพราะแพ้ให้กับปารากวัย 3-2 การชนะ 1 แพ้ 2 จะว่าไปแล้วมันก็ไม่ได้ขี่เหร่อะไรนัก
เพราะอย่าลืมว่าเราเองก็ชนะในฟุตซอลโลกเป็นครั้งแรก และยิงประดูได้ทุกนัด นี่มันก็เป้นผลงานที่ดีขึ้นกว่าในทุกครั้งที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอ แถมยังมีดวงที่ทำให้เราผ่านเข้ารอบด้วยซ้ำ แล้วเราจะเอาอะไรกับมันอีก
ถึงตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องคิดถึงก็คือคู่ต่อสู้ของเราในรอบต่อไป คือ "กระทิงดุ" สเปน ที่ถูกวางให้เป็นเต็งหนึ่งในฟุตซอลโลกครั้งนี้ และก็อีกนั่นแหละหลายคนก็มองว่าคงจะเป็นเกมนัดสุดท้ายของทีมชาติไทยในเวิลด์คัพ
แม้แต่ผมเองก็คิดเช่นนั้น แต่ถึงอย่างไรเราก็ยังต้องเชียร์และผมก็เชื่อลึกๆ ว่าทุกคนก็แอบหวังว่าเราจะล้มสเปนได้เช่นกันแม้มันจะมีโอกาสที่ 0.00000001 เปอร์เซ็นต์ก็ตาม
แต่ผมว่าในสนามมีนักเตะ 5 คนเท่ากัน มือ และ เท้า ก็เท่ากัน ทำไมเราจะสู้ไม่ได้ แน่นอนการเจอสเปนเราเป็นรองทุกด้าน ยกเว้นเรื่องเสียงเชียร์ที่เราเป็นเจ้าภาพ แต่ถ้าเราเล่นแบบอุด อุด แล้วก็อุด อย่างเดียว ไม่ต้องบุกสู้ ผมว่าเราก็พอมีทางเหมือนกันน่ะ
อยู่ในแดนตัวเองบอลมาทางไหนแตะทิ้งไปทางนั้น ไม่ต้องครองบอลนาน ไม่ต้องต่อเกม ไม่ต้องพยายามบุกขึ้นไปเยอะ แล้วรอหมดเวลาไปลุ้นยิงจุดโทษผมว่าเรามีโอกาสเหมือนกันน่ะ แต่ก็ต้องไปดูความเฉียบคมในการดวลจุดโทษอีกที
แม้แผนการที่ผมกล่าวไปมันจะดูปัญญาอ่อน ดูไม่สู้ เสียศักดิ์ศรี แต่ถามว่าถ้าเราจะสู้แบบตัวๆ กับสเปน มันจะมีโอกาสชนะเขาได้เหรอครับ อันนี้เราพูดด้วยความจริง ถ้าเปิดเกมแลกกันก็เตรียมตัวตกรอบได้เลย
แต่ถ้าเล่นด้วยแทคติก เตะทิ้งลูกเดียว ผมว่าสเปนมันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน สำคัญที่ว่าเราอย่าเสียประตูก่อนเด็ดขาด ถ้าเราหวังที่จะเข้ารอบบางทีมันก็ต้องยอมเสียศักดิ์ศรีบ้าง
ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ขึ้นอยู่กับเกมในวันที่ 11 พ.ย.นี้ ที่อาคารกีฬานิมิบุตร เวลา 18.30 น.ว่าไทยเราเลือกที่จะเป็นแบบไหน เปิดหน้าสู้แพ้เละตามคาด ตั้งรับรอโดนยิง หรือ เตะทิ้งลุ้นจุดโทษ กระทิง แม้มันจะดุ จะแข็งแกร่ง จะปราดเปรียวแค่ไหน
แต่ถ้าเจอช้างศึก ที่มันคง หนักแน่น มันก็ต้องหลบเหมือนกันแหล่ะครับ อย่างไรก็ตามผลมันจะเป็นอย่างไร เราในฐานะคนไทยก็ต้องเชียร์ทีมชาติไทยครับ
เรื่องโดย"กังนัมสไตน์"