มีวันนี้เพราะพี่ (หมี) ให้
ฟุตบอล : เมื่อปี 2003 มีชายหนุ่มจากรัสเซียคนหนึ่งได้ตัดสินใจกระโจนเข้าสู่วงการลูกหนัง อย่างเต็มตัว หลังจากได้ชมเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบก่อนรองชนะเลิศระหว่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ เรอัล มาดริด
ซึ่งผลจบลงด้วยชัยชนะของทีม "ปีศาจแดง" 4-3 แต่เป็น "ราชันชุดขาว" ที่เข้ารอบไปด้วยสกอร์รวมสองนัด
แมตช์นั้นคือจุดสปาร์คให้ชายหนุ่มคนนั้นเข้าสู่วงการลูกหนังแบบเต็มตัว และได้ตัดสินใจซื้อสโมสรในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ทีมหนึ่งอยู่ในย่านไฮโซของกรุงลอนดอน และ 9 ปีให้หลัง สโมสรแห่งนั้นกลายสภาพเป็นแชมป์ยุโรป
ใช่ครับ ชายชาวรัสเซีย ที่ว่าก็คือ "เสี่ยหมี" โรมัน อบราโมวิช ส่วนสโมสรย่านไฮโซในกรุงลอนดอน ก็คือ เชลซี ที่ไม่ต่างอะไรกับ ซินเดอเรลล่า กลายเป็นเจ้าหญิงในชั่วข้ามคืน แต่ว่าในตอนนี้ เมื่อเข้าสู่ช่วงปีที่ 10 ทุกสิ่งทุกอย่างดูจะไม่หวานชื่นเหมือนเดิมเสียแล้ว
เชลซี ในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงที่แย่ที่สุดในยุคของ เสี่ยหมี หรือที่เรียกกันว่า อาณาจักรโรมัน ไม่ชนะใครติดต่อกันในลีก 7 เกม และที่สำคัญ การตัดสินใจที่แฟนบอลรับไม่ได้มากที่สุดก็คงจะเป็นการ แต่งตั้ง ราฟาเอล เบนิเตซ อดีตกุนซือของ ลิเวอร์พูล ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นอริตัวเอ้ของ เชลซี เข้ามาคุมทัพ
การมาของ เบนิเตซ เกิดขึ้นหลังจากการสั่งปลด โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ขวัญใจแฟน ๆ ใน "เดอะ บริดจ์" เพียงแค่ไม่กี่วันเท่านั้น และในเกมล่าสุดที่ เชลซี พ่ายให้กับ เวสต์แฮม 1-3 หยุดสถิติไร้พ่ายต่อทีมขุนค้อน เอาไว้ที่ 12 นัด ก็เรียกได้ว่าตอนนี้ ทีม "สิงโตน้ำเงินคราม" เข้าสู่วิกฤตแบบเต็มรูปแบบแล้วล่ะ
จริงๆ เรื่องแบบนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนะกับเรื่องแบบนี้ เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ทุกทีมต้องเจออยู่แล้ว แต่อยู่ที่ว่าจะผ่านช่วงนี้ไปได้ในสภาพไหนมากกว่า
แต่สิ่งหนึ่งที่เริ่มแหม่งๆ แล้วก็คือ มีแฟนเชลซี บางกลุ่มในสนาม รวมไปถึงในบ้านเรา เริ่มมีอาการ "ไม่เอา" หรือ "ยี้" ใส่ทางด้านของ อบราโมวิช บ้างแล้ว ซึ่งมันไปเป็นสิ่งที่ไม่น่า และไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นมาก่อน
ในฐานะที่ตัวผมเองก็เป็นแฟนเชลซีคนหนึ่งที่เชียร์มาตั้งแต่ก่อนที่ "เสี่ยหมี" จะเข้ามา ส่วนหนึ่งก็เพราะหลงใหลในความมีสไตล์กลิ่นอายของแข้งต่างชาติ และมนต์เพลงลูกหนังจาก จานฟรังโก้ โซล่า ก็เคยขุ่นเคืองกับการตัดสินใจและความใจร้อน ของโรมัน มาบ้างเหมือนกัน
โดยเฉพาะการแยกทางกับ โชเซ่ มูรินโญ่ ผู้ดลบันดาลแชมป์พรีเมียร์ลีกมาให้ เป็นอะไรที่รู้สึกเซ็งเป็นอย่างมาก แต่สุดท้าย ลองมองในมุมกลับสิ ถ้าหากว่า ไม่มี อบราโมวิช ถามหน่อยเหอะว่า มูรินโญ่ จะเข้ามาคุมทีมเชลซีมั้ย
หลังจากยุคของ มูรินโญ่ เชลซี ก็ยังคงเป็นทีมลุ้นแชมป์เหมือนเดิม แม้ว่าจะเปลี่ยนตัวกุนซือเป็นว่าเล่น แต่แล้วยังไง ในเมื่อเชลซี ก็ยังรักษาระดับการเป็นทีมลุ้นแชมป์ได้เหมือนเดิม แถมปีล่าสุดถึงขั้นทะลุเป้าเข้าไปคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาครองได้อีกด้วย
ความดีความชอบเกินครึ่งต้องยกให้กับ "เสี่ยหมี" เต็มๆ เพราะถ้าหากว่าเขาไม่เข้ามาเทคโอเวอร์ทีมเมื่อ 9 ปีก่อน เชลซี ก็คงจะเป็นแค่ทีมที่ลุ้นทำอันดับไปเล่นฟุตบอลยุโรป กับเน้นบอลถ้วย บางปีอาจจะได้ไป ยูโรปา ส่วนบางปีก็ดีหน่อย อาจจะได้ไปลุยแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่จะให้เป็นทีมลุ้นแชมป์น่ะเหรอ คงเป็นเรื่องยาก
ถามหน่อยว่า ระหว่างประธานสโมสรที่ห่วงแต่เงินในกระเป๋าของตัวเอง จะซื้อนักเตะคนนั้นคนนี้ต้องคิดแล้วคิดอีก กับประธานที่ใจป้ำที่พร้อมทุ่มเงินแบบไม่อั้นเพื่อพาทีมไปให้ถึงเป้าหมาย แม้ว่าถ้าไม่ได้ดั่งใจก็อาจจะทำอะไรขัดใจไปบ้างก็ตาม แต่ก็ยังได้ลุ้นแชมป์อยู่ตลอดทุกปี แบบที่ อบราโมวิช เป็นอยู่ตอนนี้ คุณอยากได้แบบไหน
ตอบไม่ยากมันก็ต้องแบบหลังอยู่แล้ว เพราะมันชัดเจนว่า เขาอาจจะบ้าอำนาจ แต่ก็เพราะว่าเขาต้องการให้ทีมประสบความสำเร็จ แล้วไอ้ที่มีทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เพราะเม็ดเงินและความกระหายที่จะนำถ้วยแชมป์มาสู่สโมสรรึไง
ผมไม่รู้นะครับว่า คนที่โห่ไล่ อบราโมวิช นั้นคิดอะไรอยู่ แต่เชื่อว่าเกินครึ่งก็น่าจะมาเชียร์เชลซี ในยุคอาณาจักรโรมัน แน่ๆ และพอมามีช่วงที่แย่ๆ ก็รับไม่ได้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้เลยว่าถ้าไม่มี "เสี่ยหมี" เข้ามา คิดรึว่านักเตะสตาร์ชื่อดังอย่าง ออสการ์, เอแด็น อาซาร์, เฟร์นานโด ตอร์เรส และใครต่อใคร จะตบเท้าเข้ามาที่ เดอะ บริดจ์ มั้ย
โรมัน อบราโมวิช อาจจะไม่ใช่ประธานสโมสรที่เพอร์เฟ็กต์เลิศเลอไปซะทุกอย่าง แต่ใครบ้างล่ะที่ไม่อยากมีเจ้าของทีมแบบเขา จากที่คนมองว่า เขาเห็นเชลซี เป็นแค่ของเล่นหมดสนุกแล้วก็จะจากไป แต่นับถึงตอนนี้ มันก็จะ 10 ปีแล้วนะครับ
ก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าเกิด เสี่ยหมี น้อยใจขายทีมทิ้ง หรืออำลาทีมไปจริง ไอ้พวกที่โห่เขาจะรับได้หรือเปล่า ถ้าหากว่าสโมสรต้องกลับมาอยู่ในสภาพแบบเดิม เหมือนกับ 10 ปีที่ผ่านมา เป็นเพียงแค่ฝันไป
ไม่ต่างอะไรกับ ซินเดอเรลล่า ที่ได้เป็นเจ้าหญิงถึงแค่เที่ยงคืน และก็กลับไปคลุกฝุ่นในใต้ถุนเหมือนเดิม
เรื่องโดย "The Nut"