ปฏิบัติการทวงคืนวันดีดี
ฟุตบอล : กับศึก "เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ" หนนี้ดูจะเป็นขวบปีที่ฟีเวอร์สำหรับแฟนบอลไทยเลยทีเดียว พ้นหลังที่ขุนพลช้างศึกกระเด็นเข้าสู่รอบตัดเชือก
การบุกไปยันเสือเหลืองได้ถึงถ้ำพร้อมประตูอเวโกล ทำให้หลายคนกล้าฟันฉับแบบไม่กลัวหน้าแหก "ไทยน่าจะเข้าชิง"
เราเองก็อยากให้เป็น หากแต่โลกลูกหนังมันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
เกมบุกไปเยือน "มาเลเซอร์" ต้องยอมรับด้วยประการทั้งปวงว่า เราสู้ไม่ได้ และถือเป็นโชคดีแล้วที่ได้คะแนนกลับมาสู้ในนัดสอง (โดยเฉพาะจังหวะที่ กวิน บินได้ ลอยตัวปัดลูกโขก ซาฟี ซาลี่ ท้ายเกม)
เพราะผลสกอร์เช่นนี้ทำให้ "เสือเหลือง" ต้องบุกมาชนะไทยสถานเดียว หากเสมอก็ต้องมีผลต่างประตูที่ไม่ใช่ศูนย์
แน่นอนนอกจากผลการแข่งขันในเกมแรกแล้ว เราอาจกุมความได้เปรียบอยู่ครึ่งก้าวจากการที่นัดนี้เราได้มาหวดในถิ่นเราเอง
"ศุภชลาศัย"
ส่วนที่ทำให้เราเซอร์ไพส์ถึงกับแอบยิ้มได้เลยคือ "ฟีดแบค" ในเกมนี้ที่ดูจะดีเหลือเกิน พ้นหลังจากวันก่อนมีไอ้เกลอคนสนิทสมัยเรื้อนในรั้วมหาวิทยาลัย มาถามไถ่ทางเฟชบุ๊ก "เฮ้ย บัตรทีมชาติหมดยังวะ"
เราเลยแวบเข้าไปดูที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ ช่องทางในการจองบัตรเข้าชมการแข่งขันปรากฏว่าตั๋วกว่า 17000 ใบจาก 19000 ที่นั่งถูกจับจองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือที่ว่างเพียง 2000 ที่นั่งที่ทางสมาคมบอลฯ ประกาศว่าจะมาจำหน่ายหน้างาน
ทว่าตัวเลขที่ว่าง 2000-3000 ที่นั่งนั้นก็ไม่สามารถการันตีได้ว่าจะทำให้ ศุภชลาศัย เต็มความจุหรือไม่ เนื่องจากเป็นที่นั่งที่สปอร์นเซอร์ผู้มีพระคุณที่นำไปแจกจ่ายลูกค้าด้วย
ซ้ำยังไม่นับรวมบรรดาพ่อค้า-แม่ค้า ที่พากันฉกฉวยกักตุนตั๋วเพื่อไปปล่อยในราคาที่สูงกว่า ณ หน้าสนามในวันแข่งอีกด้วย
เรียกว่าอย่างไรก็ตามเราน่าจะได้เห็น "สนามศุภฯ" แตกอีกครั้ง หลังภาพเหล่านี้เลือนหายจากวาบความคิดไปนาน
เราค่อนข้างเสียดายที่เกมนัดนี้ไม่ได้ถูกละเลงขึ้นที่ สนามราชมังคลากีฬาสถาน ที่ ณ ปัจจุบันขณะ
ถูกแปรสภาพเป็นสนาม "ทามิย่า" ชั่วคราว
แม้ความจุของสนามศุภฯ จะเทียบไม่ได้กับเกมที่มาเลย์เปิดบ้านรับเรา ทว่าเรายังเชื่อว่าจำนวนคนเพียง 1 ใน 4 ของพวกเราจะกดดันพวกเขาได้
แน่นอนว่าในวันนี้เป็นเกมที่สำคัญ ที่เราต้องเข้าชิงสถานเดียวเพื่อกลับมาเป็นเจ้าอาเซี่ยนอีกหน หลังจากเราห่างเหินโทรฟี่แชมป์รายการนี้มาร่วม 10 ปี
และหนนี้อะไรหลายๆอย่างดูเหมือนจะเป็นใจให้กับ "ทีมชาติไทย" เหลือเกินในการทวงความสำเร็จกลับมาอีกครั้ง
การเจอกับ "แชมป์เก่า" ไม่ใช่งานง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินศักยภาพของทีมไทยแน่นอน แม้ในวันแข่งเราอาจจะไม่มี "ขงเบ้ง" คู่ใจอย่าง วินฟรีด เชเฟอร์ ที่ทำได้เพียงคุมเกมอยู่บนอัฒจันทร์
แต่เรายังเชื่อว่าด้วยสตาฟฟ์ทีมที่เหลือจะสามารถทดแทนการไร้ "วินนี่" ข้างสนามในเกมนี้ได้อย่างดี แต่นั่นไม่เท่าสิ่งสำคัญที่สุดในเกมพบ มาเลเซีย คือแรงใจจากผู้เล่นคนที่ 12 ข้างสนาม
ร่วมกันเข้ามาแหกปากกดดันอาคันตุกะจากเพื่อนบ้านเรา สร้างความฮึกเหิมให้ผู้เล่นของเรา
"ทวงคืนวันดีดี"
เรื่องโดย "หมอกฟ้า"