CHANGE! เปลี่ยนแล้วดี

CHANGE! เปลี่ยนแล้วดี

CHANGE! เปลี่ยนแล้วดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฟุตบอล : CHANGE ไม่ใช่ธีมหลักในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อสมัยแรกของ บารัค โอบามา ผู้นำเมืองมะกันแต่อย่างใด

ก็แค่เห็นว่ามันกำลังเข้ากระแสกับวงการลูกหนังในยุคนี้พอดิบพอดีก็เลยหยิบเอามาวางไว้โก้ๆ ไปอย่างนั้นแหละ หลังกระแส "Change" หรือ "เปลี่ยน" กำลังฮอตฮิตติดลมบน

ก็ดูอย่าง ดาวิด ลุยซ์ ดาวเตะเชลซี ซึ่งเพิ่งมารู้ตัวว่า "เหมาะ" กับการเป็น "กองกลาง" เอาเมื่อตอนอายุอานามปาเข้าไป 25 ขวบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ก็ลงเตะในฐานะ "กองหลัง" มาตลอดชีวิต

จากไอ้ที่เคยเข้าสกัดโฉ่งฉ่างสร้างความหงุดหงิดฝ่าเท้าให้กับกองเชียร์ "สิงห์บลูส์" รวมถึงการหลุดตำแหน่งอยู่บ่อยๆ จนถูกฝากทักทายไปถึงบุพการีอยู่เป็นประจำนั้นก็กลับกลายเป็นคนละคนกันไปเลย เพียงแค่ขยับขึ้นมาอยู่กลางสนามแทนที่จะเป็นหน้าปากประตูทีมตัวเอง

ลุยซ์ ทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจแม้จะไม่ถึงกับยอดเยี่ยมติดตรึงตะลึงงันก็ตาม ถึงอย่างนั้นเขาก็กลายเป็นตัวทีเด็ดที่ทีมจะขาดไปไม่ได้เสียแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นการตัดเกมในแดนกลาง, ดันสูงขึ้นไปช่วยเกมรุก, การผ่านบอลและประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมก็ดูจะดีขึ้นอีกหลายขีดกิโลฯ ด้วยเหมือนกัน

ว่าแล้ว ราฟา เบนิเตซ กุนซือชาวสเปนซึ่งเป็นคนจับ ลุยซ์ ขึ้นมาเล่นในตำแหน่งนี้ก็เลยประกาศชัดๆ มัน ณ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปเลยว่าด้วยฟอร์มการเล่นระดับจัดจะแดมแจ่มว้าวววว ณ บัดนาวอยู่นั้นก็คงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจะต้องถอยดาวเตะรายนี้กลับลงไปเล่นในตำแหน่งที่เสี่ยงต่อการทำให้ทีมแพ้ได้มากกว่าอย่างกองหลัง

และด้วยประการฉะนี้นี่เอง "เอล บอส" ซึ่งอ่านขาดมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าอดีตแนวรับ เบนฟิก้า มีสัญชาตญาณการเล่นเกมรุกอยู่ในระดับสูง(กว่าการเล่นเกมรับ)ก็เลยตัดสินใจที่จะให้ ลุยซ์ ปักหลักลงเล่นในแดนกลางไปแบบยาวๆ ซึ่งไอ้คำว่า "ยาว" นั้นอาจจะหมายถึงตลอดไปเลยก็เป็นได้

ได้ฟังอย่างนั้น ปีเตอร์ เช็ก ผู้รักษาประตูเชลซี และสาวก "สิงโตน้ำเงินคราม" หลายคนอาจจะกำลังดี๊ด๊ากันยกใหญ่ฉลองควบรวบกับวันคริสต์มาส, บ็อกซิ่ง, สิ้นปี และปีใหม่กันไปเลยที่จะได้ไม่ต้องคอยด่า ลุยซ์ ทั้งต่อหน้าและลับหลังธารกำนัลกันอีกต่อไปแล้ว

แต่ช้าแต่...หากเปลี่ยนแล้วมันดีขึ้นมาได้ เปลี่ยนแล้วมันก็ต้องเลวลงได้ด้วยเหมือนกัน

ดูอย่าง อลัน สมิธ อดีตเด็กปั้นลีดส์ ยูไนเต็ด เป็นตัวอย่าง ย้ายออกจากถิ่นเอลแลนด์ โร้ด ไปอยู่กับคู่อริอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมกับถูก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีม "ปีศาจแดง" ฆ่าทิ้งอย่างช้าๆ ด้วยการปรับจาก "กองหน้า" ไปเป็น "กองกลาง" เพียงเพราะเห็นว่าไอ้หนุ่มนี่มันโหด เลว ดี และเข้าเสียบสกัดคู่แข่งได้อย่างไร้ความกรุณาปราณีโดยแท้

ในที่สุดดาวเตะเจ้าของชื่อเรียก "สมัดเจอร์ส" ก็ทำได้แค่กองอยู่แถวๆ นั้น ก่อนที่ในปัจจุบันจะร่วงลงมากองอยู่กับ เอ็มเค ดอนส์ ในระดับลีกวัน และยังคงพยายามพิสูจน์ตัวเองกับตำแหน่ง "กองกลาง" จวบจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ (แม้จะได้ลงเล่นเป็นกองหน้าอยู่บ้างประปราย)

อย่างไรก็ดี นักเตะบางรายอาจจะเคยถูกปรับเปลี่ยนตำแหน่งไปแล้วก่อนที่ผู้เป็นนายจะบังเกิดดวงตาเห็นธรรม เลิกฟุ้งซ่าน และกลับตัวกลับใจได้ทัน อาทิ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ปีกซ้ายลิเวอร์พูล ซึ่งถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ผู้จัดการทีมจับถอยลงไปเล่นเป็นแบ็กซ้ายพร้อมฟันธงล่วงหน้าเลยว่าพ่อค้าแข้งรายนี้ "เกิด" แน่นอน และเมื่อฟันธงกันมาแบบนี้...ก็ดับอนาถสิครับ!

ดาวนิ่ง ทำผลงานในแผงรับได้ไม่ดีนักจน "บีร็อด" ต้องทำใจประกาศจะขายทิ้งอดีตเด็กปั้น มิดเดิ้ลสโบรช์ ในตลาดนักเตะช่วงปีใหม่นี้ เคราะห์ดีที่คนดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ (โอ้วว โคตร 'เวอร์) ดาวนิ่ง ได้กลับมาเล่นเป็นปีกซ้ายอีกครั้งในเกมกับ ฟูแล่ม เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

แล้วเหมือนผีโงกุนในร่างซูเปอร์ไซย่า 4 เข้าสิงก็ไม่ปาน ดาวนิ่ง จากที่เคยปวกเปียกเป็นโนบิตะก็กลับกลายเป็นว่าระเบิดผลงานครั้งที่ดีที่สุดในชีวิตค้าแข้งกับ "หงส์แดง" ออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย ยิง 1 จ่าย 1 ได้อย่างงามหยดซึ่งเป็นทั้งประตูและแอสซิสต์แรกของเขากับสโมสรอีกด้วย

สมิธ กับ ดาวนิ่ง ถือเป็นตัวอย่างในการปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่ดูจะไม่ค่อยดีนัก แต่สำหรับ ลุยซ์ อนาคตของเขาในตำแหน่งกองกลางดูท่าว่าจะไปได้สวยทีเดียว โดยก่อนหน้าเขาก็เคยมีบรรดานักเตะรุ่นพี่เคยทำสำเร็จกับการเปลี่ยนตำแหน่งมาแล้ว...และมากมายหลายต่อหลายคน

ฮาเวียร์ มาสเคราโน่
กองกลาง มาเป็น กองหลัง

มาสเคราโน่ สร้างชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วในฐานะกองกลางตัวรับชั้นอ๋องคนหนึ่งของวงการ เพราะไม่ว่าจะเป็นกับ ลิเวอร์พูล หรือ อาร์เจนติน่า เขาก็ผูกขาดยึดครองตำแหน่งนี้เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นและเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทีมจะขาดไปไม่ได้เลย

ทว่าฉับพลันที่เขาย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า ซึ่งมี เซร์คิโอ บุสเกตส์ ยืนเก้งก้างทำหน้าที่เดียวกันกับเขาอยู่นั้น มาสเคราโน่ ซึ่ง ณ เวลานั้นชื่อชั้นดีกว่าอยู่หลายช่วงตัวกลับทำผลงานสู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง

สุดท้ายสถานการณ์ก็สร้างวีรบุรุษ การ์เลส ปูโยล และ เคราร์ด ปิเก้ คู่กองหลังตัวจริงสลับกันได้รับเจ็บอย่างกับคู่มวยปล้ำแท็กทีม มาสเคราโน่ เลยได้เสียบตำแหน่งนี้และก็ลงเล่นในตำแหน่งนี้มาตั้งแต่นั้นเรื่อยมา

เธียร์รี่ อองรี
ปีกซ้าย มาเป็น กองหน้า

อดีตปีกซ้ายดาวรุ่งที่ทำว่าจะร่วงทั้งที่เพิ่งแจ้งเกิดกับ โมนาโก ได้ไม่นาน อองรี ย้ายมาดับอนาถอย่างไม่น่าเชื่อกับ ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวแสนแพงในยุคนั้น 10.5 ล้านปอนด์ ก่อนจะถูก "ไอ้ม้าลาย" ขายทิ้งโดยไม่ต้องคิดมากให้กับ อาร์เซน่อล สโมสรที่พลิกชีวิตและประวัติศาสตร์การค้าแข้งของเขาให้เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล

อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศสมองเห็นคุณสมบัติในการเล่นเป็นกองหน้าของไอ้หนุ่มรายนี้ว่ามีดีมากกว่าที่จะจำกัดอยู่แค่พื้นที่ริมเส้น อองรี เปลี่ยนจากปีกซ้ายมาเป็นกองหน้าแล้วก็ทำได้ผลงานได้อย่างที่รู้ๆ กัน 228 ประตู/ 378 นัด พร้อมกับได้รับการสถาปนาให้เป็นตำนานคนสำคัญในถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อย่างไร้ข้อกังขา

จานลูก้า ซามบร็อตต้า
ปีกซ้าย/ ขวา มาเป็น แบ็กซ้าย/ ขวา

บางคนอาจจะลืมไปแล้วว่าก่อนหน้าที่ ซามบร็อตต้า จะมาเป็นฟูลแบ็กสารพัดประโยชน์ให้กับ บาร์เซโลน่า และ เอซี มิลาน ในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมานั้นเขาเคยลงสนามในฐานะปีกจอมพลิ้วของ ยูเวนตุส มาก่อน "ซามโบร" เล่นได้ทั้งปีกซ้ายและปีกขวาและถือเป็นกลจักรสำคัญของทั้ง "ไอ้ม้าลาย" และ อิตาลี

ซึ่งใน ฟุตบอลโลก 2002 เขายังเล่นเป็นปีกขวาอยู่เลยก่อนที่จะมากลายเป็นแบ็กขวาใน ฟุตบอลโลก 2006 ไปเสียอย่างนั้น และคนเราจู่ๆ ถ้าไม่มีเหตุให้เปลี่ยนมันก็คงจะไม่ยอมเปลี่ยนกันง่ายๆ สาเหตุที่ ซามบร็อตต้า ต้องถอยลงไปเล่นอยู่ในแผงรับนั้นก็เป็นเพราะการมาถึงของ เมาโร คาโมราเนซี่ ปีกขวาอิตาเลียน-อาร์เจนไตน์ ซึ่งแย่งตำแหน่งของเขาไปทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ

บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์
ปีกซ้าย/ขวา มาเป็น กองกลาง

"ชไวนี่" แจ้งเกิดขึ้นมาครั้งแรกๆ ในสีเสื้อ "เสือใต้" ก็ด้วยตำแหน่งปีก ดาวเตะจอมห้าววัยยังไม่ถึง 20 ปี (ณ ตอนนั้น) ลากเลื้อยได้อย่างสุดสะเด่าทั้งทางฝั่งขวาและฝั่งซ้ายจนตกเป็นที่หมายตาของหลายๆ สโมสรทั่วทั้งยุโรปไม่ว่าจะเป็น อินเตอร์ มิลาน หรือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

ก่อนจะเกิดจุดพลิกผันครั้งใหญ่กับตำแหน่งของเจ้าตัว ชไวน์สไตเกอร์ ถูกขยับเข้ามาเล่นตรงกลางสนามและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกว่าสมัยที่ยังเล่นเป็นปีกเสียด้วยซ้ำ และจากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 10 ปีมาแล้วทว่า ชไวน์สไตเกอร์ ไม่เคยสูญเสียตำแหน่งของตัวเองไปเลยแถมยังได้รับการยกย่องให้เป็น 1 ในสุดยอดผู้เล่นในตำแหน่งนี้อีกต่างหาก

โคโล่ ตูเร่
กองหน้า มาเป็น ปีก มาเป็น กองกลาง มาเป็น กองหลัง

แม้ว่าตอนนี้ "ตูเร่ผู้พี่" จะกลายเป็นเพียงอะไหล่สำรองกับต้นสังกัดปัจจุบันอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ตาม ทว่านั้นก็เป็นไปด้วยเรื่องของอายุอานามที่มากขึ้นทำให้สมรรถภาพหย่อนยานกันไปตามกาลเวลาแต่หากพูดถึงเรื่องการประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งการเล่นแล้ว

ดาวเตะซึ่งมีนามกรเต็มๆ ว่า โคโล่ อาบิ๊บ ตูเร่ ถือว่าทำได้น่าประทับใจกว่าใครๆ เพราะเขาถือเป็นผู้ที่ปรับตัวเพื่ออยู่รอดได้อย่างแท้จริง ตูเร่ โตขึ้นมากับ อาร์เซน่อล สถานีแรกในอาชีพค้าแข้งของเขาโดยเริ่มต้นจากการเป็นกองหน้า ก่อนจะถ่างออกไปด้านข้างมากขึ้นในฐานะปีก หุบเข้ามาอีกนิดในฐานะกองกลาง

และไปๆ มาๆ ก็มาจบที่ตำแหน่งกองหลังและทะลึ่งทำผลงานได้ดีที่สุดจนยึดตำแหน่งนี้เรื่อยมาเสียอย่างนั้น

เรื่องโดย "นนท์"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook