ท็อปเทนยอดแข้งปีมะโรง
ฟุตบอล : เผลอแปปเดียวชาวโลกก็ได้ฤกษ์เฉลิมฉลองอำลาปีมะโรงกันแล้ว ส่วนตัวผมคิดไปคิดมาแทบไม่ได้ใช้เวลาตลอด 12 เดือนทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
แต่อย่างน้อยๆ ก็มีเรื่องดีเกิดขึ้นอยู่บ้าง เมื่อท้ายที่สุดก็ได้ข้อสรุปว่าโลกยังไม่แตกน่ะครับ อันนี้ก็ขอให้พวกที่เอาความเชื่อของชาวบ้านมาเป็นเครื่องมือทำมาหากินจงประสบเคราะห์กรรมด้วยเทอญ
ดังที่กล่าวมาข้างต้น เราท่านทั้งหลายคงใช้ช่วงเวลานี้พบปะสังสรรค์กับครอบครัวที่อาจไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันมาแรมปี ไม่เว้นกระทั่งผู้เขียนที่ขอตัวเดินทางกลับสู่บ้านเกิดเมืองคนดี สุราษฏร์ธานี
ฉบับสุดท้ายของปีนี้จึงอยากทิ้งท้ายไว้ที่ 10 นักเตะที่กระผม "จูลส์ริเม่ต์" มองว่าโดดเด่นที่สุดแล้วในปีมะโรง ขอให้ปีมะเส็งฟ้าใหม่ "ฮอตสกอร์" จะได้รับใช้ทุกท่านต่อไปขอรับ
10.มาร์โก รอยส์
ดาวเตะวัย 23 ปี ถือเป็นผู้เล่นในดวงใจของกระผม จึงอดไม่ได้ที่จะนำมาติดโผแข้งยอดเยี่ยมปีมะโรง ซึ่งผลงานตลอด 12 เดือนก็ใช่ว่าจะขี้ริ้วขี้เหร่
ไม่มีใครปฏิเสธว่าฤดูกาลที่ผ่านมา รอยส์ คือผู้เล่นคนสำคัญที่ช่วยให้ โบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัค ยกระดับจากทีมหนีตายมาคว้าสิทธิไปลุยยุโรปหน้าตาเฉย
สุดท้าย รอยส์ ตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอจาก บาเยิร์น มิวนิค เพื่อย้ายมาร่วมทัพ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 17 ล้านยูโร เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา พร้อมได้รับเลือกให้คว้าตำแหน่งนักเตะแห่งปีของเยอรมันเสียด้วย
9.เอดินสัน คาวานี่
หัวหอกทีมชาติอุรุกวัย ถือว่ามีขวบปี 2012 ที่ยอดเยี่ยม เมื่อกระซวกตาข่ายไปถึง 94 ประตูจากการลงสนาม 192 นัดบนแผ่นดินมะกะโรนี แม้ไม่อาจนำพา นาโปลี คว้าแชมป์มาครองก็ตาม
เจ้าของฉายา "อิล มาทาดอร์" ย้ายจาก ปาแลร์โม่ มาร่วมทัพยอดทีมแห่งกรุงเนเปิ้ลส์เมื่อปี 2010 ด้วยค่าตัวรวม 17 ล้านยูโร แต่ ณ เวลานี้หากมีการย้ายทีมเกิดขึ้นคงมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 60-70 ล้านยูโร
อย่างไรก็ตาม คาวานี่ ยังคงภักดีกับสาวก "อัซซูร์ร่า" แม้ภาระหนักในแดนหน้าจะตกมาเป็นของเขา หลังคู่ขาอย่าง เอเซเกล ลาเวซซี่ ย้ายไปโกยเงินกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง
8.ยาย่า ตูเร่
ใครจะไปเชื่อว่า มิดฟิลด์ทีมชาติไอวอรี่ โคสต์ จะก้าวขึ้นมามีอิทธิพลในแดนกลางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองเป็นสมัยแรกในรอบ 44 ปี
หลังกวาดแชมป์กับ บาร์เซโลน่า มาครองเต็มตู้โชว์ ยาย่า ตัดสินใจย้ายออกมาร่วมทัพ "เรือใบสีฟ้า" เมื่อปี 2010 ด้วยค่าตัว 24 ล้านยูโร พร้อมบทบาทห้องเครื่องสำคัญในแดนกลาง
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงปัจจุบัน ยาย่า ยังคงเป็นฟันเฟืองสำคัญที่ ซิตี้ จะขาดไม่ได้ จน โรแบร์โต้ มันชินี่ ถึงขนาดเอ่ยปากว่าจะหา "นิวยาย่า" ที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
7.อันเดรีย ปีร์โล่
โฮลดิ้งมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลี เป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญที่ช่วยให้ ยูเวนตุส ซิวสคูเด็ตโต้ไปครองแบบไร้พ่ายตลอดซีซั่น ทั้งที่อายุอานามปาเข้าไป 33 ปีแล้ว
แต่ลืมตัวเลขดังกล่าวไปเลย เมื่อ ปีร์โล่ ยังคงโลดแล่นอยู่บนสนามเหมือนม้าหนุ่ม แม้บทบาทปลายปีช่วงเริ่มซีซั่นใหม่จะดูโดดเด่นน้อยลง เนื่องจากมีแข้งหนุ่มฝีเท้าดีคอยแบ่งเบาภาระอยู่
นอกจากนี้ ปีร์โล่ คงเป็นผู้เล่นอิตาเลียนเพียงไม่กี่รายที่เคยผ่านการรับใช้สโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง อินเตอร์ มิลาน, เอซี มิลาน และ ยูเวนตุส ตลอดอาชีพนักเตะ 18 ปี
6.โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
แม้ผลงานของ อาร์เซนอล จะดิ่งลงเหวอย่างต่อเนื่อง แต่ฟอร์มโดยรวมของ หัวหอกทีมชาติฮอลแลนด์ ตลอดขวบปีที่ผ่านมาถือว่ายอดเยี่ยมสมราคาดาวซัลโวพรีเมียร์ลีก
อย่างไรก็ตาม ในฐานะสาวก "ปืนใหญ่" อดเสียดายไม่ได้ที่เห็นดาวเตะตัวเก่ง และเป็นถึงกัปตันทีมตัดเยื้อใยอำลาทีมรักได้ลงคอ แม้เข้าใจดีว่าคนเราต้องเลือกความก้าวหน้า
แต่ปัจจุบันคงไม่มีใครแปลกใจกับเม็ดเงินที่ 24 ล้านปอนด์ที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทุ่มลงไปเพื่อแลกกับ ดาวยิงวัย 29 ปี เมื่อ ฟาน เพอร์ซี่ ร้อนแรงต่อเนื่อง กระซกไปแล้ว 14 ตุงในพรีเมียร์ลีก
5.ซลาตัน อิบราฮิโมวิช
ดาวยิงทีมชาติสวีเดน คือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้ เอซี มิลาน ต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก หลังตัดสินใจย้ายไปร่วมทัพ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
แถม อิบราฮิโมวิช ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมบนแผ่นดินตราไก่ เพราะสาวก เปแอสเช สามารถอุ่นใจได้เลยว่าทีมจะพบกับชัยชนะ หากมีเขารับบทหัวหอกตัวความหวังในทีม
ล่าสุด สวีเดน ก็เพิ่งมีการบัญญัติศัพท์ใหม่ว่า "ซลาตัน" เอาไว้ในพจนานุกรมของพวกเขา โดยให้ความหมายว่า "มีอิทธิพลทั้งในและนอกสนาม" หลังกลายเป็นคำฮิตติดปากของชาวสวีดิชมานมนาน
4.อันเดรส อินิเอสต้า
ครั้งหนึ่ง เซร์คิโอ ราอมส ให้คำขนานนาม อินิเอสต้า ว่า "ผู้วิเศษ" อันเนื่องมาจากลีลาการร่ายมนต์บนฟลอร์หญ้า ซึ่งเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ยากที่ใครจะสามารถเลียนแบบได้ง่ายๆ
ซีซั่นที่ผ่านมา ดาวเตะวัย 28 ปี อาจเจอปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนจนส่งผลต่อตำแหน่งแชมป์ลาลีกาของ บาร์เซโลน่า แต่หากมองย้อนกลับไป หรือแม้กระทั่งฤดูกาลนี้ ผลงานของ อินิเอสต้า ยังเข้าขั้นระดับโลกเหมือนเคย
นั่นจึงไม่น่าแปลกใจที่ อินิเอสต้า จะได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้เข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ประจำปีนี้ เคียงข้าง ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสติอาโน่ โรนัลโด้
3.ราดาเมล ฟัลเกา
ศูนย์หน้าทีมชาติโคลอมเบีย ยกระดับตัวเองขึ้นมาเป็นดาวยิงแถวหน้าของยุโรปได้อย่างน่าชมเชย จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่เจ้าตัวจะเนื้อหอมมากที่สุดในช่วงตลาดซื้อขายหน้าหนาว
ก่อนหน้านี้ หลายคนเคยปรามาสว่า ฟัลเกา อาจเป็นแค่ของก็อปทำเหมือน หลังเก็บข้าวของย้ายมาร่วมทัพ แอตเลติโก มาดริด เมื่อช่วงซัมเมอร์ปี 2011 ด้วยค่าตัวกว่า 40 ล้านยูโร
แต่ผ่านไปไม่ทันไร ดาวยิงวัย 26 ปี ก็ตอบแทนค่าตัวทุกยูโรเสียยิ่งกว่าคุ้ม เมื่อกระซกตาข่ายให้ "ตราหมี" ไปแล้ว 56 ประตูจากการลงสนาม 69 นัด พร้อมนำทีมเถลิงแชมป์ยูโรป้า ลีก และยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ
2.คริสติอาโน่ โรนัลโด้
ต้องยอมรับว่า ซูเปอร์สตาร์ทีมชาติโปรตุเกส คืออัศวินตัวจริงที่ช่วยให้ เรอัล มาดริด เบียดแย่งแชมป์ลาลีกามาครองได้สำเร็จเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา หลังปล่อยให้ บาร์เซโลน่า ยืดอกพกถุงอยู่นาน
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2007 ที่ ไอ้หนูโรนัลโด้ ลงมาโชว์ลีลาสับขาหลอกในเกมกับ โบลตัน เรียกเสียงหัวเราะจากผู้เขียนได้เป็นอย่างดี ผ่านมา 5 ปีใครจะไปเชื่อว่าหมอนี่ขึ้นขั้นเก่งที่สุดในโลกไปแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ ดาวเตะวัย 27 ปี ไม่สามารถสลัดตัวเองพ้นเงาของ ลิโอเนล เมสซี่ ได้สำเร็จ มีเพียงคำตอบให้พอชื่นใจจากสาวกด้านมืดว่าเก่งคนละแบบ???
1.ลิโอเนล เมสซี่
ไม่มีต้องบรรยายสรรพคุณให้มากความ เพราะเชื่อว่าทั่วทุกมุมโลกย่อมรับทราบถึงความเก่งกาจของบุรุษผู้มาจากต่างดาวอย่าง เมสซี่ ที่ทำอะไรก็เหมือนง่ายไปหมดบนฟลอร์หญ้า
แม้จะไม่สามารถนำ บาร์เซโลน่า ป้องกันแชมป์ลาลีกาได้สำเร็จ แต่เรื่องดังกล่าวคงไม่มีใครจดจำให้เปลืองสมอง เพราะ เมสซี่ เพิ่งกลายเป็นผู้เล่นที่ทำประตูสูงสุดในรอบปีปฏิทินด้วยผลงาน 91 ลูก
ใช่ครับ "บ้าไปแล้ว" หากย้อนกลับไปช่วงสมัยมัธยมของกระผม ซึ่ง เมสซี่ ยังไม่แจ้งเกิดบนฟลอร์หญ้า หากมีใครบอกว่านักเตะคนหนึ่งจะยิง 40-50 ลูกต่อฤดูกาล ผมคงไม่เชื่อเป็นแน่แท้ รึคุณเชื่อ!!!