ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา "การกลับมาของราชันย์ยุโรป"+คลิป

ฟุตบอล : กาลาตาซาราย ยอดทีมยักษ์ใหญ่จากตุรกีทำเอาตลาดซื้อขายนักเตะรอบสองช่วงมกราคมฮือฮา

ด้วยการคว้าสุดยอดนักเตะชื่อก้องอย่าง เวสลีย์ สไนจ์เดอร์ และตามติดด้วย ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา เข้าสู่ทีมในระยะเวลาไล่เลี่ยกัน

 

 

 

 

ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา  และ  เวสลีย์ สไนจ์เดอร์

แม้ว่าทั้งสองจะไม่ได้อยู่ในช่วงพีคที่สุดในอาชีพแล้ว แต่ระดับฝีเท้าก็อย่างที่ทุกคนรู้กันดี "เข้าข่ายขั้นเทพ" จัดเป็นเวิล์คคลาสขอวงการมาตลอดจนก่อนจะโรยราลงบ้างตามอายุไข
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ทั้งคู่"แก่เกินแกง" จนใช้งานในระดับท็อปไม่ได้แล้ว เพียงแต่เราคงคาดหวังให้ทั้งคู่โชว์ผลงานไร้เทียมทานแบบเดิมก็คงจะดูยากเกินไป

เอาเป็นว่าการเสริมทีมในครั้งนี้จะทำให้กาลาตาซารายแข็งแกร่งขึ้นอีกจมหู และฝ่ายที่เตรียมปวดกะบาลมากที่สุดคงหนีไม่พ้น ชาลเก้ 04 ทีมแกร่งจากเยอรมันที่ต้องเตรียมทำการบ้านอย่างหนักในรอบ 16 ทีมสุดท้ายยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
ไหนก็ได้สองยอดนักเตะระดับท็อปของยุโรปมาแล้ว วันนี้เรามารำลึกจัด 5 แมตช์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ที่น่าประทับใจที่สุดของดร็อกบาให้ได้ชมกัน

 

(มาร์กเซย์ 3-0 ปาร์ติซาน) 01 ต.ค.2003

ระหว่างที่โอแอ็มกำลังเจอสถานการณ์ลำบากในแชมเปี้ยนส์ลีก สโมสรหาทางออกด้วยการคว้ากองหน้าวัยรุ่นชื่อ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา มาจากแก็งก็อง
ซึ่งหัวหอกดาวรุ่งชาวไอวอรี่ โคสต์ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังซัดแฮตทริกในเกมถล่มปาร์ติซาน 3-0 แก้ตัวจากเกมแรกที่แพ้เรอัล มาดริด 2-4 ได้สำเร็จ

 

(เปแอสเช 0-3 เชลซี)14 ก.ย.2004

ทันทีที่ย้ายมาเล่นให้เชลซีด้วยค่าตัวมหาศาล 36 ล้านปอนด์ สองเดือนให้หลังดร็อกบามีโอกาสรีเทิร์นกลับไปฝรั่งเศส และเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวัง ซัดสองประตูช่วยให้ทีมใหม่ของโจเซ่ มูรินโญ่ บุกยำเปแอสเช 3-0

 

(เลฟสกี้ 1-3 เชลซี) 27 ก.ย.2006

เป็นเกมนัดที่สองของรอบแบ่งกลุ่ม ดร็อกบา ถูกจารึกชื่อว่าเป็นหนึ่งในนักเตะที่ซัดแฮตทริกได้ในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตามหลังลิโอเนล เมสซี่, ฟิลิปโป้ อินซากี้ และมาริโอ โกเมซ หลังเหมาซัด 3 ประตูได้ในเกมนี้

 

(เชลซี 3-2 ลิเวอร์พูล) 30 เม.ย.2008

เป็นรอบรอบชนะเลิศ เลกสอง ที่สุดมัน นัดแรกเสมอกันมา 1-1 นัดนี้ใน 90 นาทีก็เสมอกันที่ 1-1 ก่อนที่เชลซีจะเป็นฝ่ายเข้าเส้นชัยชนะในช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-2 ดร็อกบายิงไป 2 ประตู และหนึ่งในนั้นก็เป็นประตูตัดสินเกมในนาทีที่ 105  ปีนั้นเชลซีสานฝันได้เข้าชิงแต่ปิดฉากด้วยความปราชัยต่อแมนฯยูไนเต็ด

 

(บาเยิร์น มิวนิค 1-1 เชลซี)19 พ.ค.2012

สดๆร้อนๆ และต้องเป็นเกมแห่งความทรงจำของดร็อกบาอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะในระหว่างที่เกมตึงเครียดทำท่าจะจบลงแบโนสกอร์ บาเยิร์นซึ่งเล่นได้ดีกว่าแทบตลอดทั้งแมตช์ ปลดล็อคขึ้นนำ 1-0 ด้วยประตูของโธมัส มุลเลอร์ ก่อนจะหมดเวลาแค่ 7 นาที

 
โอกาสสู่ตำแหน่งแชมป์ในฝันของเชลซีเหมือนจะดับลงอีกครั้ง แต่ก่อนจะหมดเวลาแค่ 2 นาที ดร็อกบา ก็ขี่ม้าขาวกลายเป็นฮีโร่ตามตีเสมอให้ทีมอย่างเหลือเชื่อ
เชลซี ที่เป็นรองยื้อยุดได้ดีตลอดช่วงต่อเวลา 120 นาที ก่อนได้บทสรุปเป็นทีมสิงห์ที่ครองแชมป์ยุโรปเป็นหนแรกในประวัติศาสตร์ด้วยชัยชนะในเกมดวลจุดโทษ 4-3

 

สรุป ดร็อกบา ถือเป็นกองหน้าที่ประสบความสำเร็จสูงที่สุดคนหนึ่งของยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ตลอดเวลาที่เขาค้าแข้งให้กับมาร์กเซย์, เชลซี หัวหอกวัย 34 ปีกลงเล่นในถ้วยใบใหญ่สุดไป 69 นัด กระทุ้งตาข่ายได้มากมายถึง 34 ประตู และรวมไปถึงเกียรติยศสูงสุดกับตำแหน่งแชมป์ยุโรปร่วมกับเชลซีก่อนจะย้ายไปเซียงไฮ้ เสิ่นหัว เมื่อฤดูกาลที่แล้ว

 คลิป ทักษะ+ลูกยิง ของ ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา