"ดร็อก" รีเทิร์น
ฟุตบอล : สำหรับสกู๊ปที่อยู่ในมือคุณผู้อ่านในขณะนี้ แฟนบอลทุกท่านน่าจะทราบผลการแข่งขันเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยส์ลีก รอบ 16 ทีม นัดแรก ระหว่าง กาลาตาซาราย กับ ชาลเก้ 04 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
และน่าจะรู้ด้วยว่า ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา ยอดหัวหอกพันธ์อัมตะที่เพิ่งย้ายกลับมาเล่นในยุโรปให้กับยอดทีมแดน "ไก่งวง" ได้ลงสนามหรือไม่ รวมถึงยิงประตูหรือเปล่า
เกมที่ เติร์ก เทเลคอม อารีน่า จะเป็นนัดแรกในรอบ 9 เดือนที่กองหน้าทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ ได้กลับมาสัมผัสกับทัวร์นาเมนต์นี้ นับตั้งแต่ลงสนามในเกมนัดชิงชนะเลิศที่ อารีอันซ์ อารีน่า เมื่อฤดูกาลก่อน
ผลงานของดาวยิงวัย 34 ปี ยังคงเป็นที่โจษจันจนถึงทุกวันนี้ หลังสำแดงฤทธิ์เดชเป็นคนยิงประตูตีเสมอในนาที 88 และเป็นคนสุดท้ายที่ซัดจุดโทษ ตัดสินเกมปราบ บาเยิร์น มิวนิค และพา เชลซี ฉลองโทรฟี่ย์หูยักษ์ได้เป็นสมัยแรกของสโมสร
กาลาตาซาราย 1-1 ชาลเก้ 04
เหมือนกับที่ทุกคนรู้ แม้ว่าข้อเสนอสัญญาระยะสั้นจะเป็นสวนหนึ่ง แต่สาเหตุสำคัญที่ ดร็อกบา เลือกย้ายหนี "สิงโตพันล้าน" ก็น่าจะมาจากการอิ่มตัวกับความสำเร็จที่คว้ามาได้ตลอด 7 ปีในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์
รายการในเกาะ อังกฤษ เขากวาดเรียบวุธทั้ง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และ แชร์ริตี้ ชิลด์ เหลือแต่บอลระดับทวีปที่เขาและพ้องเพื่อนฝ่าฝันร่วมกันอยู่นาน เมื่อจัดการคว้าสำเร็จมันก็เปรียบเสมือนว่าได้พิสูจน์ตัวเองได้ครบถ้วนแล้ว
อีกหนึ่งเหตุผลรองรับก็คือเมื่อเขาตัดสินใจจะย้ายกลับมาเล่นในยุโรป เชลซี ถือว่าเป็นตัวเต็งและพร้อมที่จะดึงเขากลับสู่ถิ่นเก่า แต่สุดท้าย ดร็อกบา กลับตัดสินใจเลือกที่จะไปเล่นใน ตุรกี มากกว่า
"ผมมีความสุขมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ สำหรับผมมันคือความท้าทายครั้งใหม่ และเป็นส่วนหนึ่งของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ จากนี้ไป ผมจะทำให้ดีที่สุด และพาทีมประสบความสำเร็จให้ได้" ดร็อกบา กล่าวขณะเปิดตัวที่ อิสตันบลู
ทว่าการย้ายมายัง กาลาตาซาราย ครั้งนี้มันก็ไม่ได้ง่ายราวกับโรยกลีบกุหลาบ ดร็อกบา นั้นมีข้อพิพาทกับต้นสังกัดเก่าอย่าง เซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว ที่ได้เซ็นสัญญาไว้ 2 ปีครึ่ง แต่ด้วยปัญหาเรื่องค้างค่าเหนื่อย ทำให้สุดท้ายฟีฟ่าได้อนุมัติให้เขาย้ายทีมได้
หากพูดตามความเป็นจริงแล้ว ดาวเตะวัย 34 ปีนั้นเลยช่วงนาทีทองของชีวิตมาแล้ว เขาไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อน ทำให้มีคำถามว่าเขาจะไหวพอไมสำหรับการแข่งขันในระดับสูงแบบนี้
แต่หากเราย้อนไปดูผลงานของเขากับ เซี่ยงไฮ้ เซิ่นหัว ถึงแม้ว่าจะได้เล่นเพียงแค่ 6 เดือน ทว่ามาตรฐานยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี 11 นัดยิงได้ 8 ประตู เป็นดาวซัลโวประจำทีมในฤดูกาล 2012 ถือว่าเป็นผลงานที่น่าพอใจไม่น้อย
เท่านั้นไม่พอในเกมประเดิมสนามนัดแรก ดร็อกบา ที่ลงมาเป็นตัวสำรองใช้เวลาเพียง 5 นาที ก็สามารถพังประตูแรกได้ทันที พร้อมทั้งช่วยให้ต้นสังกัดใหม่คว้า 3 แต้มด้วยการบุกชนะ อาคิชาร์ เบเลดิเยสปอร์ 2-1 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา
ลงเพียง 5 นาทีก็พังประตูได้แล้ว
เพียงแค่สถิติเท่านี้ก็น่าจะยืนยันได้ในระดับนึงว่าเขายังเป็นกองหน้าที่อันตรายอยู่เสมอ หากใครไปปรามาสคิดว่าเขาเป็นเพียงสิงห์แก่ธรรมดาๆ คงได้น้ำตาเช็ดหัวเข่าเป็นแน่แท้
ดร็อกบา ไม่ใช่นักเตะระดับซูเปอร์สตาร์เพียงรายเดียวที่ย้ายมาอยู่กับ กาลาตาซาราย โดยก่อนหน้านี้มี เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ที่เก็บข้าวเก็บของมาอยู่ก่อนหน้านี้
เมื่อบวกกับดาวเตะชื่อคุ้นหูอย่าง เฟร์นานโด มุสเรล่า, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้, เฟลิเป้ เมโล่, ฮามิต อัลทินท็อป, อัลเบิร์ต ริเอร่า, โยฮัน เอลมานเดอร์ และดาวยิงตัวเก่งประจำทีมอย่าง บูรัค ยิลมาซ
ดูแล้ว กาลาตาซาราย เองก็มีดีพอที่จะเป็นม้ามืด ใน ยูซีแอล ได้เช่นกัน!!
คุณรู้หรือไม่??
- ดร็อกบา เป็นนักเตะแอฟริกาคนแรกที่ยิงได้ 100 ประตูในพรีเมียร์ลีก
- ดร็อกบา เป็นนักเตะคนเดียวที่ยิงได้ในเกมนัดชิง เอฟเอ คัพ ถึง 4 สมัย
- ดร็อกบา เป็นดาวซัลโว ยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 2003-04
- ดร็อกบา เป็นดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก ในปี 2007 และ 2010
- ดร็อกบา ติดทีมยอดเยี่ยม ฟีฟ่า ฟิฟโปร ปี 2007
- ดร็อกบา ช่วยให้ เชลซี คว้าดับเบิ้ลแชมป์เป็นครั้งแรกของสโมสร
- ดร็อกบา นำ ไอวอรี่ โคสต์ เล่นฟุตบอลโลก ครั้งแรกในปี 2006 ที่ เยอรมัน
- ดร็อกบา เป็นนักเตะทีมชาติ ไอวอรี่ โคสต์ คนแรกที่ยิงได้ในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย
- ดร็อกบา เป็นนักเตะยอดเยี่ยมทวีป แอฟริกัน ในปี 2006 และ 2009
เรื่องโดย "เกื้อ บ้านไกล"